กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันเสร็จแล้ว กลุ่มของเจียงหลีก็มุ่งหน้าไปยังโถงภารกิจ
“พวกเจ้ามีภารกิจที่อยากทำหรือไม่” เจียงหลีเอ่ยถามขึ้นมา
ในกลุ่มนี้ หยูป้านเซีย, ฉูเฉียนฟาน, หวังหลิวเหลียง, ลู่เฉียนเฉียนและคนอื่น ๆ มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
แต่เจียงหลีกับเหยียนหงไม่ได้ออกไปไหนมาไหนกับพวกเขามากนัก ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงยังห่างเหินกันอยู่เล็กน้อย
ตามปกติแล้วการออกไปทำภารกิจนอกสำนักจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างครอบคลุมถึงเรื่องของระยะทาง, ตำแหน่ง, ความยาก, ศัตรูที่อาจต้องพบเจอ, สิ่งของที่ต้องเตรียม ฯลฯ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องพูดคุยถึงเรื่องนี้กันก่อนที่จะรับภารกิจ แต่คนเดียวที่ไม่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดของภารกิจก็คือเจียงหลี
“อืม แม้ว่าภารกิจการเก็บเกี่ยวครั้งก่อนข้าจะได้กำไรมาค่อนข้างมาก แต่ข้าได้สำรวจป่าจนพบว่าเสบียงในป่าขาดแคลนและต้องเฝ้าระวังภัยอันตรายต่าง ๆ ไปด้วยทำให้การเข้าไปในป่ามันเหนื่อยมากจริง ๆ”
คนอื่น ๆ เห็นด้วยกับหยูป้านเซีย โดยเฉพาะลู่เฉียนเฉียน เพราะการที่นางไม่ได้อาบน้ำนานถึงครึ่งเดือน นางจึงแทบจะเป็นบ้าไปเลย
“คราวนี้ เราวางแผนที่จะรับภารกิจในเมืองมนุษย์”
เจียงหลีมองไปที่กระดานภารกิจที่สองในโถงภารกิจ ซึ่งภารกิจที่ว่านั้นเป็นภารกิจที่แนะนำสำหรับศิษย์ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง
เมื่อเทียบกับภารกิจที่มอบให้กับศิษย์ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น ค่าตอบแทนสำหรับภารกิจนี้สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ความยากของภารกิจนั้นก็สูงกว่าเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังมีภารกิจการต่อสู้ง่าย ๆ บางอย่าง เช่น การล่าหรือกวาดล้างสัตว์อสูรระดับต่ำที่สุดก็มีประกาศอยู่บนศิลาด้วย
“เราสามารถออกไปทำภารกิจที่เมืองมนุษย์ได้ด้วยงั้นหรือ?”
เจียงหลีเอ่ยถามพร้อมกับขยับเข้าไปอ่านป้ายประกาศอย่างละเอียด แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีภารกิจจำนวนมากที่เป็นของเมืองมนุษย์
“ไม่ว่าในด้านไหน โลกเซียนก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยโลกมนุษย์อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์พืชที่ถูกส่งเข้ามาในสำนักทุกปีและเสบียงอาหารที่เรากินก็ล้วนมาจากเมืองมนุษย์ไม่ใช่หรือ?”
“และเพื่อเป็นการตอบแทน สำนักเซียนจึงมีภาระหน้าที่ในการปกป้องเมืองมนุษย์”
“แน่นอนว่าทุกครั้งที่เมืองมนุษย์มีภารกิจ ผลตอบแทนที่พวกเขาต้องจ่ายจะทำให้เมืองนั้น ๆ เดือดร้อนมากเป็นแน่”
เนื่องจากหยูป้านเซียมีภูมิหลังที่เกี่ยวข้องกับเซียน ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องนี้มากกว่าเจียงหลี
แต่เมื่อพิจารณาตามหลักการพัฒนาเมืองแล้ว การสร้างประชากรขั้นพื้นฐานก็มีความสำคัญสูงสุดเช่นกัน ถ้าผู้คนถูกปีศาจและสัตว์ประหลาดกินจนหมด การฝึกตนก็จะไม่กลายเป็นเรื่องไร้สาระไปหรอกหรือ?
