กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
“เฉียนเฉียน เป็นอย่างไรบ้าง? เขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่?”
ณ ห้องโถงด้านในของวังหลวง ลู่เฉียนเฉียนกำลังถือลูกบอลน้ำอยู่ในมือข้างหนึ่งและถือเข็มเงินไว้ในมืออีกข้างพร้อมกับทำการรักษาที่ซับซ้อนบนร่างกายของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ
จากการที่เด็กชายถูกโจมตีก่อนหน้านี้ทำให้นางรู้ว่าเจิ้งหยวนสมกับเป็นลูกศิษย์ของวัดชีหังจริง ๆ เพราะความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก แม้แต่เจียงหลีที่มีบัฟผิวแข็งก็รู้สึกไม่ดีหากเขาถูกต่อย
แม้ว่าเขาจะออมแรงไว้ แต่ก็โชคดีมากแล้วที่มนุษย์อย่างเด็กคนนี้ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้!
“ยังยากที่จะสรุป”
“ข้าใช้วิชาน้ำพุแห่งชีวิตเพื่อช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ชั่วคราว จากนั้นข้าก็ใช้เข็มและด้ายสีเงินเย็บอวัยวะภายในของเขา สุดท้ายก็เชื่อมกระดูกที่หักกลับเข้าไปใหม่”
“แต่อาการบาดเจ็บนี้ยังสาหัสเกินไป โอกาสรอดมีน้อยมาก ข้าเกรงว่าจะมีโอกาสไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วน”
เมื่อเห็นว่าหน้าผากของลู่เฉียนเฉียนเต็มไปด้วยเหงื่อ หยูป้านเซียก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วหยิบผ้าขาวมาเช็ดหน้าผากของนาง
“ทำให้ดีที่สุดก็พอ อย่าใช้พลังปราณมากเกินไปล่ะ”
หยูป้านเซียไม่สนใจที่จะช่วยเด็กผู้ชายคนนั้น ถ้าเจิ้งหยวนไม่ทิ้งขวดยาฟื้นฟูเนื้อกระดูกหยกนี้ไว้ให้ พวกเขาอาจจะยอมแพ้ไปนานแล้ว
“ยาฟื้นฟูเนื้อกระดูกหยกในขวดนี้มีเพียง 3 เม็ด แต่พวกเรามีกัน 8 คน มันไม่เพียงพอที่จะแจกจ่ายได้อย่างเท่าเทียมกัน”
“สำหรับราคาซื้อขายในตลาด ยาระดับธุลีขั้นสูงมักจะมีราคาหินวิญญาณ 10 ก้อนต่อเม็ด แต่คุณภาพและผลกระทบของยานี้ยังไม่ได้รับการประเมิน ดังนั้นราคาจะตกลงถ้านำไปขายในตลาด”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าหากใครต้องการยาในตอนนี้ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนมันโดยใช้หินวิญญาณ 8 ก้อนแล้วแบ่งให้กับคนอื่น ๆ หากพวกเจ้าทุกคนไม่ต้องการมัน เราก็สามารถแบ่งเงินที่ขายยาได้หลังจากที่เรากลับไปที่สำนัก”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หยูป้านเซียหยิบขวดยาที่เจิ้งหยวนมอบให้เขาออกมาเขย่าเบา ๆ จนได้ยินว่าข้างในมียาอยู่ไม่กี่เม็ดจริง ๆ
จากเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าหยูป้านเซียเป็นคนดีคนหนึ่ง เพราะเขาไม่ได้ใช้อำนาจที่มีเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งมากกว่าคนอื่น
แล้วแผนการจัดสรรปันส่วนก็มีความยุติธรรมมาก ดูเหมือนว่าเขายังคงให้คุณค่ากับศิษย์ใหม่กลุ่มนี้และวางแผนที่จะดูแลพวกเขาให้ดีต่อไป
"ยุติธรรมมาก หากพวกเจ้าไม่มีข้อโต้แย้ง ก็มอบขวดยาฟื้นฟูเนื้อกระดูกหยกขวดนั้นให้แก่ข้าเถิด นี่คือหินวิญญาณ 21 ก้อน”
ยาฟื้นฟูเนื้อกระดูกหยกนี้มีค่าเท่ากับหินวิญญาณ 24 ก้อน แต่เจียงหลีก็เป็นคนที่ต้องได้ส่วนแบ่งเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องหักส่วนที่เขาจะได้รับออกไปก่อน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องมอบหินวิญญาณ 3 ก้อนให้แต่ละคน
เด็กหนุ่มเป็นคนประเภทที่ไม่สามารถละสายตาได้เมื่อเห็นยา โดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดมือไปแน่นอน
