Your Wishlist

ทะลุมิติไปเป็นตัวเสี่ยงโชคของครอบครัวเกษตรกรรม (บทที่ 1 ลูกสาว)

Author: สรรหามาฟัง

“เด็กนั่นเป็นตัวโชคร้ายเจ้าต้องกำจัดนางทิ้งเสีย มิฉะนั้นเจ้าและครอบครัวของเจ้าจงออกไปจากตระกูลข้า” ซูเสี่ยวหลู่ทะลุมิติมายังโลกใบนี้ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กทารก และทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ถูกย่าผู้ชั่วร้ายมองว่าเธอเป็นภาระและตัวโชคร้าย ซูซานหลางพ่อของเธอกัดฟันและพูดว่า “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ท่านแยกพวกเราออกจากตระกูลเถอะเเล้วพวกเราจะออกไป” เพื่อรักษาชีวิตของเธอ พวกเขาถูกบังคับให้ออกจากตระกูลและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่น พวกเธอต้องเสี่ยงกับอาชีพใหม่ ออกไปล่าสัตว์ และชีวิตของพวกเธอก็ค่อยๆ ดีขึ้น แม้จะถูกเรียกว่าตัวซวย แต่เธอก็กลายเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาเมื่อเธออายุได้สามขวบ!! เเถมยังได้รับมรดกตกทอดของเขา และกลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว เธอรักษาโรคทางสมองของพี่ชายเธอ และพี่ชายคนโตของเธอก็กลายเป็นจอมยุทธ์เลื่องชื่อ ในขณะที่พี่ชายคนที่สองของเธอก็กลายเป็นขุนนาง พวกเขาทั้งหมดนำเกียรติมาสู่ครอบครัว ปัจจุบันเธอเป็นแพทย์ฝีมือระดับเทพและมีความเชี่ยวชาญในสูตรอาหารยา เเถมเธอยังเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในราชวงศ์โจวและทำกำไลได้มหาศาลจนเธอไม่สามารถใช้จ่ายให้หมดภายในสิบชีวิตได้ ครอบครัวของเธอเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นและญาติที่น่ารังเกียจของพวกเธอก็ปรากฏตัวขึ้นและพยายามที่จะปัญหาให้ครอบครัวเธอ ซูเสี่ยวหลู่ยิ้มเยาะ “ปิดประตูแล้วปล่อยเสือ!”

จำนวนตอน :

บทที่ 1 ลูกสาว

  • 25/02/2566

“พี่สะใภ้ ท่านช่วยบอกท่านแม่ให้ข้าดื่มน้ำเชื่อมสักชามได้หรือไม่? ข้าไม่มีแรงจะคลอดแล้วจริงๆ…”


บนเตียง นางจ้าว เหงื่อออกมามาก ใบหน้าของนางซีดเผือดและริมฝีปากของนางไม่มีสีเลือด ผมที่ชุ่มเหงื่อของนางติดอยู่ที่ใบหน้าขณะที่นางมองหญิงสาวที่ยืนสูงตระหง่านและแข็งแรงอยู่ข้างเตียงของนางอย่างอ้อนวอน


ท้องของนางจ้าว ปูดออกมาขณะที่นางกำลังจะคลอดลูก อย่างไรก็ตาม นางพยายามคลอดลูกมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว และเรี่ยวแรงของนางก็หมดไปนานแล้ว ขณะนี้นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้น นางรู้อย่างชัดเจนว่าถ้านางไม่กินอะไรบ้างนางคงจะไม่สามารถให้กำเนิดเด็กคนนี้ได้

“น้องสะใภ้นี่เจ้าไม่ได้จะทำให้ข้าลำบากใจอยู่หรือ? ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้จักนิสัยใจคอของท่านแม่เรา หากเจ้าสามารถให้กำเนิดบุตรชายให้กับน้องสามได้ 
ท่านแม่คงจะไม่ปฏิเสธที่จะให้น้ำเชื่อมแก่เจ้าหรอกถ้าเจ้าต้องการ? ข้าว่าเจ้าควรทำงานให้หนักขึ้นและรีบคลอดบุตรโดยไว มิฉะนั้นมันคงไม่ดีแน่ถ้าหากเจ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป”

