กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
ในฐานะที่หยูป้านเซียเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขาทั้ง 8 คน เขาทั้งทะนงตนและภาคภูมิใจในตัวเองที่สุด
ก่อนหน้านี้เพื่อที่เขาจะช่วยชีวิตสหายทั้ง 2 เขาต้องเจ็บตัวเพราะนักพรตไร้สำนักไม่น้อย
เมื่อเด็กหนุ่มมองไปที่เจียงหลีซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
“เฉียนเฉียน มาช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาเร็วเข้า!”
หมอสาวรีบก้าวไปข้างหน้าและเริ่มรักษาฉูเฉียนฟานกับหวังหลิวเหลียงที่บาดเจ็บสาหัสด้วยคาถารักษาของนาง
“ข้าขอโทษด้วยนะทุกคน ในครั้งนี้เราไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก”
หยูป้านเซียขอโทษสหายในกลุ่มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แล้วทุกคนก็โบกมือเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร พวกเขาทำดีที่สุดแล้วจริง ๆ และเรื่องนี้มันก็เกินขอบเขตที่พวกเขาจะจัดการได้ แค่หยูป้านเซียกลับไปช่วยสหายทั้ง 2 และล่อศัตรูออกไปเพื่อให้พวกเขาสามารถล่าถอยไปได้อย่างปลอดภัย เท่านี้มันก็มากพอแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้คนที่เหลือไม่มีสิทธิ์ตำหนิเขา
“เจียงหลี แล้วเจ้าล่ะ? ได้ข้อมูลอะไรมาบ้างไหม?”
หยูป้านเซียหันไปถามเจียงหลี
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในแคว้นอิงหนาน ตอนแรกพวกเขาบุกเข้าไปในเมืองและทำการสอบสวนในวงกว้าง สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเปิดเผยตัวเองและตกเป็นเป้าหมายของนักพรตไร้สำนักบางคนที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้น
จากเหตุการณ์นี้จะเห็นได้ว่าข้อมูลภายนอกมีความสำคัญเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของหยูป้านเซียแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าเจียงหลีจะค้นพบอะไรเลย ในความเห็นของเขา อีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้นเท่านั้น บวกกับไม่มีความแข็งแกร่งในด้านการต่อสู้มากนัก การที่เขาไม่เป็นอะไรเลยมีได้สองเหตุผลคือ หนึ่ง เขาโชคดีที่ไม่พบกับนักพรตไร้สำนัก สอง เขาไหวตัวทันจึงกลับมาหลบอยู่ที่นี่
ด้วยเหตุผลข้างต้น เขาจึงเลือกที่จะถามออกไปเพราะเขาเห็นว่าเจียงหลีดูเหมือนจะโชคดีและมีความหวังเหลืออยู่บ้าง
ทางด้านของเด็กหนุ่มที่ถูกถามไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย แล้วเขาก็หยิบแผนที่ของแคว้นอิงหนานออกมากางบนโต๊ะยาวในห้องก่อนที่จะเริ่มอธิบาย
“เราโชคร้ายจริง ๆ ที่ได้พบกับปีศาจตนนี้”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับภารกิจของเรา อันที่จริงข้ามีข่าวจากพรรคเซิงเซียนมาด้วย ศพของนักพรตขอบเขตฝึกร่างเซียนกำเนิดแก่นพลังขั้นจินตันเพิ่งกลายร่างเป็นปีศาจผีดิบและดึงดูดความสนใจของนักพรตหลายฝ่าย…”
เจียงหลีชี้ไปที่แผนที่ของแม่น้ำมาซูพลางอธิบายอย่างละเอียดจนทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจมาก
ในเวลา 2 ชั่วยามนี้ เขายังต้องรับมือกับการโจมตีของนักพรตไร้สำนัก แล้วเขาจะไปเอาข้อมูลมากขนาดนี้มาได้อย่างไร?
แม้ว่าพวกเขาอยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก แต่คำอธิบายของเจียงหลีไม่มีข้อบกพร่องเลย ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้ เขาจะมีจุดประสงค์อะไรในการสร้างเรื่องราวดังกล่าวเพื่อหลอกลวงทุกคน?
หลังจากที่ทุกคนมองดูรอยเปื้อนเลือดบนแผนที่ เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องประสบกับความยากลำบากเพื่อให้ได้ข้อมูลนี้มา
“เจียงหลี ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้านะ แต่เจ้ารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”
หยูป้านเซียทนความอัดอั้นตันใจไม่ไหว ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความอยากรู้
เจียงหลีจึงอธิบายสถานการณ์คร่าว ๆ ให้คนในกลุ่มฟังแล้วบอกว่าเขาลดความแข็งแกร่งของนักพรตไร้สำนัก 2 คนที่โจมตีเขาลงไปในระดับหนึ่งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ทั้งสองกลับมาหาเรื่องพวกเขาอีก
“เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าเอาชนะนักพรตขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางและขั้นเริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง? แล้วเจ้าก็จับตัวพวกเขาได้ด้วยหรือ?”