นอกเหนือจากเขาแล้ว อีก 7 คนก็มีเงินพอ ๆ กับหยูป้านเซีย ในกลุ่มนี้คงไม่มีใครที่สามารถจ่ายหินวิญญาณมากกว่า 20 ก้อนได้
ดังนั้นยาเม็ดฟื้นฟูเนื้อกระดูกหยกระดับธุลีขั้นสูงทั้งหมดจึงตกมาอยู่ในมือของเจียงหลี
“เจียงหลี ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะมีหินวิญญาณมากมายขนาดนี้ บอกข้ามาเลยนะว่าเจ้าไปรับภารกิจประเภทใดในโถงภารกิจ”
พวกเขาค่อนข้างประหลาดใจกับความร่ำรวยของเด็กหนุ่ม เดิมที พวกเขาคิดว่าภารกิจล่าสุดที่พวกเขาเพิ่งทำนั้นให้ค่าตอบแทนที่ดี และในบรรดาศิษย์นอกสำนักใหม่ทั้งหมด พวกเขาก็ยังถือว่ามีเงินมากกว่าคนอื่น พวกเขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจียงหลีจะมีเงินแซงหน้าตนเองไปอย่างเงียบ ๆ
“ไม่มีอะไรมากหรอก ผู้อาวุโสชือฟาแห่งหอโอสถสนใจในตัวข้า ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงเป็นศิษย์ลงทะเบียนของเขาแล้ว บางครั้งข้าก็จะได้หินวิญญาณมาจากการช่วยเหลือเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ”
เจียงหลีอธิบายพร้อมกับแสดงป้ายประจำตัวของศิษย์ลงทะเบียน ก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ถึงสายตาแสดงความอิจฉาของคนอื่น ถึงอย่างไรศิษย์ลงทะเบียนซึ่งทดสอบยาเม็ดเป็นหลักก็ยังคงเป็นศิษย์ลงทะเบียน ตราบใดที่เขาไม่พูดอะไรก็คงจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้
“หา! เจียงหลี เจ้ามีพรสวรรค์ในการปรุงยาจริงหรือ!”
“เจ้าเข้าร่วมสำนักนานแค่ไหนแล้ว? ทำไมเจ้าได้กลายเป็นศิษย์ลงทะเบียนของผู้อาวุโสแล้วล่ะ! อันที่จริงนั่นคือผู้อาวุโสของหอโอสถเลยนะ! เจียงหลี เจ้าน่าประทับใจจริง ๆ!”
“เจียงหลี! พี่ใหญ่เจียง! ในอนาคตเราคงจะต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว!”
“เจียงหลี ทำไมเจ้าไม่บอกเราตั้งแต่ก่อนหน้านี้? ยินดีกับเจ้าด้วยนะ!"
เป็นไปตามที่เด็กหนุ่มคาดไว้ เมื่อเขาบอกว่าตนเองเป็นศิษย์ลงทะเบียนแล้ว ท่าทีของเด็กคนอื่นที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ขณะนี้เจียงหลีได้รับการปฏิบัติเหมือนกับตอนที่หยูป้านเซียก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางเมื่อไม่กี่วันก่อน
แล้วจากนั้นเขาก็มักจะได้รับคำประจบสอพลอทุกประเภทที่เหมือน ๆ กันหมด ซึ่งมันทำให้เขาและหยูป้านเซียรู้สึกอึดอัดใจมาก
“การปรุงยาต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมาก ตอนนี้ข้าเป็นแค่ลูกมือ ข้ายังไม่ถึงขั้นที่จะปรุงยาด้วยตัวเองได้หรอก”
เจียงหลีพูดแก้ตัวก่อนที่จะพาทุกคนออกจากหัวข้อที่กำลังเป็นประเด็นนี้
…
“เฮ้อ ในที่สุดก็จบลงเสียที ข้าไม่ได้คาดคิดว่าการช่วยชีวิตมนุษย์จะทำให้ข้าเหนื่อยถึงขนาดนี้”
ในเวลานี้ลู่เฉียนเฉียนเสร็จสิ้นการรักษาของนางแล้ว โดยเด็กหนุ่มที่กำลังจะเสียชีวิตถูกนำกลับมาจากเงื้อมมือยมบาลได้สำเร็จ และผลการผ่าตัดของนางก็สมบูรณ์แบบเช่นกัน
“แต่เราจะทำอย่างไรต่อไปดี ตอนที่ข้ากำลังรักษาเขาอยู่ ข้าได้ตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียดแล้ว เขาไม่ได้ถูกวางยาพิษและไม่มีบาดแผลอื่นใด ตอนนี้ข้าจึงยังไม่พบสาเหตุของอาการของพวกเขา”
“ขอโทษทุกคนด้วย ข้าเกรงว่าครั้งนี้จะต้องทำให้ทุกคนผิดหวังเสียแล้ว” ลู่เฉียนเฉียนผู้ที่เป็นความหวังของทุกคนกล่าว
แต่ถึงกระนั้น มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่ผิดหวัง แต่มันก็ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้อีกแล้ว พวกเขาจะโทษเด็กสาวร่างเล็กได้อย่างไร?