“นี่คือภารกิจที่เราจะรับ เด็กในอิงหนานจำนวนมากอยู่ในอาการหมดสติและยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น”
“ในป้ายประกาศไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดเฉพาะของภารกิจ แต่ในเมืองนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย นี่เป็นเพียงภารกิจสืบสวนธรรมดา”
“แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก แม้ว่าเราจะทำภารกิจไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ แน่นอน”
หยูป้านเซียส่งข้อมูลให้เจียงหลีในระหว่างที่อธิบายไปด้วย
เด็กหนุ่มไล่อ่านข้อมูลผ่าน ๆ แล้วสรุปได้ว่ามันเป็นเพียงภารกิจสืบสวนง่าย ๆ อย่างที่อีกฝ่ายพูด
“เอาเถอะ ข้าไม่มีข้อโต้แย้งอะไร… แล้วเราจะออกเดินทางเมื่อไหร่”
ประเมิน!
[ชื่อ: หยูป้านเซีย]
[เพศ: ชาย]
[คลาส: นักพรต]
[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง]
[ระดับอันตราย: ปานกลาง]
..
[ชื่อ: ฉูเฉียนฟาน]
[เพศ: ชาย]
[คลาส: นักพรต]
[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น]
[ระดับอันตราย: ต่ำ]
..
[ชื่อ: หวังหลิวเหลียง]
[เพศ: ชาย]
[คลาส: นักพรต]
[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น]
[ระดับอันตราย: ต่ำ]
..
[ชื่อ: ลู่เฉียนเฉียน]
[เพศ: หญิง]
[คลาส: นักพรต]
[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น]
[ระดับอันตราย: ต่ำ]
…
เจียงหลีเรียกใช้ทักษะการประเมินแล้วกวาดตามองไปที่สหายร่วมสำนักทั้ง 7 คน
ตั้งแต่เด็กหนุ่มเดินทางมาเข้าร่วมสำนักเซียนนี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่เขาได้ใช้ทักษะการประเมินเพื่อสแกนผู้คน
และในระหว่างที่ใช้งานมัน เขาจะทำเป็นมองผ่านคน ๆ นั้นอย่างไม่ตั้งใจ เพราะหากมีนักพรตที่เก่งกาจบางคนค้นพบเข้า เขาจะต้องเจอกับปัญหายุ่งยากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ในกรณีนี้ เจียงหลีรู้จักอีกฝ่ายพอสมควร เขาจึงมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นด้อยกว่าเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นการประเมินพวกเขาจึงไม่มีอันตรายอะไร
ในหมู่ศิษย์นอกสำนักนี้ คนที่อยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางอย่างหยูป้านเซียนั้นแข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย [ระดับอันตรายปานกลาง] ที่ปรากฏในกรอบข้อความหมายความว่าเขามีสามารถทำให้เจียงหลีได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
หลังจากที่ทุกคนตกลงกันว่าจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็แยกย้ายกันไปเตรียมเก็บข้าวของ ๆ ตัวเอง
แต่เจียงหลีเดินไปที่สุสานของสำนักชั้นนอกเป็นอย่างแรก ในระหว่างที่เด็กหนุ่มเดินเข้าไป ยิ่งเขาเข้าใกล้ศูนย์กลางของสุสานมากเท่าไหร่ อุณหภูมิก็จะยิ่งลดต่ำลงเท่านั้น
เมื่อเขาไปถึงใจกลางสุสาน เขาก็เห็นว่ามีผลึกน้ำแข็งจำนวนมากปะปนอยู่ในดินสีดำ
ตรงนี้คือสถานที่ที่เขาฝึกฝนมาโดยตลอด ซึ่งต้นไหซู่ทั้ง 15 ต้นก็ถูกฝังไว้ที่นี่เช่นกัน
ภาพตรงหน้าที่เขาได้เห็นนั้นทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมาทันที แล้วเขาก็เดินไปย่อตัวลงนั่งใกล้ ๆ กับพื้นที่นั้นพลางตบพื้นด้วยมือเดียวในขณะที่ส่งเสียงคำรามต่ำ
“การกลับชาติมาเกิดของโลกที่โสมม! จงตื่นขึ้นมา!"
ทันทีที่เขาพูดจบ โลงศพสีดำสนิทก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นตรงกลางที่มีต้นไหซู่ 15 ต้นวางเรียงซ้อนกันเป็นวงกลม โดยบนโลงศพมีโซ่ยาวพันอย่างแน่นหนา ขณะที่โลงศพลอยสูงขึ้นก็มีเสียงกรอบแกรบดังออกมาเบา ๆ
นี่ไม่ใช่ 'การกลับชาติมาเกิดของโลกที่โสมม' อย่างที่เขาว่า และภายในโลงศพนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าซอมบี้
เจียงหลีอยู่ในสุสานของสำนักชั้นนอกมาเป็นเวลานาน แต่เขาไม่ได้ทำเพียงแค่นั่งสมาธิ เขาใช้เวลาค่อนข้างนานในการเลือกซากศพที่กำลังจะปลุกให้กลายเป็นซอมบี้
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากหลุมศพแล้ว เดิมทีร่างนี้เป็นของศิษย์ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นสุดท้ายที่เสียชีวิตไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ทว่าศิษย์คนนี้เสียชีวิตเนื่องด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินบนเส้นทางแห่งการเป็นเซียน ดังนั้นเขาจึงได้มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครเหลียวแลแห่งนี้
และเนื่องจากมีการจัดเตรียมพิเศษบางอย่างในระหว่างการฝังศพของสำนัก ปราณหยินและปราณศพจึงถูกระงับไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นซอมบี้
จนกระทั่งเจียงหลีขุดเขาขึ้นมาจากหลุมฝังศพและใช้ 'วิชาควบคุมซอมบี้' เพื่อปลูก 'เมล็ดพันธุ์ซอมบี้' ซึ่งเป็นพันธนาการที่ผูกมัดเขาเอาไว้
หลังจากถอนคาถาที่ปราบปรามศพไว้ ปราณหยินและปราณศพที่สะสมมานานหลายทศวรรษก็ทำให้ศพนี้กลายเป็นซอมบี้ผิวซีดขาวจอมกระหายเลือดที่มีผมสีขาวยาวประมาณเกือบ 1 ชุ่น*
*1 ชุ่น ประมาณ 3.33 เซนติเมตร
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซอมบี้จะมีการเปลี่ยนแปลง เมล็ดพันธุ์ซอมบี้ได้ถูกฝังลึกลงไปในศพแล้ว แม้แต่หลังจากการเปลี่ยนศพเป็นซอมบี้ มันก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของเจียงหลีได้
ตอนที่เด็กหนุ่มทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ เขาได้วางซอมบี้ผมขาวและสิ่งของที่มีธาตุหยินจำนวนมากลงในโลงศพที่ทำมาจากไม้ไหซู่
เสร็จแล้วเขาก็ใช้โซ่ที่มัดนักโทษประหารนับพันคนในลานประหารมามัดโลงศพเอาไว้
จากนั้นเขาฝังโลงศพลงกลางเขตอาคมซึ่งเกิดจากการนำต้นไหซู่ 15 ต้นมาวางเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกันสองชั้น ทำให้ศพนั้นถูกหล่อเลี้ยงด้วยปราณหยินและปราณศพที่หนาแน่นในสุสานของสำนักชั้นนอกเป็นเวลาหลายเดือน ตอนนี้ในที่สุดมันก็สามารถใช้งานได้แล้ว
บัดนี้โลงศพได้ลอยขึ้นมาจากพื้นดินแล้ว ต่อมาเจียงหลีคว้าโซ่ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วยกโลงศพขึ้นสะพายไว้บนไหล่ก่อนจะหันหลังเดินออกจากสุสานไป
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา โลงศพที่มีน้ำหนักมากกว่าหลายร้อยจินนี้เบาเหมือนกับกระสอบนุ่น
…
“เจียงหลี นี่เจ้า… ?”
วันรุ่งขึ้น เมื่อกลุ่มศิษย์นอกสำนักมารวมตัวกันที่ทางเข้าสำนักชั่งจิงกู่ ทุกคนรวมทั้งศิษย์ที่เฝ้าทางเข้าก็ต้องตกใจกับ 'กระเป๋า' ของเจียงหลี
พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่กลัวตายหรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนดี…
เขานำโลงศพไปด้วยตอนที่เขาออกไปทำภารกิจด้านนอกเนี่ยนะ?
เขากลัวว่าจะไม่มีที่ให้ตัวเองนอนหลังจากที่เขาตายไปแล้วหรือ…?
บทที่ 32: โลงศพ
-------------------------------------------
อากิระ talk: น้องหลีเหมือนไม่ได้อ่านไลน์กลุ่ม เขารู้กันหมดยกเว้นตัวเอง 5555