สะใภ้หลี่กล่าวกับนางจ้าวด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน หากมิใช่เพราะสะใภ้โจวน้องสะใภ้คนที่สองของนางกลับไปยังบ้านเดิมของหล่อนแล้ว ภารกิจในการคลอดลูกของนางจ้าวคงไม่ตกเป็นหน้าที่ของนางเเต่เพียงผู้เดียวแน่ นางจ้าวไม่สามารถคลอดลูกได้แม้จะพยายามมาทั้งวันทั้งคืน ช่างโชคร้ายโดยแท้


ลูกในท้องของนางจะต้องเป็นตัวโชคร้ายแน่ๆ เพราะทรมานนางจ้าวจนเจียนตายตั้งแต่ยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ


เดือนสิงหาคม ฤดูการเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วง คนทั้งครอบครัวไปยังทุ่งนา แม่เฒ่าหวัง แม่สามีของพวกนางกำลังงีบหลับยามบ่ายอยู่ในห้องหลัก 
นางเคยบอกแล้วว่าอย่ารบกวนนางก่อนที่เด็กจะคลอด แม่เฒ่าหวังไม่ใช่คนที่เข้ากันได้ง่าย ดังนั้นสะใภ้หลี่จึงไม่ต้องการเห็นแม่สามีของนาง


สายตาดูถูกเหยียดหยามของสะใภ้หลี่ทำให้นางจ้าวรู้สึกสิ้นหวัง


นางจ้าวกลืนน้ำลายลงคอแล้วร้องขอ “พี่สะใภ้ ท่านช่วยรินน้ำให้ข้าสักชามได้หรือไม่?"


สะใภ้หลี่กลอกตาไปมาและพูดอย่างกระวนกระวายว่า “ย่อมได้ เจ้ารอสักครู่ ข้าจะเทให้เจ้าเมื่อข้ากลับมาจากถ่ายเบา”


จากนั้นสะใภ้หลี่ก็หันหลังกลับและเดินจากไป ขณะที่นางเดินอยู่ นางยังเอามือคลำจมูกและพึมพำว่า “เหม็นเสียจริง”


สะใภ้หลี่เปิดประตูแล้วกระแทกปิดไปข้างหลังอย่างแรง ทำให้บ้านที่สว่างไสวชั่วคราวกลับสู่ความมืดทันที


นางจ้าว ยกมือขึ้นแตะท้องด้วยความยากลำบาก น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนาง


สะใภ้หลี่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว


ในช่วงเวลานี้ นางจ้าวมีอาการเกร็งอยู่หลายครั้ง แต่นางก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย การเคลื่อนไหวในท้องของนางก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ หัวใจของนางก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆเช่นกัน

ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเปิดออก


ดวงตาของนางจ้าวสว่างวาบขึ้นด้วยความหวังอีกครั้ง นางร้องเรียกด้วยเสียงอันสั่นเครือ “พี่สะใภ้…”


“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าเอง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"


เสียงของ ซูซานเม่ย นุ่มนวลขณะที่นางเดินไปยังเตียงและมองไปที่มารดาของตนอย่างเป็นกังวล


เมื่อนางจ้าวได้ยินเสียงของลูกสาว นางรู้สึกเศร้าเล็กน้อย นางรู้ว่าสะใภ้หลี่จะไม่กลับมาเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองชั่วยามนี้
หากนางต้องการคลอดบุตร นางคงจะต้องพึ่งพาตนเองแล้ว

“ซานเม่ย รินน้ำให้แม่ที”


“เจ้าอย่ากลัวไปเลย แม่สบายดี”


นางจ้าว กล่าวอย่างอ่อนแอ นางไม่สามารถตายได้ ถ้าหากนางตายจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกๆของนาง?


