บทที่ 5
ตอน ความฝันหรือ
“โอ๊ย เจ็บไปทั้งตัวเลย” เจพีบิดตัวเองไปมาอยู่บนเตียงนอน เธอลืมตาขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้างมองเห็นเพดานไม้ ที่เตียงมีม้านราวกับมุ้ง เธอคิดโรงพยาบาลที่ไหนตกแต่งห้องแบบนี้กัน เธอพยามยามพยุงร่างลุกนั่ง พร้อมกับจับแขน จับตัว บริเวณที่เจ็บเมื่อสังเกตุเห็นเสื้อภาพที่ใส่
“นี่ชุดโรงพยาบาลหรือ”
แล้วทันใดนั้นก็มีหญิงสาวใส่ชุดแบบซีรีย์จนที่เธอชอบดูเดินเข้ามาพร้อมกับชายชราถืออะไรมาด้วยเป็นกล่องพอที่จะปกพาสะพายมา เจพีเริ่มสงสัยและงง หญิงสาวที่เดินเข้ามาเธอเองก็ตกใจและดีใจมากที่เห็นคุณหนูฟื้น เธอรีบวิ่งออกจากห้องประกาศไปทั่ว
“คุณหนูฟื้นแล้ว”
ชายชราเดินเข้ามาจับชีพจรของเธอทันที เจพีตกใจดึงมืออก
“จะทำอะไรเหรอ”
“คุณหนู ข้าขอตรวจชีพจรท่านหน่อย ไม่ทราบว่าท่านมึนศีรษะหรือเปล่า หรือเจ็บตรงไหนบ้างมั้ย”
เจพีคิดแปลกเขาพูดภาษาจีนเหรอ ทำไมเราฟังออกละ
“ท่านฟังข้าเข้าใจเหรอ”
“เข้าใจซิครับ”
เราพูดภาษาไทยเขาก็ฟังออกเหรอ นี่คือความฝันหรือ ไม่นานนัก ทุกคนก็วิ่งมาที่ห้องของเธอ พ่อกับแม่ เข้ามาด้วยสีหน้าที่ดีใจ ผู้เป็นแม่โผเข้ากอดเธอด้วยความดีใจ
“เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกแม่ซิ”
แม่เหรอ เธอมองชายที่มีอายุ แต่งตัวภูมิฐาน นี่คงเป็นพ่อซินะ
“ลู่เหลียนเป็นไงบ้างลูก”
ลู่เหลียนหรือ เธอขมวดคิว ไม่กล้าพูดอะไรเลย ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ
“ท่านหมอ น้องสาวข้าเป็นอะไร ทำไมไม่พูดอะไรเลย”
“ข้าตรวจดูแล้วร่างกายของคุณหนูปกติดี อาจเป็นเพราะกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
เธอหลับตา ในสมองเธอกำลังคิดทบทวนกับเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้น เธอออกไปซื้อของขวัญให้น้องชาย ถูกโจรแย่งกระเป๋า แล้วเธอก็ถูกรถชน หรือเราตายแล้ว หรือเราฝันอยู่กันแน่ เธอนำแขนของตัวเองขึ้นมากัดต่อหน้าทุกคน ทุกคนตกใจ เสียงร้องของเธอก็ดังขึ้น
“โอ๊ย เจ็บ ๆ ๆ”
“ลูกทำอะไรนะ กัดตัวเองทำไม” แม่ถาม
“ลู่เหลียน น้องเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่สาวถาม
เธอมองหน้าทุกคน แล้วพูด แบบกล้า ๆ กลัว ๆ “ลูกเหนื่อยอยากพักผ่อน”
“ได้ ๆ” แม่พูด “เดี๋ยวแม่ให้ใครต้มซุปมาให้นะ ท่านพี่เราให้ลูกพักผ่อนเถอะ”
“ได้ ๆ …..หว่านเอ่อร์ ดูแลคุณหนูให้ดีละ”ผู้เป็นพ่อหันไปพูดกับสาวใช้คนสนิทของลูกสาว
