ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาพบกัน!!! เพราะการแต่งงานไม่ใช่บทสรุปของความรัก ღ
ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรมาพบกัน!!! เพราะการแต่งงานไม่ใช่บทสรุปของความรัก ღ
“ไอ้เคี๊ยง! เงินที่มึงพึ่งเบิกเถ้าแก่มามันหายไปไหนหมดวะ ? ทำไมเงินเหลือมาถึงกูแค่นี้! มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงต้องได้เงินกลับเข้าบ้านมาเท่าไหร่ กูโทรเช็คกับเถ้าแก่หมดแล้ว…” จารีย์แปลงร่างเป็นนางยักษ์เปิดฉากด่าผัวเสียงดังสนั่นลั่นซอยพร้อมกับตบเขาอย่างแรงจนหน้าหันอยู่หลายที
“อีจา! มึงอย่าให้มันมากเกินไปนะ! กูเป็นคนหาเงินเข้าบ้านจะเอาอกเอาใจกูบ้างไม่มีเลย มีแต่ด่า ๆ ๆ หาเรื่องตบตีกูอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน! คอยดูนะ… ถ้าวันไหนกูเหลืออดกูทนมึงไม่ได้กูจะหาเมียใหม่!” เคี๊ยงตะโกนโต้ตอบไปพลางหมุนตัวหลบฝ่ามืออรหันต์ของภรรยาไปพลาง
“มึงคิดว่ามึงเหนื่อยอยู่คนเดียวรึไง ? กูทั้งทำงานร้านเสริมสวย ทั้งเลี้ยงลูก แค่ให้มึงหาเงินเข้าบ้านเอาเงินค่าแรงมาให้กูครบทุกบาททุกสตางค์เหมือนที่มึงเคยทำมาตลอดก่อนหน้านี้มันยากนักรึไง ? ไอ้เวรตะไล! ไอ้ฉิบหาย! โคตรพ่อโคตรแม่มึงไม่เคยสั่งสอนเหรอว่าผัวที่ดีต้องดูแลครอบครัวอย่างไร ?” จารีย์พ่นคำด่าทอสามีเร็วระรัวต่อเนื่องกันราวกับเป็นเครื่องจักรสังหาร แถมมือกับเท้าก็ยังว่องไวทั้งตบทั้งถีบทั้งทุบตีเคี๊ยงราวกับเป็นกระสอบทราย
ภาพการทะเลาะเบาะแว้งด่าทอทุบตีกันของจารีย์กับเคี๊ยงเป็นสิ่งที่ทุกคนใน ‘ซอยดาวประกาย’ ร่ำลือและพบเห็นกันจนเป็นภาพชินตา เนื่องจากภายในซอยดาวประกายมีแมนชั่นสูงขนาด 5 ชั้นตั้งเรียงรายอยู่หลายตึก ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่จึงเป็นชนชั้นระดับรากหญ้าไปจนถึงครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง ส่วนคนรวยคนที่มีฐานะก็จะอยู่บ้านเดี่ยวฝั่งตรงข้ามซึ่งปลูกเรียงติดกันหลายหลัง นอกจากนี้บริเวณกลางซอยดาวประกายยังมีโรงงานผักปลอดสารพิษตั้งอยู่ ครั้นเดินออกหน้าปากซอยไปฝั่งซ้ายขวายังมีร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด โรงเรียน โรงงาน ร้านอาหาร และย่านชุมชนอื่น ๆ
“สิตา… เธอมาดูอีจารีย์นี่สิ! โคตรตอแหลเลย ปากจัดฉิบหาย ด่าผัวทีด่ายันโคตรเหง้าแบบนี้บรรพบุรุษที่นอนอยู่ในหลุมจะไม่สะดุ้งสะเทือนกันบ้างเหรอวะ ไม่รู้ไอ้เคี๊ยงมันหน้ามืดตามัวเอามาทำเมียได้อย่างไร ผู้หญิงแบบนี้ต่อให้มันมานอนแบให้ท่า… ฉันก็ยังเอาไม่ลงเลย แค่เห็นหน้ามันก็นึกเกลียดอย่างกับขี้!” เทพไทมองคู่ผัวเมียที่อยู่บ้านใกล้กันแล้วบอกภรรยาอย่างมีอารมณ์
“แกจะไปเที่ยวติเที่ยวว่าเขาทำไม พี่จารีย์ไม่ได้มาด่าแม่แกเสียหน่อย… ระวังเหอะ! โบราณว่าไว้… เกลียดอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น ที่สำคัญพี่จารีย์เขาสวยจะตาย สาวลูกครึ่งผมสีน้ำตาลตาสีฟ้าทั้งขาวทั้งอึ๋ม ลองถ้าเขาแก้ผ้าอ้าซ่าแหกแข้งขาให้แก… ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนหื่นอย่างแกจะอดใจไหว ?” นิสัยชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่นลับหลังของเทพไทเป็นสิ่งที่สิตารู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่ จึงพยายามห้ามปรามอยู่บ่อยครั้ง ถ้ารู้ว่าสามีเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่แรกสิตาก็คงไม่ใจอ่อนยอมแต่งงานด้วย แต่ในเมื่อเธอพลาดมาแล้วก็ทำได้เพียงแค่พยายามตักเตือนเผื่อว่าวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนแปลงข้อเสียของตนเองได้
“ฮึ่ย… เอาไม่ลงหรอก แค่ได้ยินเสียงมันด่าผัวแว๊ด ๆ ก็ขนลุกขนพองสยองเกล้าแล้ว…” เทพไททำหน้าทำตาเหยเกส่ายหัวดิกอย่างนึกรังเกียจ
…สิบปีผ่านไป…
บัดนี้จารีย์กลายเป็นแม่ม่ายผัวทิ้งมานานหลายปีเพราะสามีทนถูกเธอทุบตีด่าทอไม่ไหวเลยหนีไปมีเมียใหม่ ที่เด็กกว่า… เอ๊าะกว่า… ที่สำคัญ ปากไม่จัด ด่าไม่เก่ง ช่างเอาอกเอาใจอีกต่างหาก อยู่ด้วยกันกับเมียเด็กแล้วเคี๊ยงก็รู้สึกเจริญหูเจริญตาสบายอกสบายใจสบายหูสุขภาพจิตดีมีกำลังใจทำงานหาเงิน จารีย์จึงต้องกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไป ส่วนเคี๊ยงเองก็ไปแล้วไปลับไม่เคยกลับมาส่งเสียเลี้ยงดูลูกแม้แต่บาทเดียว เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดหลัง ๆ มารายได้จากร้านเสริมสวยก็หดหายเพราะเจอพิษโควิดจนต้องเลิกกิจการมาขายยาดองแทนแต่ก็ยังขายไม่ดี สุดท้ายเลยต้องงัดอาชีพเก่าขึ้นมาทำนั่นก็คือ ‘ขายตัว’
วันเวลาเปลี่ยน… หัวใจคนก็เปลี่ยน… คำบางคำที่เคยลั่นวาจาเอาไว้… คนบางคนก็สามารถกลืนน้ำลายของตนเองที่เคยถ่มทิ้งลงพื้นไปแล้วได้…
“อื้มมม……”
“ซี๊ดดดด…..อา…….”
เสียงคำรามของชายหนุ่มผสมผสานเสียงร้องครวญครางสูดปากของหญิงสาวใต้ร่างดังขึ้นเป็นระยะ เขาสาวอาวุธประจำกายเข้าออกช่องทางรักอย่างเมามัน เมื่อถูกเธอปลุกเร้าความหื่นด้วยการใช้เท้าเขี่ยเป้ากางเกง ทั้งยังแสร้งเบียดทรวงอกอวบอิ่มเสียดสีแผ่นหลังยามเดินมาชงเหล้า เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจแต่ส่งสายตาหยาดเยิ้มด้วยทีท่าเชิญชวนมาหลายรอบ ครั้นดื่มกินกันจนเมาได้ที่เขาจึงลากคู่ขาลาจากเพื่อนพ้องในวงเหล้าซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ขี่เข้าโรงแรมจิ้งหรีดแถวบ้านเพื่อปลดเปลื้องอารมณ์ปรารถนาในทันที
“ไทจะแตกแล้วใช่ไหม เดี๋ยวจาขึ้นให้นะ” หญิงสาวสบตาคู่ขาอย่างรู้ใจก่อนยกสะโพกอวบอิ่มขึ้นคร่อมทาบทับแท่งร้อนแล้วขย่มอย่างชำนาญการ พลางโน้มตัวไปข้างหน้าประกบจูบดูดดุนริมฝีปากสอดเกลียวลิ้นร้อนตวัดเลียเข้าไปดูดซับความหอมหวานจากกันและกัน เมื่อสาแก่ใจ… จารีย์จึงเริ่มร่อนสะโพกส่ายเอวอย่างเมามันประหนึ่งเธอกำลังควบม้ากรำศึกอยู่
“อ๊ะๆๆๆๆๆๆ”
“อื้ม…..อา..…”
“โอ้ว…..ซี๊ด…..”
ทั้งสองประสานเสียงสอดรับกันอีกครั้ง เทพไทรู้สึกดีจนทำหน้าเคลิบเคลิ้มสองมือใหญ่ของเขาขยำแก้มก้นของหญิงสาวจนเนื้อบั้นท้ายล้นตามง่ามมือ จนกระทั่งน้ำสวาทแตกคารูจึงทิ้งลำตัวทาบทับไปบนแผงอกล่ำอย่างหมดแรง
“อีแก่ที่บ้านไม่นึกเอะใจบ้างเหรอที่ไทอ้างว่าออกมาทำงานแบบค้างคืนบ่อย ๆ” ชู้รักเอ่ยถามคู่ขาอย่างสงสัย
“คนโง่อย่างมันจะมีเวลามาจับผิดอะไรไทได้ล่ะ วัน ๆ มันก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับลูก”
“ลูกสาวของไทเป็นเด็กพิเศษ คนเป็นแม่ก็ต้องเอาใจใส่เป็นธรรมดา” ชั่วเพียงแวบหนึ่งที่มโนธรรมก่อให้เกิดความรู้สึกเห็นใจหัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน
“ก็เพราะมัวแต่ดูแลลูกไง ถึงได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอ้วนเผละ แค่เห็นหน้ามันไทก็อยากอ้วก นี่ยังนึกแปลกใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทนอยู่กับมันมาได้อย่างไรตั้ง 16 ปี ความจริงควรเลิกกันไปตั้งนานแล้ว ไทจะได้คบกับจาแบบเปิดเผยไง ไม่ต้องมาหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่างทุกวันนี้”
“จาก็พยายามแสดงตัวหลายครั้งแล้วนะ แต่เมียไทมันก็โง่จริง ๆ นั่นล่ะ!” จารีย์หัวเราะเสียงดังลั่น เมื่อนึกถึงหญิงอ้วนหน้าตาซื่อ ๆ ท่าทางเซ่อซ่า ขนาดโดนเธอหลอกขอไลน์เพื่อเอาไว้แชทหลอกถามถึงผัวตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวเลย สมควรแล้วที่อีโง่อย่างนางจะโดนผัวนอกใจ คนอะไรทั้งโง่ทั้งเซ่อได้อย่างไม่มีที่ติ!
“อย่าพูดถึงมันเลย แค่นึกถึงหน้ามันไทก็หมดอารมณ์ เรามารวมร่างกันต่อดีกว่า ไหน ๆ ก็เปิดโรงแรมนอนกันแล้ว ต้องเอากันให้คุ้ม!” เทพไทพลิกร่างอวบอิ่มของจารีย์แล้วเริ่มต้นปฏิบัติการรักรอบใหม่…..