ดวงตาของ ซูซานเม่ย เต็มไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัว แต่นางก็ยังวิ่งออกไปอย่างเชื่อฟัง นางรินน้ำเย็นชามหนึ่งให้กับนางจ้าว และช่วย ประคองนางดื่มอย่างระมัดระวัง


หลังจากดื่มน้ำแล้ว นางจ้าว ก็รวบรวมสติและพูดว่า "ซานเม่ย มานี่สิ กดที่ท้องของแม่ เมื่อแม่บอกให้เจ้าออกแรงกดเจ้าก็ออกแรงกดให้เต็มที่…”


นางไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลย เป็นไปไม่ได้ที่นางจะคลอดลูกด้วยตนเอง สะใภ้หลี่ผู้ซึ่งควรจะอยู่ช่วยทำคลอดก็ไม่กลับมา และเด็กในครรภ์ของนางก็เคลื่อนไหวน้อยลงเรื่อยๆเเล้ว นางรู้ว่านางจะต้องคลอดลูกทันทีเพื่อให้เด็กมีชีวิตรอด

ซูซานเม่ยอายุเพียงหกขวบ เนื่องจากนางทั้งผอมทั้งอ่อนแอ นางจึงไม่มีพละกำลังมากนัก เมื่อนางกดมือลงบนหน้าท้องของนางจ้าว มือเล็กๆ ของนางก็สั่นและหดกลับในทันที นางคร่ำครวญว่า “ท่านแม่ข้า ไม่กล้า”

น้ำตาของนางจ้าว ไหลขณะที่นางหายใจเข้าลึก ๆ และพูดอย่างหนักแน่นว่า “ซานเม่ย เจ้าทำได้ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตแม่ได้ มาเถอะ กดลงมาด้วยแรงทั้งหมดของเจ้า”


การหดตัวเกิดขึ้นอีกครั้งเเละร่างกายของนางจ้าว ก็สั่นเทิ่มด้วยความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม นางกลัวว่าซูซานเม่ยจะไม่กล้าออกแรงกดมากนัก 
ดังนั้นนางจึงอดทนต่อความเจ็บปวดและกัดฟันพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ซานเม่ย ถ้าเจ้าไม่กล้า ข้าก็จะตาย…”


“ไม่ ข้าไม่ต้องการให้ท่านแม่ตาย ข้าอยากให้ท่านแม่มีชีวิตอยู่…”


ซู่ซานเม่ยหลับตาและออกแรงกดไปที่ท้องของนางจ้าว


นางจ้าว ก็รวบรวมพละกำลังของนางเช่นกัน ความเจ็บปวดระทมทุกข์ในร่างกายของนางทำให้นางอดส่งเสียงกรีดร้องออกมาไม่ได้ “อา—”


เมื่อร่างกายท่อนล่างของนางเบาลง นางจ้าวก็สูญเสียเรี่ยวแรงไปในทันที นางหอบหายใจด้วยความยากลำบากและกล่าวว่า “ซานเม่ย เจ้ามาดูว่าน้องของเจ้าเป็นหญิง…หรือชาย…”


ซู่ซานเม่ยกลัวมากจนนางยืนตัวเเข็งทื่ออยู่ที่ตรงนั้นเป็นเวลานานโดยไม่ขยับเขยื้อน


ประตูถูกผลักเปิดออก และสะใภ้หลี่ก็รีบเข้าไป


“น้องสะใภ้สาม ข้าขอโทษ ตอนนั้นข้าปวดท้องนิดหน่อย ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่คลอดลูกในเร็วนี้ ไม่นึกว่าเจ้าจะคลอดเร็วเพียงนี้”


“ให้ข้าดูว่าลูกเจ้าเป็นหญิงหรือชาย”


ขณะที่สะใภ้หลี่พูด นางก็เดินไปยังเตียงแล้วยกผ้าห่มขึ้น


นางจ้าว ได้แต่กลืนคำพูดที่ติดอยู่ในลำคอกลับไป ตอนนี้นางไม่สามารถตำหนิสะใภ้หลี่ได้เลย นางเพียงต้องการทราบเพศของบุตรนางเท่านั้น