พี่สาวของเธอรับใบสั่งยาของหมอ “อย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปต้มยาให้”
เมื่อทุกคนออกจากห้องไปหมดเหลือแต่คนชื่อว่าหว่านเอ่อร์ ในมือของเธอถือกระบี่ แต่งตัวด้วยชุดสีชมพู่อ่อนงดงามยิ่ง
“คุณหนู เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ที่นี่ที่ไหน”
“ก็จวนของนายท่าน”
“จวนเหรอ…..บ้านซินะ”
“คุณหนูหิวไม่”
แล้วเสียงท้องร้องของเธอก็ดังขึ้นมา เธอยิ้มให้หว่านเอ่อร์ด้วยความอาย หว่านเอ่อร์เดินไปสั่งสาวใช้หน้าห้องให้จัดอาหารมาให้คุณหนูทันที
เจพีลุกออกจากเตียงเดินไปหาเธอ “ฉันชื่ออะไรหรือ”
หว่านเอ่อร์จ้องมองเธอด้วยสีหน้าที่แปลกใจ “คุณหนูจำไม่ได้หรือ”
“ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”เธอตอบ
“อย่างนั้นหว่านเอ่อร์จะไปตามท่านหมอมาดูอาการ” เธอเดินด้วยความกังวล แต่ทว่าเจพีได้ดึงมือเธอไว้
“ไม่ต้องหรอก”
“แต่”
“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”
“จะดีเหรอคะ” หว่านเอ่อร์มีทีท่ากังวล
“เธอเป็นเพื่อนฉันใช่มั้ย”
“คุณหนู นี่หว่านเอ่อร์เป็นสาวใช้ข้างกายคุณหนูไงคะ”
“สาวใช้เหรอ” เธอจับมือหว่านเอ่อร์ให้นั่งลงข้าง ๆ เธอ ที่เตียง “นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย ช่วยหยิกฉันหน่อย”
หว่านเอ่อร์แม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่เธอก็หยิกเจพีตามคำขอ เสียงร้องด้วยความเจ็บดังขึ้นอีกครั้ง “โอ๊ย” เธอชักมือออกจากหว่านเอ่อร์ทันที
“ทำไมแรงเยอะขนาดนี้ละ”
“ขอโทษคะ”เธอมีสีหน้าที่ตกใจ
“ไม่เป็นไร…..ในเมื่อนี้ไม่ใช่ฝัน เธอคงต้องช่วยฉันแล้วนะ”
เจพีจึงกระซิบข้าง ๆ หูของหว่านเอ่อร์ เพื่อไม่ต้องการให้คนในบ้านหรือคนข้างนอกได้ยิน เธอบอกให้หว่านเอ่อร์บอกข้อมูลของร่างนี้มาอย่างละเอียด
เมื่อหว่านเอ่อร์บอกเล่าทุกอย่างไป เจพีเริ่ม งง และรู้สึกว่าตนเองจะจำได้ทั้งหมดเหรอ
“ฉันคงจำได้ไม่หมดหรอก แค่ชื่อก็เรียกยากแล้วเห็นทีเธอคงห่างฉันมากไม่ได้แล้ว”
“ทำไมคุณหนูถึงไม่ยอมบอกใคร ๆ ในบ้านให้รู้ละคะ”
เจพีคิดหาคำตอบ
“เห็นหน้าพ่อกับแม่ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาพวกท่านดีใจมากแค่ไหน แล้วท่านหมอก็ตรวจฉัน เขาก็บอกว่าฉันปกติดี แบบนี้ถ้าพูดออกไปจะทำให้พ่อกับแม่เป็นกังวลได้”
“ก็จริงนะคะ คุณหนูไม่เปลี่ยนเลย เป็นห่วงนายท่านและฮูหยินเสมอ”
