Your Wishlist

ขอโทษที! ความโกงของฉันคือเวลาบัพไม่จำกัด (บทที่ 32)

Author: Turtle Shell and Hemp Rope (Akira แปล)

กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!

จำนวนตอน : 500+

บทที่ 32

  • 07/07/2565

หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันเสร็จแล้ว กลุ่มของเจียงหลีก็มุ่งหน้าไปยังโถงภารกิจ

 

“พวกเจ้ามีภารกิจที่อยากทำหรือไม่” เจียงหลีเอ่ยถามขึ้นมา

 

ในกลุ่มนี้ หยูป้านเซีย, ฉูเฉียนฟาน, หวังหลิวเหลียง, ลู่เฉียนเฉียนและคนอื่น ๆ มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

 

แต่เจียงหลีกับเหยียนหงไม่ได้ออกไปไหนมาไหนกับพวกเขามากนัก ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงยังห่างเหินกันอยู่เล็กน้อย

 

ตามปกติแล้วการออกไปทำภารกิจนอกสำนักจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างครอบคลุมถึงเรื่องของระยะทาง, ตำแหน่ง, ความยาก, ศัตรูที่อาจต้องพบเจอ, สิ่งของที่ต้องเตรียม ฯลฯ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องพูดคุยถึงเรื่องนี้กันก่อนที่จะรับภารกิจ แต่คนเดียวที่ไม่รู้เกี่ยวกับรายละเอียดของภารกิจก็คือเจียงหลี

 

“อืม แม้ว่าภารกิจการเก็บเกี่ยวครั้งก่อนข้าจะได้กำไรมาค่อนข้างมาก แต่ข้าได้สำรวจป่าจนพบว่าเสบียงในป่าขาดแคลนและต้องเฝ้าระวังภัยอันตรายต่าง ๆ ไปด้วยทำให้การเข้าไปในป่ามันเหนื่อยมากจริง ๆ”

 

คนอื่น ๆ เห็นด้วยกับหยูป้านเซีย โดยเฉพาะลู่เฉียนเฉียน เพราะการที่นางไม่ได้อาบน้ำนานถึงครึ่งเดือน นางจึงแทบจะเป็นบ้าไปเลย

 

“คราวนี้ เราวางแผนที่จะรับภารกิจในเมืองมนุษย์”

 

เจียงหลีมองไปที่กระดานภารกิจที่สองในโถงภารกิจ ซึ่งภารกิจที่ว่านั้นเป็นภารกิจที่แนะนำสำหรับศิษย์ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง

 

เมื่อเทียบกับภารกิจที่มอบให้กับศิษย์ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น ค่าตอบแทนสำหรับภารกิจนี้สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ความยากของภารกิจนั้นก็สูงกว่าเหมือนกัน

 

นอกจากนี้ยังมีภารกิจการต่อสู้ง่าย ๆ บางอย่าง เช่น การล่าหรือกวาดล้างสัตว์อสูรระดับต่ำที่สุดก็มีประกาศอยู่บนศิลาด้วย

 

“เราสามารถออกไปทำภารกิจที่เมืองมนุษย์ได้ด้วยงั้นหรือ?”

 

เจียงหลีเอ่ยถามพร้อมกับขยับเข้าไปอ่านป้ายประกาศอย่างละเอียด แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามีภารกิจจำนวนมากที่เป็นของเมืองมนุษย์

 

“ไม่ว่าในด้านไหน โลกเซียนก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยโลกมนุษย์อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์พืชที่ถูกส่งเข้ามาในสำนักทุกปีและเสบียงอาหารที่เรากินก็ล้วนมาจากเมืองมนุษย์ไม่ใช่หรือ?”

 

“และเพื่อเป็นการตอบแทน สำนักเซียนจึงมีภาระหน้าที่ในการปกป้องเมืองมนุษย์”

 

“แน่นอนว่าทุกครั้งที่เมืองมนุษย์มีภารกิจ ผลตอบแทนที่พวกเขาต้องจ่ายจะทำให้เมืองนั้น ๆ เดือดร้อนมากเป็นแน่”

 

เนื่องจากหยูป้านเซียมีภูมิหลังที่เกี่ยวข้องกับเซียน ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องนี้มากกว่าเจียงหลี

 

แต่เมื่อพิจารณาตามหลักการพัฒนาเมืองแล้ว การสร้างประชากรขั้นพื้นฐานก็มีความสำคัญสูงสุดเช่นกัน ถ้าผู้คนถูกปีศาจและสัตว์ประหลาดกินจนหมด การฝึกตนก็จะไม่กลายเป็นเรื่องไร้สาระไปหรอกหรือ?

 

“นี่คือภารกิจที่เราจะรับ เด็กในอิงหนานจำนวนมากอยู่ในอาการหมดสติและยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น”

 

“ในป้ายประกาศไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดเฉพาะของภารกิจ แต่ในเมืองนี้ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย นี่เป็นเพียงภารกิจสืบสวนธรรมดา”

 

“แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก  แม้ว่าเราจะทำภารกิจไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ แน่นอน”

 

หยูป้านเซียส่งข้อมูลให้เจียงหลีในระหว่างที่อธิบายไปด้วย

 

เด็กหนุ่มไล่อ่านข้อมูลผ่าน ๆ แล้วสรุปได้ว่ามันเป็นเพียงภารกิจสืบสวนง่าย ๆ อย่างที่อีกฝ่ายพูด

 

“เอาเถอะ ข้าไม่มีข้อโต้แย้งอะไร… แล้วเราจะออกเดินทางเมื่อไหร่”

 

ประเมิน!

 

[ชื่อ: หยูป้านเซีย]

[เพศ: ชาย]

[คลาส: นักพรต]

[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง]

[ระดับอันตราย: ปานกลาง]

 

..

 

[ชื่อ: ฉูเฉียนฟาน]

[เพศ: ชาย]

[คลาส: นักพรต]

[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น]

[ระดับอันตราย: ต่ำ]

 

..

 

[ชื่อ: หวังหลิวเหลียง]

[เพศ: ชาย]

[คลาส: นักพรต]

[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น]

[ระดับอันตราย: ต่ำ]

 

..

 

[ชื่อ: ลู่เฉียนเฉียน]

[เพศ: หญิง]

[คลาส: นักพรต]

[ระดับ: ฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น]

[ระดับอันตราย: ต่ำ]

 

 

เจียงหลีเรียกใช้ทักษะการประเมินแล้วกวาดตามองไปที่สหายร่วมสำนักทั้ง 7 คน

 

ตั้งแต่เด็กหนุ่มเดินทางมาเข้าร่วมสำนักเซียนนี่ก็เป็นเวลานานแล้วที่เขาได้ใช้ทักษะการประเมินเพื่อสแกนผู้คน

 

และในระหว่างที่ใช้งานมัน เขาจะทำเป็นมองผ่านคน ๆ นั้นอย่างไม่ตั้งใจ เพราะหากมีนักพรตที่เก่งกาจบางคนค้นพบเข้า เขาจะต้องเจอกับปัญหายุ่งยากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

แต่ในกรณีนี้ เจียงหลีรู้จักอีกฝ่ายพอสมควร เขาจึงมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นด้อยกว่าเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นการประเมินพวกเขาจึงไม่มีอันตรายอะไร

 

ในหมู่ศิษย์นอกสำนักนี้ คนที่อยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางอย่างหยูป้านเซียนั้นแข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย [ระดับอันตรายปานกลาง] ที่ปรากฏในกรอบข้อความหมายความว่าเขามีสามารถทำให้เจียงหลีได้รับบาดเจ็บเท่านั้น

 

หลังจากที่ทุกคนตกลงกันว่าจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็แยกย้ายกันไปเตรียมเก็บข้าวของ ๆ ตัวเอง

 

แต่เจียงหลีเดินไปที่สุสานของสำนักชั้นนอกเป็นอย่างแรก ในระหว่างที่เด็กหนุ่มเดินเข้าไป ยิ่งเขาเข้าใกล้ศูนย์กลางของสุสานมากเท่าไหร่ อุณหภูมิก็จะยิ่งลดต่ำลงเท่านั้น

 

เมื่อเขาไปถึงใจกลางสุสาน เขาก็เห็นว่ามีผลึกน้ำแข็งจำนวนมากปะปนอยู่ในดินสีดำ

 

ตรงนี้คือสถานที่ที่เขาฝึกฝนมาโดยตลอด ซึ่งต้นไหซู่ทั้ง 15 ต้นก็ถูกฝังไว้ที่นี่เช่นกัน

 

ภาพตรงหน้าที่เขาได้เห็นนั้นทำให้เขารู้สึกสนใจขึ้นมาทันที แล้วเขาก็เดินไปย่อตัวลงนั่งใกล้ ๆ กับพื้นที่นั้นพลางตบพื้นด้วยมือเดียวในขณะที่ส่งเสียงคำรามต่ำ

 

“การกลับชาติมาเกิดของโลกที่โสมม! จงตื่นขึ้นมา!"