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย เฉียนเฉียน มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าตั้งแต่แรก นอกจากนี้เราไม่สามารถสรุปเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายหรอก”
“ข้าเชื่อว่าอาการแปลกประหลาดครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของปีศาจที่ศิษย์พี่เจิ้งหยวนกล่าวถึง บางทีเราควรรออีกสักหน่อย เมื่อปีศาจตนนั้นถูกนักพรตคนอื่นกำจัด เด็กพวกนี้อาจตื่นขึ้นมาเอง”
หยูป้านเซียดูเหมือนจะใส่ใจลู่เฉียนเฉียนมากและรีบพูดปลอบโยนนางทันที
“เฉียนเฉียน ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกว่าเลือดของเด็กคนก่อนมีกลิ่นแปลก ๆ ใช่ไหม”
เมื่อพวกเขาเริ่มแสดงความรักต่อกัน เจียงหลีก็รีบขัดจังหวะทั้งสองคนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“ใช่ แต่ข้าไม่พบพิษในเลือด”
“ข้ายังตรวจเลือดกับสัตว์อื่นด้วย มันไม่น่าใช่สาเหตุที่ทำให้พวกเขาหลับ”
ลู่เฉียนเฉียนให้ข้อสรุป ในฐานะที่นางเป็นหมอ นางย่อมไม่ปล่อยความผิดปกติที่เห็นได้ชัดเช่นนี้ผ่านไป
แต่ความผิดปกตินี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นอันตราย และไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงมันอีก
“แล้วเลือดของเด็กคนนี้มีกลิ่นเหมือนกันหรือไม่” เจียงหลีถามอีกครั้ง
“ไม่… ไม่สิ ข้าควรจะบอกว่าเลือดของเขามีกลิ่นแปลก ๆ อีกแบบหนึ่ง” หมอสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายอย่างละเอียด
“ข้าใช้เข็มเงินเพื่อตรวจเลือดของเด็กเหล่านี้แล้วพบว่ามีกลิ่นในเลือดแตกต่างไปจากคนปกติเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าต่างกันตรงไหน”
“แต่ข้าไม่คิดว่ามันเป็นปัญหา โลกเซียนนั้นใหญ่มาก ผลกระทบระยะยาวของภูมิศาสตร์และสภาพอากาศก็มีส่วนทำให้เกิดความแตกต่างทางกายภาพระหว่างมนุษย์”
“กลิ่นนั้นคงเป็นเอกลักษณ์ของลูกหลานของอิงหนาน ซึ่งมันไม่มีความหมายอะไรหรอก”
“เจียงหลี เจ้าคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหมดสติหรือไม่”
ลู่เฉียนเฉียนรู้สึกว่าเจียงหลีเป็นเพียงคนธรรมดาในสายตาของคนที่มีทักษะทางการแพทย์
เนื่องจากผิวหนัง ตา และผมของมนุษย์อาจมีสีต่างกัน ดังนั้นความแตกต่างของกลิ่นก็คงไม่ใช่เรื่องผิดแปลกเท่าไหร่นักหรอก
“ไม่ ข้าไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้พวกเขาหมดสติไป แต่เจ้าไม่คิดว่าการที่ เขายังมีชีวิตอยู่นั้นผิดปกติกันหรือ”
“โอกาสที่เด็กมนุษย์จะรอดจากการจู่โจมของนักพรตขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นสุดท้ายจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว?”
“แล้วถ้าเขาไม่ได้รอดเพราะเหตุบังเอิญล่ะ”
ขณะที่เจียงหลีพูด เขาหยิบหินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและวางไว้ในมือของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ครู่ต่อมา แสงจาง ๆ ก็เล็ดลอดออกมาจากหินก้อนนั้น
บทที่ 37: กลิ่นเลือด
-------------------------------------------
อากิระ talk: น้องหลีสายขัดเอาอีกแล้วจ้า เหม็นฟามรักหรือยังไง 55555