เจพีคิดนี้คือกฎพื้นฐานของการเป็นลูกเท่านั้น เธอยังคิดไปอีกว่าหรือฉันเข้ามาติดในนิยายเรื่องใดเรื่องหนึ่งเหมือนกับในซีรีย์ ถ้านี้เป็นความฝันฉันจะตื่นได้อย่างไร เธอคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เธอเจอก่อนจะมาที่นี่ ภาพการถูกแย่งกระเป๋า ต่อสู้ และรถชน และนั้นคือความจำสุดท้ายที่เธอจำได้ ไม่จริงนะ ฉันคงยังไม่ตายหรอกนะ
“คุณหนูคะ อาหารมาแล้วคะ”
สาวใช้นำอาหารจัดเรียงมากมาย เจพีเห็นอย่างนั้นเธอรีบเดินไปที่โต๊ะทันทีด้วยความหิว เมื่อสาวใช้ออกไปเหลือแต่เธอกับหว่านเอ่อร์
“ ฉันชื่อลู่เหลียนใช่ไม่……เกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
“ใช่คะ……เมื่อสองเดือนก่อน นายท่านให้คุณหนูกับคุณหนูใหญ่นำคนไปรับสินค้าที่ด้านหน้าเมืองเหนือระหว่างทางกลับ พวกเราเจอกับกลุ่มโจรเข้าปล้นสินค้า เกิดการต่อสู้ คุณหนูต่อสู้จนได้ตกหน้าผา ตอนนั้นคุณหนูใหญ่ตามหาคุณหนูอยู่ 2 วัน เจอร่างคุณหนูอยู่บนต้นไม้”
“ตกจากหน้าผา สูง”เธอเน้นคำมองหน้าหว่านเอ่อร์ เธอพยักหน้าตอบรับบ่งบอกว่าใช่ “แล้วไม่ตายนี่นะ เหลือเชื่อ”
“คุณหนูมีวรยุทธ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงหลับไปสองเดือนเต็มเลยนะคะ”
“ฉันมีวรยุทธด้วยหรือ”
“ค่ะ เก่งด้วย”
“ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันไม่เหลือวรยุทธแล้ว”
“ไม่เป็นเป็นไรค่ะ เรื่องนั้นหว่านเอ่อร์จะค่อยช่วยคุณหนูเอง”
“ช่วยอย่างไร”
“เราต้องฝึกมัน หากคุณหนูฟื้นวรยุทธความทรงจำนั้นอาจจะกลับมาก็ได้นะคะ”
เจพีมองหน้านาง เมื่อเธออิ่ม ก็สงสัยหน้าตาของตนเองขึ้นมา
“มีกระจกมั้ย”
“มีค่ะ” หว่านเอ่อร์เดินไปหยิบกระจกมาให้เธอ เมื่อเจพีมองตัวเองในกระจก เธอตกใจ
“ทำไมหน้าเมื่อเราเลยละ”
“อะไรนะคะ”
“ออ…เปล่านะ แค่ดีใจที่หน้าไม่อัปลักษณ์”
“คุณหนูไม่อัปลักษณ์หรอกนะคะ หญิงสาวที่ชายทั้งเมืองอยากได้เป็นคู่ครอง”
“ฉันนะหรือ”
“ค่ะ แต่ก็ไม่มีใครพิชิตใจคุณหนูได้เลย”
เจพีถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เธอยังไม่ได้แต่งานหรือมีสามีแล้ว
“แล้วฉันมีนิสัยอย่างไร”
เธอยิ้มในตาเป็นประกาย ก่อนจะตอบออกไป“คุณหนูเป็นหญิงสาวที่เก่ง วรยุทธเก่งสุด ๆ สุภาพเรียบร้อย และเย็นชา แต่ทำอาหารอร่อยมากค่ะ”
เจพี ส่ายหัว เธอคิด ต่างจากเราทุกด้านเลย ฉันคงเก่งอย่างเดียวเรื่องเรียนกับเพ้อฝัน แล้วเธอก็ถอนหายใจ
“คุณหนูอยากอาบน้ำไม่ค่ะ”
“อยากซิ”
แล้วหว่านเอ่อร์ก็จัดแจงทุกอย่างให้เจพี ได้อาบน้ำอุ่น