สะใภ้หลี่หันมามองนางด้วยรอยยิ้ม “น้องสะใภ้สาม ข้าขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าได้ลูกสาวอีกคนแล้ว”


สายตาที่คาดหวังของนางจ้าว หรี่ลงในทันทีเเละมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของนาง


ในขณะเดียวกัน สะใภ้หลี่ก็อุ้มเด็กขึ้นอย่างมีความสุข นางตั้งใจทำความสะอาดทารกและตัดสายสะดือ นางห่อทารกด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ และตบก้นของทารกเพศหญิง

“แง—”


เด็กสาวเริ่มร้องไห้


สะใภ้หลี่วางเด็กลงข้างนางจ้าวแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสะใภ้สาม พักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าจะไปแจ้งข่าวดีให้ท่านแม่ทราบ”


ด้วยเหตุนี้ สะใภ้หลี่จึงหันหลังกลับและจากไปโดยไม่หันกลับมามองนางจ้าวอีก


ในไม่ช้าก็เหลือเพียงนางจ้าวและซูซานเม่ย อยู่เพียงในห้อง


ซูซานเม่ยยืนอยู่ข้างเตียง นางมองไปที่นางจ้าวด้วยความหวาดกลัวในดวงตาของนาง เด็กสาวร้องว่า “ท่านแม่…”


นางจ้าวไม่ตอบสนอง


ซูซานเม่ยพูดอย่างอ่อนแรงขึ้นอีกว่า “ท่านแม่ ข้ากลัว…”


จากนั้นดวงตากลวงโบ๋ของนางจ้าวก็ฟื้นคืนความแวววาว น้ำตาไหลเงียบๆ


“โอ้ ซานเม่ย…”


นางจ้าว สำลักด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากนางให้กำเนิดลูกสาว ครอบครัวของนางจึงต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง ในบรรดาลูกทั้งสี่คนของนาง คนโตพิการทางสมอง และลูกชายคนที่สองก็ปัญญาอ่อนหลังจากเป็นไข้สูง
ลูกสาวสองคนมีสุขภาพแข็งแรง แต่ลูกสาวก็ไร้ประโยชน์ในสายตาของแม่สามี

“ท่านแม่ท่านอย่าร้องไห้อีกเลย ซานเม่ยจะดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี”


ซูซานเหม่ยคุกเข่าหน้าเตียงและจับมือนางจ้าวไว้


นางจ้าว หันไปมองลูกสาวแรกเกิดของนาง ลูกสาวคนเล็กของนางสงบลงหลังจากร้องไห้อยู่พักหนึ่ง เด็กน้อยไม่ได้หลับ ดูเหมือนว่านางจะจ้องมองนางด้วยตาที่เปิดกว้าง


นางจ้าว แสบจมูกและน้ำตาไหลอย่างเงียบๆ แม่สามีของนางคงไม่ชอบให้นางมีลูกสาวอย่างแน่นอนและคงจะไม่ให้อะไรดีๆ กับนางกิน นางอาจจะไม่สามารถผลิตน้ำนมได้ ลูกสาวของนางคงจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้


สิบเดือนของการตั้งครรภ์ทำให้นางปวดใจ ชาติที่แล้วนางต้องเป็นคนบาปที่ชั่วร้ายเป็นแน่ ดังนั้นสวรรค์จึงลงโทษนางเช่นนี้!


“นางตัวไร้ประโยชน์ให้กำเนิดนางตัวล้างผลาญ ช่างไร้ประโยชน์เสียนี่กระไร ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงละอายใจจนเอาหัวโขกกำแพงตายไปนานแล้ว…”


“ ทำไมตระกูลซูถึงแต่งงานกับตัวซวยที่ให้แต่ของไร้ประโยชน์!”


เสียงสาปแช่ง  ของแม่เฒ่าหวัง ดังมาจากห้องหลัก เห็นได้ชัดว่านางไม่พอใจเป็นอย่่างมาก


 

กลับหน้าหลัก ตอนถัดไป