“ปะ… เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
“หา! เจียงหลี เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าขยับไปอีกขั้นแล้ว?
ถ้าเด็กหนุ่มยังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้นของขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่เขาจะบรรลุเป้าหมายนี้ และพวกเขามั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดมาก
จากนั้นคนทั้งหมดในห้องก็พากันอ้าปากค้าง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เจียงหลีได้แซงหน้าพวกเขาส่วนใหญ่ไปอย่างเงียบ ๆ และได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางตามหลังหยูป้านเซียไปในเวลาไม่นาน
“ข้าแค่โชคดีเท่านั้นแหละ รากฐานทางจิตวิญญาณของพวกเจ้าไม่ได้ด้อยกว่าของข้า ข้าเชื่อว่าทุกคนสามารถฝ่าฟันไปได้ในไม่ช้า”
“อีกอย่าง ข้าไม่ได้อยู่คนเดียว”
เจียงหลีเอ่ยพลางดีดนิ้วก่อนที่ผีดิบสีดำจะผลักเปิดประตูเข้ามาจากด้านนอก ถึงแม้ว่ากลิ่นอายของปีศาจและกลิ่นเนื้อที่เน่าเปื่อยจะถูกยากลบไว้ แต่มันก็ยังฉุนมากเมื่อเจ้าตัวเข้ามาใกล้
แล้วพวกเขาก็สัมผัสถึงความแข็งแกร่งของผีดิบสีดำตัวนั้นได้คร่าว ๆ ว่ามันอยู่ระหว่างขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางและขั้นสุดท้าย แม้ว่าจุดอ่อนของมันจะชัดเจน แต่ถ้านักพรตไม่พร้อมจะรับมือก็ยากที่จะต่อกรกับมัน นอกจากนี้ ข้อดีอีกอย่างของผีดิบก็คือ มันไร้ความรู้สึกพร้อมกับพละกำลังมหาศาลซึ่งเป็นข้อดีที่ชดเชยข้อด้อยของตัวมันเองได้เป็นอย่างดี
"กรี๊ดดดด! ผีดิบ!”
ลู่เฉียนเฉียนแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวสิ่งที่น่าเกลียดอย่างผีดิบ นางกระโดดถอยไปอยู่หลังทุกคนทันทีและไม่กล้ามองไปที่มันอีก
ส่วนคนอื่น ๆ ที่มีจิตใจที่แข็งแกร่งดั่งหินผา เมื่อพวกเขาเห็นมันครั้งแรกก็ตกใจอยู่บ้างเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทุกคนพบว่าผีดิบตนนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของเจียงหลี พวกเขาก็เอาเครื่องรางราคาถูกมาวางไว้ในมือก่อนจะยกมันขึ้นมาปิดปากและจมูกตัวเองไว้ เนื่องจากกลิ่นที่โชยมามันน่าสะอิดสะเอียนจนทนไม่ไหว
“เจียงหลี นี่คือสิ่งที่เจ้าซ่อนไว้ในโลงศพใช่หรือไม่”
หยูป้านเซียถามถึงโลงศพของเจียงหลี
“ถูกต้อง คราวนี้ข้ายังคงต้องพึ่งผีดิบสีดำ แม้ว่ามันจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เล็กน้อย แต่ถ้ามันมีประโยชน์ ข้าก็ไม่สนใจรายละเอียดปลีกย่อยขนาดนั้นหรอก”
เมื่อเจียงหลีโบกมือ ผีดิบสีดำก็ล่าถอยและหายตัวไปในความมืด จากนั้นกลิ่นในอากาศก็ดีขึ้นมาก
คราวนี้ ทุกคนเชื่อข้อมูลของเด็กหนุ่มกันหมดใจ แล้วพวกเขาก็จ้องไปยังแผนที่และเริ่มช่วยกันคิดแผน
“ถ้าข้าสามารถติดต่อผู้อาวุโสสำนักคนเดียวได้…”
ส่วนบริเวณที่นักพรตมารวมตัวกันเป็นริมแม่น้ำมาซูที่กว้างขวาง ซึ่งมันไม่ได้อยู่ใกล้กับเมืองหลวงของแคว้นอิงหนานมากนัก
ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มของเจียงหลีจะไปถึงที่นั่นได้อย่างปลอดภัย
ถ้าพวกเขาต้องการรีบไปที่นั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะต้องผ่านพื้นที่อันตรายซึ่งมีนักพรตไร้สำนักจำนวนมากครอบครองอยู่
หากพวกเขาทุกคนอยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางหรือสูงกว่านั้น พวกเขาก็อยากจะลองเสี่ยงกันดู
ทว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเจียงหลีและหยูป้านเซียที่ต้องคอยดูแลคนที่อ่อนแอกว่ามากจนไปถึงที่หมาย
หากเป็นกรณีนี้ พวกเขาอาจจะกลับไปที่สำนักและรายงานเหตุการณ์ มันน่าจะปลอดภัยกว่าสำหรับทุกคน
แน่นอนว่ามันอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในระหว่าง 5 วันต่อจากนี้ และโชคก็อาจไม่เข้าข้างพวกเขาอีก...
