เมื่อการเดินทางเริ่มขึ้นทั้งสาม มุ่งหน้าสู่ประเทศจีน เวลานี้ประเทศจีนอาการเริ่มหนาว มีแสงแสดอ่อน ๆ ปะปลาย เครื่องทะยานสู่ท้องฟ้าสีครามบินเข้าสู่น่านฟ้าประเทศจีน การเดินทางที่หลายชั่วโมงก็สิ้นสุดลงเมื่อล้อเครื่องบินถึงพื้น พวกเธอเดินออกจากเครื่องมุ่งหน้าผ่านการตรวจเช็ค เดินไปเอากระเป๋า ออกจากสนามบิน สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านปะทะร่างทั้งสาม พวกเธอสั่นรับลมหนาว
มะลิให้รถโรงแรมมารับพวกเธอที่สนามบิน เมื่อรถจอด คนขับรถรีบลงมารับกระเป๋าใส่ท้ายรถทันที เมื่อมาถึงโรงแรมนั้นเวลาก็มืดพอดี โรงแรมหรูใหญ่มาก เจพีและฝันถึงกับยืนดูด้วยความตกใจ ภายในตกแต่งแบบจีนสวยสดงดงาม กลิ่นหอมของดอกไม้ เสียงเพลงเบา ๆ ที่มาจากเครื่องเล่นจีน มันช่างไพเราะเหลือเกิน
พนักงานต้อนรับรีบมายกกระเป๋าของพวกเธอพาไปเช็คอิน แล้วนำพวกเธอขึ้นลิฟต์ ไปยังของพัก
“ฉันรู้ว่าเธอรวยนะเพื่อน แต่นี่มันมากไปหรือเปล่า” เจพีพูด
“ไม่มากหรอกเพื่อน มะลิรวยจะตายแค่นี้ไม่ทำให้มันจนหรอก” ฝันพูดเธอเดินสำรวจห้องนอนด้วย
“สำหรับพวกเธอสองคนไม่มากหรอกเพราะมันคุ้มค่าที่ฉันมีเพื่อนอย่างพวกเธอ ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันฉันมีความสุขมาก พวกเธอไม่เคยหวังผลประโยชน์จากฉันเลย แถมยังช่วยพาฉันให้เรียนจบอีก แค่นี้ฉันว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
ทั้งสองยิ้ม พวกเธอสามคนกอดกัน
“แต่ตอนนี้ฉันหิวแล้ว” ฝันพูด
“ไป ฉันจะพาไปหาของอร่อยทานกัน” มะลิพูด
พวกเธอออกจากโรงแรมไปเที่ยวกันอย่างมีความสุขในยามราตรี ที่นี่ช่างมีแสงสีหลากหลาย ผู้คนเองก็ยังคงเดินกันไปมาเหมือนตอนกลางวันราวกับที่นี่ไม่มีกลางคืนอย่างนั้นแหละ แสงสีมากมาย เจพี และ ฝันต่างตื่นตาตื่นใจ พวกเธอยิ้มถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน
“กว่าจะถึงงานคอนเสิร์ตก็อีกสองวัน พรุ่งเราไปเที่ยวกันดีกว่า” มะลิพูด
“เอาซิ” ฝันพูด
แล้วทั้งสามก็เดินทางกลับโรงแรม
รุ่งเช้าวันใหม่อากาศหนาวกว่าเมื่อวานมาก พวกเธอออกจากโรงแรม มะลิพาเพื่อนไปเที่ยววัดแห่งหนึ่ง วัดแห่งนั้นจะมีผู้คนและนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปกราบไหว้สักการะกันไม่ขาดสาย
เมื่อรถขับมาจอดที่วัด ก็ใกล้เที่ยงแล้วนักท่องเที่ยวมากมายเดินเที่ยวชมความงามของวัด ศิลปะภาพผนัง รูปปั้นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับราศีของแต่ละเดือนถูกวางเรียงอย่างสวยงาม แม้แต่รูปเทพเจ้าก็ถูกจัดวางให้กราบไหว้อย่างเป็นสัดส่วนตกแต่งด้วยดอกไม้อย่างงดงาม และที่หน้าสนใจ ผู้คนส่วนใหญ่รอที่จะกราบเข้าไปกราบไหว้ เทพเจ้าจันทรากันอย่างเนื่องแน่น เพราะพวกเขาเชื่อกันว่า เทพเจ้าจันทราหรือผู้เฒ่าจันทราเป็นผู้ดลบันดาลเรื่องแห่งความรัก หนุ่มสาวจำนวนมากต่างพากันมาขอพรที่นี่ เช่นเดียวกัน มะลิและฝันต่างรีบมาต่อแถวเพื่อขอพร แต่ทว่า เจพีตัวเธอเองกลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด
“พวกเธอเข้ากันไปเถอะฉันรออยู่ข้างนอกแล้วกัน”เจพีพูดขึ้น
“ไม่ได้เราเข้าไปกันหมดนี้แหละ” ฝันดึงมือเจพีเดินเข้าไปทันที
ด้านของเฮนรี่ตอนนี้เขาแต่งตัวปกปิดตัวเองอย่างมิดชิด เขาแต่งตัวด้วยชุดสีดำทั้งชุดสวมแวน ปิดจมูก ใส่วิกผมหยิก สวมหมวกไหมพรหม
“พี่รีบเดินหน่อยซิ วันนี้วัดเกิดหยกนะ พี่สัญญาแล้วว่าจะตามใจหยกไง” เธอสากเขา
“ใช่ พี่บอกว่าจะตามใจเธอหนึ่งวัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องต้องจับพี่แต่งตัวแบบนี้นะ”เฮนรี่กล่าว
“แหม พี่ ถ้าไม่ทำแบบนี้ น้องก็ไม่ได้เที่ยวกับพี่ซิ”
เธอสากเฮนรี่เดินเข้าไป ตามหลังกลุ่มของเจพีไปติด ๆ พวกเขาเข้าไปกราบไหว้ขอพร มะลิและฝันคุกเข่าพวกเธอดึงให้เจพีนั่งคุกเข่าด้วยกัน เช่นเดียวกับหยกที่เธอเองก็ต้องดึงเฮนรี่ให้นั่งคุกเข่าข้างเธอ
“พี่ไม่เชื่อเรื่องด้ายแดงหรือความรักหรอกนะ และยิ่งเรื่องการขอพรจะเทพเจ้าด้วยแล้ว พี่ว่าไม่มีอยู่จริง” เฮนรี่พูด
“พี่เงียบไปเลย” เขาหยุดพูด มองดูน้องสาวที่กำลังหลับตาขอพร
อยู่
ส่วนทางด้านของเจพี เธอเองก็ได้พูดขึ้น
“พวกเธอเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ เทพเจ้าแห่งความรัก หรือด้ายแดงไม่มีอยู่จริงหรอกนะ”
“เรื่องแบบนี้อยู่ที่ใจของคน ฉันเชื่อเรื่องความรัก”มะลิพูด
“เจพี เธอไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ระวังเถอะจะขึ้นค้าน” ฝันพูด
“ฉันเชื่อในความรัก แต่ถ้าต้องให้มาขอพร เพื่อให้เทพเจ้าช่วยเรื่องนี้ฉันไม่เชื่อ เพราะเทพเจ้าสำหรับฉันไม่มีอยู่จริง”
“ระวังท่านจะลงโทษเธอเอานะ” มะลิพูด
“ไร้สาระนา”
เมื่อการขอพรจบสิ้นทั้งสามได้เดินออกจากที่นั้นเดินดูสิ่งของที่วางขายมากมาย
ด้านเฮนรี่
เขาจับศีรษะน้องเขย่า “เธอนี่นะ เชื่ออะไรก็ไม่รู้”
“ระวังเถอะพี่ชายจะอยู่เป็นโสดคนเดียวตอนแก่”
“ก็ดีนะ ไม่วุ่นวาย”
เธอมองหน้าเขา แล้วเดินออกไปทันที เธอเดินดูของหน้ารัก ๆ ที่วางขายอยู่ ข้าง ๆ กลุ่มเพื่อน ๆ เจพี เฮนรี่ยืนดูน้องสาวเลือกของ เขาเริ่มรู้สึกร้อน
“เรากลับบ้านกันเถอะ เย็นนี้พี่มีซ้อมอีก ถ้าพี่หลินรู้พี่หลินเอาพี่ตายแน่”
“ได้คะ แต่ขอกินอะไรก่อนนะ”
“ได้ซื้อมากินในรถแล้วกัน”
“ค่ะ พี่ชายหน้ารักที่สุดเลย”
อีกด้านของวังผู้เฒ่าจันทรา
วังสีขาวขอบทอง หลังใหญ่ มีผ้าสีแดง ผูกเป็นม่านบางพลิ้วไหว เต็มไปหมด ต้นไม้เขียวเรียงรายเต็มไปหมด ประดับไปด้วยดอกไม้มากมายระยิบระยับงดงามยิ่งนัก ด้านหน้าวังมีสระบัวขนาดใหญ่ดอกบัวหลากสีนานาพรรณ พร้อมที่จะรับแสงแสดได้แบ่งบานที่ละดอก ที่ละดอก
ซูมี่ภูติของผู้เฒ่าจันทรา เดินถือคำขอพรของเหล่าผู้คนเข้าไปยังห้องที่ผู้เฒ่าจันทรานั่งอยู่ สิ่งที่เขาเห็นในเวลานี้ คือ ท่านผู้เฒ่าจันทรานั่งถักด้ายแดงด้วยพลังเวทย์ให้ได้สิ่งที่สวยที่สุด เขาถักไปแก้ไปอยู่อย่างนั้นนานหลายวันแล้ว จนทำให้ ซูมี่ต้องนำคำขอพรมาให้เองถึงที่นี่
“สี่วันมานี้ท่านไม่อ่านคำขอพรเลยหรือ ท่านเอาแต่เล่นด้ายแดงแบบนี้” ซูมี่พูด
“ก็พรทุกคนขอเหมือนกันหมด ไม่เห็นต้องดูเลย”
“แต่นี่มันเป็นงานของท่าน เหตุใดท่านให้ข้ามานั่งทำแทน”
“เบื่อ….ข้าเบื่อ มนุษย์ขอพรเดิม ๆ”
“ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นเทพแห่งความรัก เทพที่ต้องมอบด้ายแดงให้คนที่ดวงคู่กัน พรที่ขอ คงมีไม่กี่ขอหรอกที่ท่านต้องทำและตรวจสอบ”
“ว่าไป เจ้าตรวจสอบแทนข้าก็ได้นิ”
“นี่ท่านฟังข้าอยู่หรือเปล่า”แล้วเขาก็ว่างสมุดขอพรตรงหน้าเขา
“ได้ ๆ เจ้าเป็นภูติของข้านะงานแค่นี้ช่วยข้าหน่อยไม่ได้เหรอ ถ้ามีอะไรแปลกให้ข้าสนใจค่อยบอกข้าก็ได้”
เมื่อท่านผู้เฒ่าพูดจบซูมี่ก็นึกบางอย่างออก “เรื่องแปลกเหรอ วันนี้มีเรื่องแปลก”
เขาสนใจขึ้นมาทันที “เรื่องอะไร”
“มีชายหญิงคู่หนึ่งพวกเขา มาขอพรกับเพื่อน ๆ แต่สองคนนั้นไม่ได้ขอพรอะไรจากท่านแถมยังพูดดูถูกท่านอีก”
“บังอาจ พูดว่าไงเลย”
“อยากรู้ก็เปิดอ่านเอง” แล้วซูมี่ก็เดินออกไป
“เจ้าภูติบ้า-----ใครที่มันกล้าดูถูกข้า”
แล้วสมุดบันทึกเล่มใหญ่ก็ลอยขึ้น เขาเปิดไปยังหน้าที่ซูมี่พูดถึง แล้วภาพก็ปรากฏขึ้นราวกับหนังฉายย้อนกลับ สิ่งที่ทั้งสองพูดนั้นมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
“พวกเด็กนี่ ยังไม่รู้จักฟ้าสูงเลยนะ ขอดูคู่ขอพวกเจ้าหน่อยเถอะ”
เขาร่ายพลังเวทย์ แล้วสมุดด้ายแดงก็ปรากฏ สมุดเล่มใหญ่หนามาก ลอยขึ้น เขาค้นหารายชื่อของ เจพี และ เฮนรี่ สิ่งผิดปกติบางอย่างก็เกิดขึ้น เมื่อรายชื่อทั้งสองปรากฏ เขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
เขาบ่น “เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเขาถึงมีรายชื่ออยู่ในสมุดได้ละ ถ้าชะตาเขาคือไร้คู่ครอง หรือสมุดด้ายแดงจะเกิดข้อผิดพลาดหรือ” เขาครุ่นคิด
“เป็นไปไม่ได้ สมุดเล่มนี้ผูกติดกับทุกชีวิตที่ถือกำเนิดมาหากไร้คู่ก็ไม่สมควรอยู่ในเล่มนี้”
ท่านผู้เฒ่าพยายามย้ายรายชื่อพวกเขาออกจากสมุดไปไว้ยังสมุดไร้วาสนา ทำเท่าไรก็ไม่ได้ รายชื่อก็ยังคงกลับมาที่เดิมตลอด เขาจึงตัดสินใจเปิดดูรายชื่อของสองคนนี้ในโลกอดีต ซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโลกขนาน เมื่อพบ ก็ต้องแปลกใจอีกครั้งทั้งสองกลับมีชะตาเดียวกัน ไร้คู่ครองแต่มีรายชื่ออยู่ในสมุดด้ายแดงทั้งสองโลก
“นี่มันอะไรกัน”
เขาเดินคิด นั่งคิด นอนคิด อยู่สักพักแล้วก็ยิ้มออกมา แล้วซูมี่กับซูฉีก็เดินเข้ามา พวกเขาเห็นสีหน้าของท่านผู้เฒ่าจึงนึกเอะใจ
“หวังท่านคงไม่คิดจะเล่นอะไรพิเลนอีกใช่ไม่” ซูฉีพูดแล้วมองเขา
“พวกเจ้านี่นะ ช่างเป็นภูติที่รู้ใจข้าจริง ๆ”
“ท่านจะทำอะไร”ซูมี่พูด
“เจ้าว่าแปลกไม่ ที่สมุดด้ายแดงมีรายชื่อของคนไร้คู่อยู่”
“เป็นไปไม่ได้” ทั้งสองพูดขึ้น
“ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ลองส่งรายชื่อกลับไปยังสมุดไร้วาสนาก็ไม่ได้ผล รายชื่อกลับมายังสมุดด้ายแดงตลอด เพราะอะไร”
ทั้งสองมองหน้ากัน “ถ้าท่านไม่รู้พวกเราคงจนปัญญาที่จะบอกท่านได้”
“ข้ามีอะไรดี ๆ จะเล่นแล้ว ในเมื่อไร้ชะตาคู่ ข้าจะผูกด้ายแดงสร้างชะตาให้พวกเขา เรามาดูกันเส้นทางของพวกเขาจะเป็นอย่างไร”
ซูฉีพูด “ไม่ได้นะคะ สิ่งที่ท่านทำอาจมีผลต่อชะตาพวกเขา”
“แล้วไง” เมื่อพูดจบ ไม่ทันได้ฟังเธอพูดต่อ เขาก็หายตัวไปทันที
“ให้ตายเถอะ ท่านผู้เฒ่าจะเล่นอะไรอีก”ซูมี่พูด
“ข้าว่างานนี้เจ้ากับข้า คงได้กลับเป็นเดรฉานอีกเป็นแน่”
ทางด้านผู้เฒ่าจันทรา เขาหายตัวมาปรากฏยืนอยู่ที่แท่งเสาสูงมองไม่เห็นเบื้องล่าง ที่นี่มีกระจกเงามากมายลอยอยู่ในกระจกเงานั้นมีคู่ชีวิตที่ดำเนินชีวิตอยู่ ราวกับละครซีรีย์ที่มีให้ดูมากมาย เขาสร้างกระจกเงาขึ้นสำหรับ เจพีและเฮนรี่ขึ้นมา ส่งรายชื่อนั้นเข้าไปในกระจก แล้วผูกด้ายแดงที่ตนเองถักไว้ ผูกไว้ที่ข้อมือของทั้งสองทันที
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อในด้ายแดง มาดูกันว่าชะตาพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร”
ทางด้านเจพี
ตอนนี้เวลาก็บ่ายแล้ว อากาศกำลังดีเลย พวกเธอเดินออกจากวัดไปสถานที่เที่ยวอื่นต่อ แต่ทันใดนั้น เจพีต้องหยุดเดินเธอรู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือมาก ๆ จนต้องกำมือไว้แน่น เพื่อน ๆ ทั้งสองเห็นหน้าเจพีไม่สู่ดี มะลิเข้ามาหาเธอและพยุงเธอพาไปนั่งที่ไม้หินอ่อน
“เป็นอะไรเจพี”ฝันถาม
“ฉันเจ็บข้อมือมาก ๆ เลย” เธอขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด มะลินำน้ำแข็งมาประคบให้เธอทันที อาการเจ็บค่อย ๆ ทุเลาจนหายเป็นปกติ
“เธอโอเคไม่” มะลิถาม
“อือ---ดีขึ้นแล้ว”
“หรือว่าเป็นเพราะเธอปากดี เจพี เทพเจ้าเลยผูกด้ายแดงให้เธอ” ฝันพูดไปหัวเราะไป
“ฝันนะฝัน เธอยังจะล้อเล่นอีก” มะลิพูด ฝันยิ้ม เจพีลุกเดิน เธอส่ายศีรษะแล้วเดินต่อ
“อ้าว---หายแล้วหรือ รอด้วย” ฝันพูดพร้อมกับวิ่งไปกินไป
ทางด้านของเฮนรี่ เวลานี้เขาไปซ้อมเตรียมตัวสำหรับงานพรุ่งนี้ระหว่างซ้อมเต้นอยู่นั้น เขาก็รู้สึกปวดข้อมือมากเช่นกัน เขานั่งลงกับพื้น พยายามนวดข้อมือของตัวเอง เพื่อนนักเต้นด้วยกันเข้ามาหาเขาด้วยความตกใจ
“เป็นอะไรเฮนรี่”
“ไม่รู้ซิ เราปวดข้อมือมาก ๆ เลย”
“ไป ฉันจะพานายไปหาหมอ”
“ไม่เป็นไร ฉันว่าเดี๋ยวก็หาย หาอะไรเย็น ๆ มาประคบก็หน้าจะได้” เพื่อนักเต้นรีบหาน้ำแข็งมาประคบให้เขาทันที แล้วอาการเจ็บก็ทุเลาลงจนหายเป็นปกติ พวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตดำเนินต่อไปอย่าง
Hanna hb