Your Wishlist

ภควานบันดาลรัก (ภควานบันดาลรัก 3)

Author: ༻☆ฐปิณชญงค์☆༺

เมื่อแม่ม่ายวัย 45 ได้ย้อนเวลากลับมาใน ยุค 90…

จำนวนตอน :

ภควานบันดาลรัก 3

  • 10/11/2565

 

เสียงนกกระจิบร้องจิ๊บจั๊บเหมือนแว่วดังอยู่ข้างหูปลุกให้ปิยะลักษณ์ลืมตาตื่น

 

“นังหนูเอ๊ย…ตื่นได้แล้วลูก ใกล้ได้เวลาใส่บาตรแล้วรีบตื่นมาล้างหน้าล้างตาเร้วววว!” เสียงยายตะโกนเรียกเธอดังมาจากใต้ถุนบ้าน

 

ปิยะลักษณ์ยกมือทั้งสองขึ้นมาดู พบว่ามือของเธอมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดแต่สิ่งที่ยืนยันว่าเธอสามารถย้อนเวลากลับมาได้จริง ๆ ก็คือสมุดสมปรารถนาที่วางอยู่ด้านข้างของตัวเธอนั่นเอง

 

‘อ่ะฮ้า… ปาฏิหาริย์มีจริง ๆ ด้วย งั้นต้องลองประเดิมสมุดสมปรารถนาดูสักหน่อยแล้ว…’

 

เด็กหญิงเปิดสมุดวิเศษแล้วจรดปากกาลงบนกระดาษพร้อมกับเขียนคำขอว่า

 

ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีญาณวิเศษหยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต โดยคำตอบนั้นสามารถแสดงผลได้ราวกับเป็นระบบคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง

 

“เอ้า! นังหนู ลงมารึยังล้าว…พระเดินมาแต่ไกลแล้วน่าน!” ยายลากเสียงอันเป็นเอกลักษณ์เร่งเร้าทำให้เด็กหญิงต้องรีบปิดสมุด เพียงแค่นึก…สมุดเล่มนั้นพลันหายไปในพริบตา ปิยะลักษณ์รีบแจ้นไปล้างหน้าบ้วนปากพอวิ่งไปถึงหน้าบ้านพระก็เปิดฝาบาตรพอดี เธอจึงได้ใส่บาตรร่วมกับยายและน้องชายทั้งสองคน

 

พ่อกับแม่ของปิยะลักษณ์นั้น มีลูกทั้งหมดสามคนเธอเป็นพี่สาวคนโตมีน้องชายโตมาไล่ ๆ กันอีกสองคนเพราะแม่ตั้งใจมีให้ครบสามคนแล้วปิดอู่ยาวเลยทีเดียว ส่วนตากับยายมีลูกเจ็ดคนปัจจุบันที่บ้านเหลือเพียงบุญภาลูกสาวคนที่ห้าและบุญชัยลูกชายคนสุดท้องเท่านั้น ซึ่งบุญมาลูกสาวคนที่หกได้เข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ โดยลูกคนอื่น ๆ ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวทำมาหากินอยู่ตามต่างจังหวัด

 

บ้านไม้เก่าแก่ที่มีใต้ถุนสูงของตากับยายอยู่นอกตัวเมืองจังหวัดพิจิตรบนที่ดินขนาด 2 ไร่ มีถนนดินลูกรังสายเก่าเส้นเล็กตัดผ่านหน้าบ้านและบริเวณด้านข้างเพื่อทะลุไปยังถนนหลวงสายหลักที่ราดยางมะตอยซึ่งอยู่ทางด้านหลัง หากเดินข้ามถนนหน้าบ้านไปก็จะเป็นทางลงสู่แม่น้ำน่าน ซึ่งในขณะนี้น้ำประปายังเข้าไม่ถึงจึงต้องคอยรองน้ำฝนจากหลังคาสังกะสีลงสู่โอ่งหรือไม่ก็หาบน้ำขึ้นมาจากท่าน้ำ โดยเฉพาะยามหน้าแล้งที่ไม่มีฝน ปิยะลักษณ์กับน้องชายต้องช่วยกันใช้ไม้คานเกี่ยวถังใบน้อยหาบน้ำขึ้นมาจากแม่น้ำเติมโอ่งให้เต็มทุกใบ ส่วนเวลาอาบน้ำทั้งบ้านก็จะพากันไปดำผุดดำว่ายอยู่ในแม่น้ำน่าน

 