 

ทันทีที่เขาพูดจบ โลงศพสีดำสนิทก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้นตรงกลางที่มีต้นไหซู่ 15 ต้นวางเรียงซ้อนกันเป็นวงกลม โดยบนโลงศพมีโซ่ยาวพันอย่างแน่นหนา ขณะที่โลงศพลอยสูงขึ้นก็มีเสียงกรอบแกรบดังออกมาเบา ๆ

 

นี่ไม่ใช่ 'การกลับชาติมาเกิดของโลกที่โสมม' อย่างที่เขาว่า และภายในโลงศพนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าซอมบี้

 

เจียงหลีอยู่ในสุสานของสำนักชั้นนอกมาเป็นเวลานาน แต่เขาไม่ได้ทำเพียงแค่นั่งสมาธิ เขาใช้เวลาค่อนข้างนานในการเลือกซากศพที่กำลังจะปลุกให้กลายเป็นซอมบี้

 

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากหลุมศพแล้ว เดิมทีร่างนี้เป็นของศิษย์ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นสุดท้ายที่เสียชีวิตไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ทว่าศิษย์คนนี้เสียชีวิตเนื่องด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินบนเส้นทางแห่งการเป็นเซียน ดังนั้นเขาจึงได้มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครเหลียวแลแห่งนี้

 

และเนื่องจากมีการจัดเตรียมพิเศษบางอย่างในระหว่างการฝังศพของสำนัก ปราณหยินและปราณศพจึงถูกระงับไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นซอมบี้

 

จนกระทั่งเจียงหลีขุดเขาขึ้นมาจากหลุมฝังศพและใช้ 'วิชาควบคุมซอมบี้' เพื่อปลูก 'เมล็ดพันธุ์ซอมบี้' ซึ่งเป็นพันธนาการที่ผูกมัดเขาเอาไว้

 

หลังจากถอนคาถาที่ปราบปรามศพไว้ ปราณหยินและปราณศพที่สะสมมานานหลายทศวรรษก็ทำให้ศพนี้กลายเป็นซอมบี้ผิวซีดขาวจอมกระหายเลือดที่มีผมสีขาวยาวประมาณเกือบ 1 ชุ่น*

*1 ชุ่น ประมาณ 3.33 เซนติเมตร

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซอมบี้จะมีการเปลี่ยนแปลง เมล็ดพันธุ์ซอมบี้ได้ถูกฝังลึกลงไปในศพแล้ว แม้แต่หลังจากการเปลี่ยนศพเป็นซอมบี้ มันก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของเจียงหลีได้

 

ตอนที่เด็กหนุ่มทำตามคำแนะนำในคัมภีร์ เขาได้วางซอมบี้ผมขาวและสิ่งของที่มีธาตุหยินจำนวนมากลงในโลงศพที่ทำมาจากไม้ไหซู่

 

เสร็จแล้วเขาก็ใช้โซ่ที่มัดนักโทษประหารนับพันคนในลานประหารมามัดโลงศพเอาไว้

 

จากนั้นเขาฝังโลงศพลงกลางเขตอาคมซึ่งเกิดจากการนำต้นไหซู่ 15 ต้นมาวางเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกันสองชั้น ทำให้ศพนั้นถูกหล่อเลี้ยงด้วยปราณหยินและปราณศพที่หนาแน่นในสุสานของสำนักชั้นนอกเป็นเวลาหลายเดือน ตอนนี้ในที่สุดมันก็สามารถใช้งานได้แล้ว

 

บัดนี้โลงศพได้ลอยขึ้นมาจากพื้นดินแล้ว ต่อมาเจียงหลีคว้าโซ่ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วยกโลงศพขึ้นสะพายไว้บนไหล่ก่อนจะหันหลังเดินออกจากสุสานไป

 

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา โลงศพที่มีน้ำหนักมากกว่าหลายร้อยจินนี้เบาเหมือนกับกระสอบนุ่น

 

 

“เจียงหลี นี่เจ้า… ?”

 

วันรุ่งขึ้น เมื่อกลุ่มศิษย์นอกสำนักมารวมตัวกันที่ทางเข้าสำนักชั่งจิงกู่ ทุกคนรวมทั้งศิษย์ที่เฝ้าทางเข้าก็ต้องตกใจกับ 'กระเป๋า' ของเจียงหลี

 

พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่กลัวตายหรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนดี…

 

เขานำโลงศพไปด้วยตอนที่เขาออกไปทำภารกิจด้านนอกเนี่ยนะ?

 

เขากลัวว่าจะไม่มีที่ให้ตัวเองนอนหลังจากที่เขาตายไปแล้วหรือ…?

 

บทที่ 32: โลงศพ

 

-------------------------------------------

อากิระ talk: น้องหลีเหมือนไม่ได้อ่านไลน์กลุ่ม เขารู้กันหมดยกเว้นตัวเอง 5555

 

1/6/2022
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป