บทที่ 23
ตอน ปราบปราม
พวกองค์ชายสามและองครักษ์กับทหารไม่กี่นาย ได้พาครอบครัวของผู้ว่าออกมาจากคุกใต้ดิน แต่ทว่า ผ่านมาได้ครึ่งทางก็ต้องเจอกับกลุ่มโจรนักฆ่าที่กำลังเดินตรวจตราอยู่ การปะทะยากหลีกเลี่ยงจึงเกิดการต่อสู้ขึ้น เสียงตีกล่องดังขึ้นเพื่อส่งสัญญาณมีผู้บุกรุก องค์ชายสี่ได้ยินเข้าจึงฆ่าคนเฝ้ายามที่ประตูทั้งสองแล้วเปิดประตูห้องของลู่เหลียน
“นี่ท่านยังอยู่”
“คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไว้คนเดียวหรือ.....เราต้องไปแล้วพี่สามคงปะทะกับกลุ่มนักฆ่าแล้ว”
เขาพาลู่เหลียนหนี แต่ก็เจอกับพวกกลุ่มโจรนักฆ่าพอดี เขาต่อสู้ ไปปกป้องลู่เหลียนไปด้วย แต่ทว่าลู่เหลียนก็พอที่จะสู้ได้เพราะหลายวันก่อนก็ถูกบังคับให้ฝึกกระบี่ แถมเรียนการต่อสู้มาบางแม้ไม่เก่งแต่ก็พอจะสู้กับพวกปลายแถวได้
“ไป” องค์ชายสี่พาลู่เหลียนหนี จนมาหยุดตรงที่กลุ่มองค์ชายสามกำลังต่อสู้กับกลุ่มโจร เหล่าทหารขององค์ชายสามแข็งแกร่งมากพวกเขาต่อสู้ฆ่ากลุ่มโจรไปจำนวนมากพอดู แต่ด้วยกำลังที่น้อยและเสียเปรียบ
“เจ้าหาที่หลบซะ”องค์ชายสี่พูดขึ้น
แล้วองค์ชายสี่ก็ได้ออกไปต่อสู้ ลู่เหลียนมองไปรอบ ๆ เธอคิดจะหาวิธีช่วย แต่ด้วยที่ตัวเองไม่มีวรยุทธอาจจะทำให้ทุกคนต้องเป็นกังวล เธอเลยตัดสินที่จะเผาที่แห่งนี้ให้หมด คิดได้อย่างนั้นเธอจึงเดินไปตามที่ต่าง ๆ ใช้ไฟที่ถืออยู่จุดทุกอย่างที่ขวางหน้า ไฟลุกโหมอย่างรวดเร็ว จากท้องฟ้าที่มืดกลับสว่างสีแดงด้วยเปลวเพลิง
ระหว่างที่เธอจุดไฟอยู่นั้น ได้มีกลุ่มโจร เห็นเธอเข้า
“หยุดนะ”
“เรื่องอะไรจะหยุด” เธอวิ่งหนีไป ปาข้าวของที่อยู่ใกล้มือไปด้วย
“ท่านหัวหน้า แม่นางผู้นั้นเผาเสบียงอาหาร จนไหม้เป็นจุลหมดแล้วขอรับ”
“แสบยิ่งนักนะคนงาม”
ที่จวนท่านผู้ว่า
ได้มีทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องโถง “ท่านผู้ช่วย ตอนนี้มีคนบุกเข้าโจมตี กลุ่มนักฆ่า พวกมันเผาเสบียงอาหาร และสินค้าจนหมด”
“อะไรนะ”
ท่านผู้ช่วยได้ยินอย่างนั้นจึงสั่งทหารให้เตรียมพลไปชายป่าหลังเขา แต่ทว่าตอนนี้ทหารที่เป็นคนของเขาได้ถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว
“พวกเจ้ารออะไรอยู่ อยากตายหรือไง” เขามองหน้าท่านผู้ว่า
แล้วทหารคนสนิทของท่านผู้ว่าก็วิ่งเข้ามารายงาน “ท่านผู้ว่า ตอนนี้พวกเขาช่วยครอบครัวของท่านหนีออกมาได้แล้วขอรับ”
