บทที่ 9
ตอน ก่อนวันแต่งงาน
ข้าวของทางพระราชวังถูกส่งมาที่จวนของสหายลี่ พ่อกับแม่ยิ้มดีใจ แต่ในใจก็หวั่นว่างานแต่งจะล้มหรือเปล่า ส่วนลู่เหลียนเองก็ได้แต่ใช้ชีวิตสนุกออกเที่ยวเล่นไม่เหมือนคนเดิมที่เป็น
ซึ้งตอนนี้นางได้ออกเดินตลาดอยู่กับหว่านเอ่อร์แต่งตัวเป็นชาย
“คุณหนูคะ เมื่อแต่งงานแล้ว คุณหนูจะเที่ยวเล่นแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมเหรอ”
ไม่ทันที่จะตอบ เธอก็ได้ยินชาวบ้านพูดถึงองค์ชายสี่จะแต่งงาน
“นี่พวกเธอรู้หรือเปล่าองค์ชายสี่จะแต่งงานอีกแล้ว”
“ใครคือหญิงสาวผู้โชคร้าย”
“เห็นว่าเป็นบุตรสาวของท่านหวังลี่คนน้องนะ”
“ช่างหน้าสงสารจริง ๆ”
ลู่เหลียนหันมองหน้าหว่านเอ่อร์
ชาวบ้านยังพูดต่อ “ไม่รู้ทำไมเจ้าสาวอยู่ไม่พ้นคืนแรกสักราย”
“ใช่ ๆ ข้าได้ข่าวมาว่าองค์ชายสี่เป็นปีศาจ ลูกขุนนางที่แต่งงานต่างต้องวิ่งเตลิดออกจากจวนกลางดึกทุกคน แถมไม่มีใครกล้าพูดอะไร ถามก็ไม่บอก องค์ฮ่องเต้ก็ไม่เอาผิดพวกนางที่ขัดราชองค์การล้มงานแต่งคืนแรก”
เมื่อลู่เหลียนได้ยินอย่างนั้นนางรีบกลับจวนทันที
“ท่านพ่อ ท่านแม่”
“เจ้ามาแล้วหรือ”แม่พูด
“อยู่กันพร้อมหน้าเลยมีเรื่องจะบอกลูกใช่ไม่ ”
“พ่อจะบอกเรื่องบางอย่างให้เจ้าเข้าใจ”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“เจ้าคงได้ยินที่ชาวบ้านพูดกันแล้ว”
“ลูกก็แปลกใจทำไมวันนี้ท่านแม่ถึงยอมให้ลูกออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแถมต้องแต่งตัวเป็นชายอีก เพราะต้องการให้ลูกได้ยินเรื่องขององค์ชายสี่จากปากชาวบ้านนี่เอง”
“ก็ใช่”แม่พูด
“นั่งก่อน”พี่สาวลากเธอมานั่งที่เก้าอี้
“เป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดเหรอคะ”
“เรื่องปีศาจหรือ”พ่อถาม
“ใช่”
“ลูกคิดว่าไง”
“ไม่จริงอยู่แล้ว”
พ่อยิ้มก่อนจะพูด “เมื่อก่อน องค์ชายสี่อยู่ในวัง มีตำหนักฮุ่ยชิว เป็นที่ประทับ องค์ชายสี่กับองค์ชายสามพวกเขาไม่ถูกกันต่างทะเลาะไม่ยอมซึ่งกันและกัน ในวันงานประลอง องค์ชายทั้งสามได้เข้าร่วมประลองวรยุทธและล่าสัตว์ แต่ครั้งนั้นได้มีกลุ่มลอบสังหารองค์รัชทายาท จนทำให้องค์รัชทายาทหมดสติจมน้ำ องค์ชายสี่ได้ลงไปช่วยองค์รัชทายาท ขึ้นมาได้แต่ทว่าตนเองกลับจมน้ำแทน องค์ชายสามเห็นท่าไม่ดีพระองค์ก็ได้กระโดดลงไปช่วยกว่าจะพบร่างองค์ชายสี่ ตอนนั้นทุกคนคิดว่าพระองค์สิ้นพระชนแล้ว แต่ก็แปลก ที่พระองค์สี่ยังคงหายใจอยู่ แต่ก็หลับใหลเป็นเวลานานถึง1ปี”
“หนึ่งปี เขาหลับอยู่อย่างนั้น หนึ่งปี”
“อยู่มาวันหนึ่ง องค์ชายสี่ก็ได้สติ เขามีอาการเหมือนเจอภาพหลอน แยกไม่ออกว่าอะไรคือความจริง พร่ำพูดถึงแต่ชื่อคนที่พวกเราไม่รู้จัก”
“ชื่อคนที่ไม่รู้จัก”
“ใช่”แม่พูด “ที่แม่จำได้ก็มี หยก หลินอะไรแบบนี้”
“หยก หลินหรือ” ลู่เหลียนยิ้มขึ้นมา
“ฮ่องเต้ตามหาหมอเทวดาไปทั่วใต้หล้า ไม่มีใครรักษาองค์ชายได้ ผ่านไป หนึ่งเดือนพระองค์เป็นเหมือนสองคนในร่างเดียว ทำเอาจนเหล่าสาวใช้ต่างกลัวขอลาออกจากตำหนักเหลือแต่องครักษ์ข้างกายไม่กี่คน แต่ก็มีปาฏิหาริย์ มีท่านหมอคนหนึ่ง ไม่รู้แหล่งที่มา เขาขอลองรักษา แต่ไม่มีใครรู้เขารักษาวิธีใด แต่องค์ชายก็หายเป็นปกติ และหลังจากนั้นองค์ชายก็ขอย้ายออกจากวังทันที”
“แล้วหมอคนนั้นละ”
“เขาเรียกร้องแค่อย่างเดียว ตั้งศาลเทพเจ้าจันทราให้ผู้คนกราบไหว้ก็พอ”
“ศาลหรือ เทพเจ้าจันทรา” ลู่เหลียนคิด แล้วความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของเธอ คำพูดของมะลิ ระวังเดี๋ยวท่านจะลงโทษ หรือว่า ไม่จริง เป็นไปไม่ได้
“ลู่เหลียน”พี่สาวเรียก
“ห่า ออ. แล้วไงต่อค่ะ”
“ฮ่องเต้อยากให้ลูกแต่งงานกับองค์ชายสี่”พ่อพูด
“ทรงอยากทราบว่าองค์ชายสี่เป็นอย่างที่เขาล่ำลือหรือเปล่า ว่าพระองค์เป็นปีศาจจริงหรือไม่”
“ลู่เหลียน หากลูกไม่อยากแต่งานกับองค์ชายสี่ แค่คืนแรกลูกก็แค่หนีออกมาล้มงานแต่งก็เท่านั้น”
“นั้นหมายถึงขัดราชองค์การเลยนะ”
“ฮ่องเต้ไม่ทรงลงโทษหรอก”
“องค์ชายสี่แต่งงานกี่ครั้งแล้ว”
“น้องพี่เป็นคนที่สาม”
“และจะเป็นคนสุดท้าย” ลู่เหลียนพูด
“หมายความว่า” พ่อพูด
“ลูกไม่ล้มงานแต่งแน่นอน”
แล้วเธอก็ลุกออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม ฉันมั่นใจว่านายคือเฮนรี่ ทุกคนแปลกใจที่ลู่เหลียนดูมีความสุขเป็นพิเศษ
ในห้องนอนลู่เหลียน
“คุณหนูคะ”
“ว่า”
“คุณหนูจะแต่งงานกับองค์ชายสี่จริง ๆหรือค่ะ”
“จริงซิ”
“ถ้าเขาเป็นปีศาจจริง ๆละค่ะ”
“ฉันจะปราบปีศาจ”
“คุณหนู”
“ไม่มีปีศาจหรอกนะ”
“แล้วทำไมองค์ชายถึงต้องย้ายออกจากวังด้วย จวนที่ท่านอยู่ตอนนี้ ตอนกลางวันก็ดูปกติ แต่เวลากลางคืนช่างหน้ากลัวนะคะ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“สาวใช้ที่นั้นบอก พวกเธอจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกจากห้องเวลากลางคืน”
“อย่างนั้นเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับนายนะ หว่านเอ่อร์พรุ่งนี้พาฉันไปที่ศาลเทพเจ้าจันทราหน่อย”
“ไปทำไมค่ะ”
“ฉันอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง”
รุ่งเช้าวันใหม่ อากาศเริ่มหนาวขึ้น
“ทำไมหนาวแบบนี้ละ”
“ก็เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว”
“ไปเถอะ”
ลู่เหลียนและหว่านเอ่อร์กับสาวใช้สองคนพวกเธอถือของเพื่อไปกราบไหว้เทพเจ้าจันทรา
เมื่อรถม้าจอด ลู่เหลียนและทุกคนก็ลงจากรถม้า
“แปลกจังค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
“แปลกยังไง”
“ปกติคนจะเยอะมาก แต่วันไม่มีคนเลย”
“แล้วนั้นรถม้าของผู้ใดกัน” ลู่เหลียนถาม
