บทที่ 7
ตอน เฮนรี่
ในวังตอนนี้เป็นอะไรที่คึกคักยิ่งนัก ไม่เว้นแต่ประชาชน ต่างได้รับอาหารพระราชทานไปทั่วเขตบริเวณใกล้เคียง ตอนนี้ในวังและนอกวังต่างเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลากหลาย
ระหว่างเดินทางเข้าวัง ต้องผ่านทางหลาย ๆ แห่งกว่าจะถึงที่จัดเลี้ยง แต่ละแห่งช่างเป็นอะไรที่งดงามเหลือเกิน ลู่เหลียนเธอเองก็ตื่นตาตื่นใจมากกับสิ่งที่เห็น เธอคิด นี้ถ้าพวกเธอรู้ว่าฉันมาเจออะไรในตอนนี้พวกเธอต้องอิจฉาฉันแน่ ๆ เพื่อน ลู่เหลียนเดินไปเล่นไปจนทำให้หลงไม่สามารถตามพ่อกับแม่และหว่านเอ่อร์ได้ทัน มารู้ตัวอีกทีก็หยุดอยู่ตรงกลางทุ่งดอกไม้สีชมพู่ที่ส่งกลิ่นหอมอบอวล ได้สติเธอมองหาทุกคน ใช้เสียงโทนต่ำเรียกหาเบา ๆ
ทางด้านของพ่อกับแม่ มารู้ตัวอีกทีก็ถึงงานเลี้ยงแล้ว ทุกคนมองหาลู่เหลียน
“หว่านเอ่อร์ คุณหนูนะ” ผู้เป็นแม่ถามขึ้นด้วยความตกใจ
ซึ่งในตอนนั้น สามีของเธอก็ได้เจอเพื่อนในราชสำนักเข้ามาทักทายพอดี
ฮูหยินได้ยืนมองสามีแต่ไม่สามารถตื่นตระหนกได้ เธอจึงสั่งให้หว่านเอ่อร์ออกตามหาลู่เหลียนให้ทันก่อนงานจะเริ่ม หว่านเอ่อร์รับคำสั่งรีบเดินออกหาลู่เหลียนทันที
ลู่เหลียนเดินหาทางออก ทางที่สามารถกลับไปยังงานเลี้ยง พร้อมเรียกหา พ่อแม่ไปด้วย แม้เธอจะใช้เสียงเบาแต่ที่แห่งนี้เงียบซะจนทำให้เสียงเธอดังพอสมควร เธอเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ มองหาทางเดิมที่เธอเดินเข้ามา แต่ทันใดนั้นไม่ทันได้ระวังชนเข้ากับหน้าอกของชายผู้หนึ่งที่รีบเดินผ่านเข้ามา เขาหยุดเดินด้วยความตกใจ ลู่เหลียนเองก็ตกใจ เธอหันกลับมาทันที เธอมองหน้าเขาถึงกับตกใจ เรียกเขาเสียงดังด้วยความดีใจ
“เฮนรี่ นั้นนายหรือ ”เธอจับแขนเขาไว้แน่น “นายก็ติดอยู่ที่นี่ด้วยหรือ ฉันคิดว่าฉันมาที่นี่คนเดียวซะอีก” เธอกอดเขาด้วยความดีใจ
“เธอเป็นใคร”เขาเน้นเสียง สีหน้าเคร่งขรึม แววตาที่ดุดันจ้องมองเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ได้ฟังคำนี้แล้วลู่เหลียนถึงกับได้สติขึ้นมา ค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากเขาช้า ๆ “แต่นายหน้าเหมือนเฮนรี่มากเลย”
“ใครคือเฮนรี่” แล้วอยู่ ๆ เขาก็มีอาการปวดหัวขึ้นมา จนต้องหลับตาเพื่อคุมอาการเจ็บนี้
“เฮนรี่ เป็นอะไรไป”
เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ มันทำให้เขารู้ปวดหัว ทั้ง ๆที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ลู่เหลียนเดินเข้าไปจับตัวเขา แล้วเขาก็ได้สติขึ้นมา
“เอามือสกปรกของเจ้าออกไป”
ลู่เหลียนยื่นมือไปที่หน้าของเขา “สกปรกตรงไหน คนเขาอุสาต์เป็นห่วง พูดซะ ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย”
“เจ้าว่าอะไร”
ลู่เหลียนแลบลิ้นใส่เขา แล้วก็คิดจะแกล้งผลักเขาให้ล้ม “นั้นอะไรนะ” เขาหันมอง เป็นโอกาสดี ลู่เหลียน ผลักร่างของเขากระเด็นจนเกือบล้ม แล้ววิ่งหนีไปทันที
“นี่เจ้า”
“องค์ชายสี่ ได้เวลาต้องเปลี่ยนชุดเข้างานแล้วพ่ะย่ะคะ”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงเขามาที่ตำหนักของเสด็จแม่เราได้”
“อาจจะเป็นบุตรของขุนนางในวังพ่ะย่ะคะ”
“เสด็จแม่เสร็จแล้วหรือ”
“พ่ะย่ะคะ” แล้วทั้งสองก็เดินจากไป
ส่วนลู่เหลียนได้วิ่งกลับทางเดิมที่เธอเดินเข้ามา จนไปเจอกับหว่านเอ่อร์พอดี
“คุณหนูคะ”
“หว่านเอ่อร์ ดีใจจังที่เจอเธอ นึกว่าต้องหลงอยู่ในนี้แล้ว”
“ไปเถอะคะ งานใกล้เริ่มแล้ว”
“เหรอ ไปซิ”
เมื่อมาถึงงาน ทุกคนที่ถูกเชิญมา ต่างนั่งดูการร่ายรำการแสดงที่งดงามอ่อนช้อยอย่างมีความสุข ต่างกับลู่เหลียนที่ตอนนี้คิดถึงหน้าของชายในสวนดอกไม้นั้น เธอสงสัยถึงใบหน้าและเสียงทำไมเหมือนเฮนรี่นะ หรือมีคนหน้าเหมือนเสียงเหมือน แต่ขนาดตัวเราเองก็ยังมีคนหน้าเหมือนเราเลย ทำไมความรู้สึกถึงคุ้นเคยกับเจ้าหมอนั้นมากกว่าคนโลกนี้ซะอีก หรือนี่เราอยากกลับบ้านมากหรืออยากรู้ข่าวของเฮนรี่ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างมากกว่านะ
“คุณหนูคะ”
“ว่าไง”
“หว่านเอ่อร์ออกไปรอด้านนอกจะดีกว่าค่ะ รู้สึกอึดอัดนิดหน่อยค่ะ”
“ไม่สนุกเลย รู้แบบนี้อยู่บ้านแล้วแอบหนีเที่ยวยังจะสนุกกว่าอีก”
แม่ได้ยินที่เธอพูดเลยหยิกเธอที่แขน เธอกลั้นเสียงไว้แต่สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บ หว่านเอ่อร์หัวเราะก่อนจะเดินออกไป