“ดี ........ ตอนนี้เจ้าไม่มีอะไรจะต่อรองกับข้าอีก จับตัวผู้ช่วยแล้วนำตัวส่งสอบสวน”
“ขอรับ”
“พวกเราไปช่วยพวกเขากัน”
แล้วท่านผู้ว่าก็ได้นำทหารจำนวนหนึ่งไปบุกปราบปามพวกโจรนักฆ่า แต่ระหว่างนั้นก็ได้พบกับกลุ่มทหารของท่านแม่ทัพที่มาพร้อมกับฟงหยาง
“พวกเจ้าเป็นใคร”
“ข้าคือผู้ว่าของที่นี่กำลังจะไปช่วยองค์ชายทั้งสอง”
“อย่างนั้นเหรอ คงเป็นผู้ว่าที่ส่งสารถึงฮ่องเต้ซินะ”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
แล้วทั้งหมดก็ส่งสัญญาณ เมื่อทุกคนในรังโจรได้ยินอย่างนั้นพวกเขารู้ทันทีว่ากำลังสนับสนุนมาแล้ว ทหารหลายร้อยคนบุกเข้าทำลาย หัวหน้ากลุ่มโจรและลูกชายต่อสู้อยู่ พวกเขาเห็นถ้าไม่ดี จึงได้หลบหนีไป แต่ระหว่างที่หนีอยู่นั้น เจอเข้ากับลู่เหลียนที่กำลังวิ่งหนีพวกโจรอยู่ สองพ่อลูกได้โอกาสจึงได้จับตัวลู่เหลียนแล้วพาหนีเข้าป่าไปพร้อมกับพรรคพวกไม่กี่คน
เมื่อแม่ทัพนำกำลังเข้ามาทุกอย่างก็สิ้นสุดพวกโจรยอมจำนน แม่ทัพ เดินมาคาวระองค์ชายทั้งสอง พร้อมกับท่านผู้ว่า
“ขอบพระทัยองค์ชายทั้งสองที่ช่วยครอบครัวกระหม่อม”
“หน้าที่ของเราอยู่แล้ว”องค์ชายสามพูด
แต่องค์ชายสี่ยังคงรู้สึกไม่พอใจท่านผู้ว่าอยู่เขาเลยไม่ได้พูดอะไรเดินออกจากกลุ่มไปหาลู่เหลียน เพราะเขารู้ดีว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้คงเป็นฝีมือของนาง
“เจ้าช่างกล้าที่ทำอย่างนั้น น้องสี่เราไม่ฆ่าเจ้าถือว่าโชคดีมาก”
ท่านผู้ว่าก้มหน้าน้อมรับความผิด หว่านเอ่อร์เดินตามหาคุณหนูอยู่สักพักแล้วแต่ก็ไม่เจอ
“องค์ชายเพค่ะ หม่อมฉันหาพระชายาไม่เจอเพค่ะ เจอแต่ผ้าพันแผลของพระชายาตกอยู่”
องค์ชายสี่ รีบวิ่งออกไปทางด้านหลัง หว่านเอ่อร์เห็นอย่างนั้น จึงรีบตามเขาไป องค์ชายสามมองเห็นหว่านเอ่อร์วิ่งตามองค์ชายสี่เขาจึงได้ตัดสินใจตามไปด้วยพร้อมกับเหล่าองค์รักษ์ ทิ้งให้ท่านแม่ทัพและท่านผู้ว่าจัดการทางนี้ เมื่อเขามาถึงชายป่า องค์ชายสี่ยืนดูหรือมองหาอะไรก็ได้ที่พอจะนำทางเขาไปหานางได้
“องค์ชายเพค่ะ”หว่านเอ่อร์วิ่งมาทันพอดี
ก็เป็นไปอย่างที่คาด ลู่เหลียนได้ถูกพาตัวไป เธอได้ทำให้กิ่งไม้หักเป็นระยะ ๆ องค์ชายสี่เดินตามรอยของลู่เหลียน ส่วนองค์ชายสามก็ตามมาติด ๆ
ทางด้านลู่เหลียน
“ปล่อยฉัน.....”
“กลุ่มคนของเจ้าช่างแสบยิ่งนัก”หัวหน้านักฆ่าพูด
“รู้หรือไม่.....พวกเขาคือใคร”
“จะเป็นใครข้าไม่สน ข้าจะฆ่าให้หมด”
“พวกเจ้ายอมซะเถอะบางที่โทษตายอาจละเว้นได้”
“เราเป็นโจรและนักฆ่า ไม่กลัวความตาย แต่ก็ดีก่อนตายได้ลิ้มลองสาวงามอย่างเจ้าถือว่าเป็นบุญ”
“ท่านพ่อ ตอนนี้เราหนีมาไกลมากแล้วพักตรงนี้ก่อนเถอะ”
“ดี.....ข้าอยากเล่นสนุกกับแม่นางผู้นี้แล้ว”
ลู่เหลียนรีบสะบัดมือแล้ววิ่งหนีทันที ลูกชายกำลังจะจับแต่ผู้เป็นพ่อบอกให้ปล่อยนางวิ่ง “ข้าจะล่านางเอง”
“ครับท่านพ่อ” แล้วพวกเขาก็ก่อกองไฟขึ้น
ลู่เหลียนหนีสุดชีวิต แต่ดูเหมือนเธอจะวิ่งไปได้ไม่ไกลเท่าไร หัวหน้าโจรป่า ยังคงเดินตามและร้องเรียก “แม่นาง เรามามีความสุขกันเถอะ”
ระหว่างนั้นองค์ชายสี่และหว่านเอ่อร์ก็พบเข้ากับกลุ่มโจรนักฆ่าที่นั่งคุยถึงเรียนหัวหน้ากับแม่นางผู้นั้นว่าตอนนี้คงไปถึงไหนต่อถึงไหนกันแล้ว เขาไม่รอช้ารีบมุ่งตรงไปที่พวกมันเขาต่อสู่พร้อมกับหว่านเอ่อร์ การต่อสู้ผ่านไปอย่างดุเดือด แล้วองค์ชายสามกับองครักษ์ก็เข้ามาช่วย องค์ชายสี่มองหาหัวหน้า และลู่เหลียน
ตอนนี้ลู่เหลียนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ในมือถือทอนไม้ไว้ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ต้นไม้ที่เธอหลบอยู่ ลู่เหลียนก็ตีเข้าด้านหลังแต่หัวหน้านักฆ่าร่างใหญ่ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร เธอพาดอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขารับไม้ไว้ได้แล้วดึงไม้ออกจากมือของเธอ เธอวิ่งแต่ไม่ทันซะแล้วเขาจับแขนเธอดึงเขามากอดจูบตามร่างกายของเธอ ลู่เหลียนต่อสู้สุดกำลัง แต่ด้วยแรงร่างที่กำย่ำไหนเลยเธอจะสู้ได้ เขาจับร่างเธอกด ลงกับพื้น พยายามปลดเสื้อเธอออก ลู่เหลียนร้องให้ช่วย ดังลั่นป่า
องค์ชายสี่เดินเข้ามาแต่หัวหน้านักฆ่าก็รู้ว่ามีคนมา คมดาบกำลังจะแทงเขาแต่เขาก็หลบได้ องค์ชายสี่มองลู่เหลียนที่จับเสื้อผ้าที่ถูกดึงหลุดปกปิดตัวเองกลับเหมือนเดิม องค์ชายสี่โกรธมาก เขากำดาบไว้แน่น
นักฆ่าพูด “ทำไม สนใจสาวงามผู้นี้หรือ”
“สาวงามที่เจ้าว่า คือพระชายาของข้า ผู้ใดล่วงเกินพระชายาต้องตายสถานเดียว”
“พวกเจ้าเป็นใคร”
“ไม่สำคัญ เพราะคืนนี้เจ้าต้องตายที่นี่” องค์ชายสี่พุ่งดาบเข้าต่อสู่กับนักฆ่าทันที ฝีมือนักฆ่าใช้ได้เลย เขาสู้กับองค์ชายสี่ได้อย่างสูสี ลู่เหลียนมองการต่อสู้ด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่กี่เพลงดาบ องค์ชายสี่ก็ฆ่าเขาไร้ความปราณี
เขาเดินเข้ามาหาลู่เหลียน มองเสื้อผ้าที่ขาด ด้วยความโกรธ เขาถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วคลุมให้กับลู่เหลียน ก่อนจะอุ้มนางเดินออกจากป่า
ค่ำคืนที่ยาวนาน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ว่างไว้ กลุ่มโจรนักฆ่าถูกปราบปามจนไม่เหลือซาก ทางด้านท่านผู้ว่าได้ส่งตัว ผู้ช่วยกลับวังหลวงเพื่อทำการตัดสินโทษ ผู้ว่าได้ประกาศแจงเสบียงอาหาร คืนที่ทำกินให้แก่ชาวบ้าน ในวันถัดไป