“ขององค์ชายสี่ค่ะ” หว่านเอ่อร์พูด
ลู่เหลียนยิ้ม “ไปกัน”เธอเดิน ไปที่ประตูศาล ซึ่งมีองครักษ์ขององค์ชายยืนอยู่ พวกเขาเห็นลู่เหลียนก็ปล่อยให้นางเดินเข้าไปแต่ขวางไม่ให้สาวใช้ของเธอเข้าไป
“คุณหนู” หว่านเอ่อร์เรียก
“ไม่เป็นไร พวกเธอรออยู่ข้างนอกเถอะ”
“นี่ท่านองครักษ์ทำไมคุณหนูเข้าไปได้ละ”
“เจ้าไม่รู้จริงหรือ”เขาถามหว่านเอ่อร์กลับ เธอรู้ว่าทำไมเลยไม่พูดต่อ หลบนั่งข้าง ๆ ต้นไม้ใหญ่
ลู่เหลียนเดินเข้ามาถึงห้องชั้นใน เห็นองค์ชายสี่นั่งคุกเข่าแล้วหลับตา เขาได้ยินผีเท้าของนางจึงลุกขึ้นหันมองมาทางเสียงนั้น
“นี่เจ้าเองเหรอ”
“องค์ชายไม่แปลกใจหรือ”
“มีไม่กี่คนที่องครักษ์ข้าจะปล่อยให้เข้ามา”
“ท่านเป็นใคร”
“เจ้านี่ก็แปลก เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วยังไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร”
“แค่อยากรู้ว่าท่านเป็นองค์ชายห่าวอู๋หรือไม่ใช่กันแน่”
“ว่าแต่เจ้าเถอะ อยากให้ข้าเป็นใครกัน” เขายื่นหน้าเข้าหาเธอ แล้วเดินไปที่ละก้าว ลู่เหลียนก็เดินถอยหลังไปทีละก้าวจนร่างติดกับเสา
“นึกว่าจะเก่ง” สายตาทั้งสองประสานกัน ลู่เหลียนรู้สึกหัวใจเต้นแรงกว่าเดิม เธอเอามือผลักหน้าอกของเขาออก
“เจอกันในวันสมรสนะเพค่ะ”
องค์ชายสี่มองหน้าเธอด้วยสายตาที่โกรธ
“ขอถามเจ้าหน่อยเหตุใดถึงอยากแต่งงานกับข้าหนัก”
“ใครบอก นี่เป็นสมรสพระราชทานนะ”
“เจ้าก็คงเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ” เขาพูดก่อนจะเดินออกไป
ลู่เหลียนยิ้ม ฉันต้องอยู่พ้นคืนแรกให้ได้ ก่อนจะหันมองรูปปั่นของเทพเจ้าจันทรา
เธอคุกเข่า ยกมือไหว้แบบคนไทย “หากท่านมีอยู่จริงโปรดปรากฏตัวให้ลูกเห็นด้วย”
ทางด้านผู้เฒ่าจันทรา
“เจ้าเด็กนี่....ได้...อยากเจอข้าใช่ไม่..ได้” ผู้เฒ่าพูด
แต่ซูมี่ กับซูฉี ได้เข้ามาขวางไว้
“ท่านเทพ แค่นี้ท่านก็ทนแรงยั่วยุของนางไม่ได้เหรอ นางเองแค่อยากพิสูจน์ว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ใช่ท่านเป็นคนทำหรือเปล่า ข้าว่าให้นางสงสัยและหาคำตอบเองจะดีกว่า” ซูฉีพูด
“แค่ท่านช่วยเขาครั้งนั้น ชะตาวิบากกรรมเขาก็เปลี่ยนแล้ว” ซูมี่พูด
“พวกเจ้าจะยึดชะตาไร้คู่ขอพวกเขาไม่ได้ ในเมื่อด้ายแดงถูกผูกไว้แล้ว อย่างไรพวกเขาก็ต้องรักกันอยู่ดีไม่ช้าก็เร็ว แต่ผลลัพธ์นั้นแม้แต่ฟ้าก็ไม่อาจรู้ได้ ข้าไม่อาจปล่อยให้องค์ชายสี่ตายได้”
ซูมี่พูด “ชะตาขององค์ชายสี่แสนสั้นนัก”
“ถ้าเป็นแบบนั้นท่านเองก็ไม่สมควรเข้าไปยุ่ง หากเบื้องบนรู้พวกเราอาจถูกลงโทษได้”
ผู้เฒ่าจันทรายืนมองกระจกวาสนาของพวกเขา แม้เขาจะรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปมันเป็นความผิด แต่ความรักไม่สมควรถูกตัดให้ไร้คู่และไร้วาสนา มันไม่ยุติธรรมต่อทุกคน