หลังจากที่เจียงหลีคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ มันเป็นสมุนไพรวิญญาณ 2 ชนิดที่ปีศาจแฝดแห่งแม่น้ำจิงเหอมอบให้เขา
“ข้าว่าจะลองดูสักหน่อย”
เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว
…
คืนนั้น เจียงหลีไม่ได้รั้งอยู่นานก่อนที่จะออกจากจวนไปพร้อมกับผีดิบสีดำ
คราวนี้เขาจัดการแก้ปัญหาได้ง่ายมากโดยที่เขาจะปล่อยให้สหายอีก 7 คนพักอยู่ในเมืองหลวงและขอให้พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปิดบังสถานการณ์ของเด็กที่หมดสติจำนวนมาก
ในทางกลับกัน เจียงหลีออกเดินทางด้วยตัวเขาเอง และเขาได้เดินทางผ่านอุปสรรคทั้งหลายเพื่อมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำมาซูแล้วรายงานสิ่งที่พบต่อผู้อาวุโสสำนัก
อาจกล่าวได้ว่าเขาพยายามทำภารกิจที่ยากที่สุดด้วยตัวเอง แล้วข้อตกลงระหว่างในกลุ่มก็คือ หยูป้านเซียและคนอื่น ๆ สัญญาว่าเจียงหลีจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดหลังจากภารกิจนี้จบลง
ซึ่งเด็กหนุ่มทำเพียงแค่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา
พอทุกคนตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เจียงหลีกับผีดิบสีดำก็กระโดดออกจากกำแพงเมืองและวิ่งไปที่แม่น้ำโดยใช้ประโยชน์จากความมืดยามค่ำคืนเป็นที่พรางตัว
ขณะนั้นเขามองดูเงาวูบวาบที่ไล่ตามหลังเขามาเงียบ ๆ แล้วมองไปที่แม่น้ำที่มืดสนิทจนแทบจะมองไม่เห็นฝั่งตรงข้าม
ในตอนนั้นเองเจียงหลีไม่ลังเลเลยที่จะหยิบพืชน้ำที่ดูเหมือนสาหร่ายทะเลออกจากถุงผ้าแล้วใส่เข้าไปในปากของตัวเอง
ต่อมา เด็กหนุ่มและผีดิบสีดำก็ดำดิ่งลงไปในน้ำที่ขุ่นมัว
[กินหญ้าเหงือกปลาสด เพิ่มสถานะ: หายใจใต้น้ำ]
[หายใจใต้น้ำ: หายใจตามปกติใต้น้ำได้ ระยะเวลา: 2 ชั่วโมง] (- +)
[กินหญ้าเหงือกปลาสด เพิ่มสถานะ: ปรสิตสาหร่าย]
หลังจากที่เขากดปุ่มบวกเป็นเวลา 5 วินาที บัฟของ [หายใจใต้น้ำ] จะคงไว้อย่างถาวร
ถัดจากนั้นเขากดปุ่มลบเป็นเวลา 5 วินาที ก่อนที่ดีบัฟ [ปรสิตสาหร่าย] จะถูกลบออก
10 อึดใจต่อมา ร่าง 3 ร่างก็พุ่งมาจากด้านหลังเจียงหลี
“ไอ้บ้าเอ๊ย! มันหนีไปแล้ว!"
“พี่รอง เกิดอะไรขึ้น? เขาไม่ได้บอกว่านี่คือกลุ่มเศรษฐีหน้าใหม่หรือ?
ทำไมพวกมันถึงหลบหนีเก่งขนาดนี้ล่ะ?”
บทที่ 43: หายใจใต้น้ำ
-------------------------------------------
อากิระ talk: สงสัยน้องหลีก็ไม่พ้นถูกมองว่าเป็นนักพรตมาร มีผีดิบเป็นลูกสมุนตามตูด 5555