บริเวณใต้ถุนบ้านจะมีแคร่ไม้ไผ่และผูกเปลญวนเอาไว้นอนเล่นสองปาก ยามบ่ายเมื่อตายายกลับจากไร่นาจะมานอนเอนหลังพักเหนื่อยทุกวัน ตรงตีนบันไดบ้านมีอ่างล้างเท้าโบราณให้ทุกคนได้ทำความสะอาดก่อนขึ้นเรือน ซึ่งบันไดจะเชื่อมต่อกับระเบียงบ้าน ตัวบ้านแบ่งออกเป็นสี่ส่วน พอเดินเข้าไปในตัวบ้านส่วนแรกจะเป็นลานเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มีหนึ่งห้องนอน พื้นที่ตรงนี้ตอนกลางวันจะปล่อยโล่ง แต่ตอนกลางคืนจะกลายเป็นที่นอนของพวกเราสามารถกางมุ้งหลังใหญ่ได้ถึงสามหลัง มีประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่เชื่อมต่อส่วนที่สองซึ่งเป็นพื้นที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมหลายอย่างของคนในบ้านร่วมกัน เช่น นั่งล้อมวงกินข้าว นอนทำการบ้าน เก็บสะสมเสบียงที่เป็นของแห้งเพราะอยู่ติดกับครัวที่เป็นทางเดินยาวขนาดเล็ก ส่วนสุดท้ายจะเป็นห้องน้ำและลานซักล้าง โดยรวมแล้วลักษณะของบ้านจะคล้ายกับรูปตัวแอลนอนตะแคง

 

พื้นที่ใช้สอยของบ้านส่วนที่ปิยะลักษณ์ชอบมากที่สุดคงเป็นตรงระเบียงด้านหน้าเพราะบ้านหันไปทางทิศตะวันออกทำให้สามารถมองเห็นแม่น้ำน่านและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ด้านล่างมีเตาเผาถ่านใกล้กับคอกเลี้ยงหมูที่ปัจจุบันเลิกเลี้ยงไปนานแล้วจึงเอาไว้ใช้เก็บฟืนแทน ด้านข้างของตัวบ้านมีเพิงหีบอ้อย พื้นที่ภายในรั้วบ้านเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นพืชผักสวนครัวนานาชนิด แม้แต่รั้วบ้านก็ยังเต็มไปด้วยต้นกฐิน ชะอม ตำลึง เลื้อยพันกันมั่วไปหมดจนแทบแยกไม่ออก ยิ่งเวลาฝนใกล้ตกลมพัดแรงเธอชอบลากหมอนไปนอนไขว่ห้างนอนรับลมเย็นมองดูต้นมะพร้าวที่ไหวโอนเอนส่ายไปมา พอฝนตกอากาศเย็นก็นอนฟังเสียงฝนจนผล็อยหลับไปทุกครา ส่วนด้านหลังนอกรั้วบ้านจะเป็นคอกควาย โรงเก็บฟาง และดงกล้วยขนาดใหญ่

 

น่าเสียดาย…ในอนาคตหลังจากสิ้นตากับยายไปแล้ว ลูกบางคนกลับอยากขายบ้านหลังนี้เพื่อแลกกับเงินเพียงเล็กน้อย ถึงขนาดหลอกล่อให้แม่ของเธอไปเซ็นชื่อยินยอมขายบ้าน แต่แม่ไม่ยอมไปเซ็นเพราะยายได้สาปแช่งไว้ก่อนหมดลมหายใจ หากลูกคนไหนคิดขายบ้านขอให้ชีวิตต้องพบกับภัยพิบัติ!

 

หลังจากใส่บาตรปิยะลักษณ์ยังไม่ได้เดินขึ้นบ้านไปกินข้าวเช้าในทันที ซึ่งป่านนี้น้าภาคงทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วเพราะตากับยายและน้าสาวต้องออกไปทำไร่ทำนากันแต่เช้า ครอบครัวของตายายมีทั้งไร่อ้อยและนาข้าวทำกินอยู่เกือบร้อยไร่ บางส่วนก็ต้องแบ่งให้คนอื่นเช่าไปเพราะไม่สามารถทำเองได้หมด

 

ส่วนน้าชายอยู่บ้านดูแลหลาน ๆ ที่มีวัยไล่เลี่ยกัน เมื่อถึงตอนบ่ายหน้าที่ของพวกเราคือพาควายออกไปกินหญ้าในนา รอจนกระทั่งสวาบด้าน ซ้ายของพวกมันถูกเติมเต็มจึงพากันขี่ควายลงท่าน้ำให้พวกมันได้กินได้อาบน้ำซึ่งท่าคนกับท่าควายจะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก

 

เด็กน้อยที่มีจิตวิญญาณของคนโตมุดเข้าไปในดงกล้วยหลังบ้านที่ค่อนข้างลับตาคน เธอเรียกสมุดสมปรารถนาออกมา เมื่อเปิดดูก็พบว่าคำขอได้กลายเป็นสีแดงและตัวอักษรที่ถูกเขียนเอาไว้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนจางหายไป

 

‘คำขอคงเป็นจริงแล้วสินะ ต้องทดลองดูสักหน่อย วันพรุ่งนี้สลากกินแบ่งรัฐบาลจะออกเลขอะไร ?’

 

ทันใดนั้นตรงหน้าพลันปรากฏภาพเสมือนจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นข้อมูลให้เห็นอย่างชัดเจน พอวันรุ่งขึ้นเด็กหญิงจึงนำเงินที่เก็บสะสมเอาไว้เกือบทั้งหมดไปลองเสี่ยงโชคดู

 

“ยายผิน ยายผินอยู่ไหมจ๊ะ?” ปิยะลักษณ์ตะโกนเรียกเพื่อนบ้านผู้มีฐานะมั่งคั่งอยู่ในละแวกเดียวกันเป็นอันรู้กันดีว่าที่นี่รับหวย

 

“อยู่…ขึ้นมาสินังหนู” ยายผินยื่นหน้าที่กำลังเคี้ยวหมากเรียกขึ้นบ้านอย่างคุ้นเคยกันดีเพราะยายเคยใช้ให้มาซื้อหวยอยู่บ้าง แต่ยายไม่ได้เล่นหวยทุกงวดหรอกนะ เฉพาะเวลาฝันดีหรือนึกครึ้มขึ้นมาเท่านั้น

 

“งวดนี้กิมฮวยมีเลขเด็ดอะไรล่ะ ?”

 

“ตามนี้เลยค่ะยาย” ปิยะลักษณ์ยื่นกระดาษให้เพราะเขียนมาเรียบร้อยแล้ว เธอซื้อสามตัวบนตรงห้าพัน โต๊ดสองร้อย แล้วก็สองตัวบนล่างกลับเลขเพื่อให้ดูไม่น่าสงสัยจนเกินไปอีกตัวละสองร้อย รวมแล้วก็หกพันบาทพอดี

 

“เงินสดหรือเงินเชื่อ?” พอยายผินเห็นยอดเงินแล้วก็ต้องถามกันให้แน่ใจเพราะเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย

 

“เงินสดจ่ะ” เด็กหญิงหยิบเงินที่มีทั้งแบงค์ร้อยแบงค์ห้าร้อยแบงค์ยี่สิบยื่นให้

 

“งวดนี้เล่นซะหลายพัน ยายเอ็งไปเอาเลขเด็ดมาจากไหนล่ะ…ถึงกล้าทุ่มซื้อขนาดนี้ ?” หญิงชราคุยไปนับเงินไป

 

“ยายแกคงฝันดีน่ะ ถ้ายายผินชอบก็ลองซื้อตามสักห้าบาทสิบบาทสิ…เผื่อมีโชคร่วมกัน”

 

“เออ…เดี๋ยวยายจะลองซื้อตามดูถ้าถูกเดี๋ยวจะแบ่งตังค์ให้เอ็งกินหนม” เมื่อยายผินคัดลอกลงในสมุดเล่มที่มีสำเนาและรับเงินเรียบร้อยแล้วก็ประทับตราปั๊มคำว่า ‘ซื้อเงินสด’ ทั้งในต้นขั้วและสำเนา จากนั้นก็ดึงกระดาษแผ่นบนยื่นให้เก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่าการซื้อขายครั้งนี้สำเร็จแล้ว ปิยะลักษณ์เพียงแค่ตรวจทานความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง

 

“ขอบคุณค่ะยายผิน” ปิยะลักษณ์ยกมือไหว้ชดช้อย ความจริงในใจลึก ๆ รู้สึกกังวลเหมือนกันเพราะแคะกระปุกเอาเงินมาวัดดวงหมดเลย ตอนนี้เธอได้ค่าขนมเพียงวันละสองบาท ที่โรงเรียนมะขามดองฝักใหญ่ยาวสองฝักแม่ค้าขายแค่ห้าสิบสตางค์ น้ำหวานถุงใหญ่เย็นชื่นใจถุงละบาท แต่ถ้าเป็นน้ำชาหอม ๆ ใส่น้ำแข็งทางร้านให้ดื่มฟรี โชคดีนอกจากค่าขนมที่เก็บสะสมมาเนิ่นนานแล้วก็ยังมีเงินอั่งเปาจากบรรดาญาติ ๆ และเงินที่พ่อกับแม่ส่งมาให้จึงพอมีทุนทรัพย์ในการวัดดวง เอาวะ…ไม่จนก็รวยล่ะวันนี้!

 

เพื่อไม่ให้ยายตกใจเวลาถูกหวย พอกลับถึงบ้านปิยะลักษณ์จึงแอบไปกระซิบบอก

 

“ยาย ๆ เมื่อคืนหนูฝันดี เมื่อเช้าหนูเลยแคะกระปุกเอาเงินค่าขนมไปซื้อหวยกับยายผินแต่อ้างชื่อว่ายายเป็นคนซื้อ ถ้าวันนี้มีโชคยายผินมาบอกก็ไม่ต้องตกใจนะ”

 

ยายพยักหน้ารับรู้ก่อนพากันเดินออกไปทำนาทำไร่พร้อมกับสามีและลูกสาว

 

 

•°*.° .:*❅❀❅*:. °. *°•

 

ฟินจิกหมอนก่อนใครไม่ต้องรอนาน!

E-BOOK

MEB :  https://shorturl.asia/Fly8b

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป