Your Wishlist

ขอโทษที! ความโกงของฉันคือเวลาบัพไม่จำกัด (บทที่ 30)

Author: Turtle Shell and Hemp Rope (Akira แปล)

กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!

จำนวนตอน : 500+

บทที่ 30

  • 05/07/2565

‘เกราะวิญญาณ มันคือ… เกราะที่สร้างขึ้นจากปราณจิตวิญญาณใช่ไหม?’

 

เจียงหลีลองใช้มือขวาดูดซับพลังปราณจิตวิญญาณอีกครั้ง คราวนี้ผิวบนฝ่ามือของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว และความเร็วที่มันแข็งตัวก็เร็วขึ้นกว่าเดิมมาก

 

ต่อมา เด็กหนุ่มใช้มือขวาที่แข็งเหมือนเหล็กจับที่คมกระบี่ ในขณะที่เขาสัมผัสกระบี่นั้นมีเสียงคล้ายกับโลหะเสียดสีกัน จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ออกแรงบีบให้แรงขึ้นก่อนที่กระบี่ในมือจะบิดเบี้ยวจนเสียรูปไป

 

เมื่อรวมบัฟ [การดูดซับแล้วแข็งตัว] กับ [เกราะวิญญาณ] เข้าด้วยกัน การป้องกันของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

 

บางทีเขาอาจพิจารณาเรื่องการพัฒนาการฝึกฝนร่างกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของเขาอีกครั้ง

 

หลังจากที่เจียงหลีตัดสินใจได้แล้ว เขาก็กลับมาหมกหมุ่นกับการฝึกอีกเช่นเคย

 

ในทุก ๆ วันเขาจะฝึกฝนคาถาอาคม, เข้าชั้นเรียนในหอฝึกตน, ไปสุสานของสำนักชั้นนอก อีกทั้งตอนนี้เขาต้องเริ่มเรียนรู้การปรุงยา ซึ่งการได้รับบัฟใหม่มาทำให้บางทีเขาอาจจะต้องฝึกฝนร่างกายเพิ่มด้วย…

 

ระหว่างที่เจียงหลียุ่งอยู่กับการฝึกของตัวเองทุกเมื่อเชื่อวัน เวลาก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่า

 

 

1 เดือนครึ่งต่อมา บนหน้าผาของสำนักชั่งจิงกู่ที่ตั้งอยู่เกือบจะสิ้นสุดเขตของสำนัก

 

ตูม! ตูม! ตูม!

 

ในทุก ๆ อึดใจจะมีเสียงบางอย่างปะทะกับหน้าผาดังขึ้น

 

พร้อมกันนั้น บนหน้าผาก็เกิดรอยร้าวเล็ก ๆ มากมายอย่างต่อเนื่องเมื่อเกิดการปะทะกัน หลังจากที่รอยร้าวแผ่ขยายออกไป ชั้นหินชั้นนอกสุดก็ไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกต่อไปได้ มันจึงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

 

ในขณะเดียวกัน ร่างที่อยู่ด้านล่างซึ่งเป็นคนกระแทกจนหินตกลงมาก็ถูกฝังอยู่ใต้หินทันที

 

แต่ไม่นานก้อนหินเหล่านั้นก็เริ่มสั่นสะเทือน และเด็กหนุ่มที่มีผิวสีเข้มมันวาวก็ทะลวงกองหินออกมา

 

ตูม!

 

ร่างนั้นจะเป็นใครไปได้อีกนอกจาก…เจียงหลี!

 

ในโลกเซียนจะมีการต่อสู้อยู่ 2 ประเภท ได้แก่ การต่อสู้โดยใช้กำลังกายกับการต่อสู้โดยใช้คาถาอาคม ซึ่งนักพรตส่วนใหญ่จะค่อนข้างดูถูกการฝึกตนทั้งสองแบบควบคู่กันไป

 

นั่นเป็นเพราะเส้นทางของการเป็นเซียนนั้นยาวไกล และการปีนขึ้นไปเพื่ออยู่บนจุดสูงสุดนั้นแทบจะมองไม่เห็นปลายยอด อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ไม่มีใครในโลกเซียนเคยไปแตะเพดานของการเป็นเซียนเลยแม้แต่คนเดียว

 

เด็กหนุ่มเอาพลังงานมากมายมาทุ่มเทให้กับการฝึกฝนร่างกาย แล้วเขาจะเอาพลังงานจากไหนไปฝึกคาถาอาคมเพิ่มเติม? 

 

นอกจากนี้ คนอย่างเขาคงจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระหรอก

 

ทว่าการฝึกวิชาหลายวิชาพร้อมกันเป็นสิ่งที่นักพรตหลายคนไม่เห็นด้วย

 

หากมีใครที่ฝึกวิชาการปรับแต่งวิญญาณที่สามารถเร่งการฝึกตนได้สำเร็จ แน่นอนว่ามันจะไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะหากยิ่งมีวิชามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม วิธีการฝึกตนแบบนี้หาได้ยากมาก ในโลกเซียนมีวิธีการฝึกตนเพียงไม่กี่วิธีที่สามารถบรรลุผลดังกล่าวได้

 

สำหรับวิธีการฝึกฝนร่างกาย วิธีนี้เลื่องลือในด้านผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยดีนักในระยะแรกและจะพัฒนาได้ช้าลงในระยะหลัง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มันถูกมองว่าไร้ประโยชน์

 

ภายใต้สถานการณ์ปกติ หากนักพรตมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนร่างกายเป็นพิเศษ หรือหากพวกเขามีวิธีการฝึกตนวิถีพุทธแบบวัดชีหังที่สามารถเร่งการฝึกฝนร่างกายของพวกเขาได้ พวกเขาก็จะกล้าเสี่ยงในการฝึกตนแบบควบคู่กันไป

 

แต่ตามปกติแล้ว นักพรตทั่วไปจะพยายามฝึกตนแบบควบคู่ก็ต่อเมื่อพวกเขามาถึงคอขวดของการไต่เต้าขึ้นไปยังระดับที่สูงขึ้น วิธีพวกนี้มักจะใช้เพื่อชดเชยข้อบกพร่องและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจียงหลีพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่การฝึก 'วิชาพฤษาซาตาน' และวิชาที่เน้นการปรับแต่งร่างกาย

 

เนื่องจากสถานะในระบบของเขามีเอฟเฟกต์ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพมากมายต่อร่างกายของเขา ทำให้การปรับแต่งร่างกายของตัวเองถือว่ามีประโยชน์กว่าด้านอื่นมาก

 

อีกทั้งบัฟถาวรเหล่านั้นเทียบเท่ากับความสามารถพิเศษเลยทีเดียว

 

อาจกล่าวได้ว่าไม่เพียงแต่เขามีความสามารถพิเศษในการฝึกร่างกายเท่านั้น แต่เขายังสามารถเพิ่มและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายได้อีกด้วย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเขาไม่ฝึกฝนร่างกาย มันคงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

 

ดังนั้น เจียงหลีจึงขอให้ศิษย์พี่เสี่ยวซื่อซึ่งเป็นศิษย์ในสำนักพาเขาไปที่หอเก็บพระคัมภีร์เพื่อเลือกวิธีการฝึกฝนร่างกายที่เขากำลังฝึกอยู่ในปัจจุบัน

 

ในสำนักชั่งจิงกู่ แม้ว่าศิษย์นอกสำนักจะได้รับประโยชน์อย่างเช่นการแลกเปลี่ยนวิธีการฝึกตนผ่านหอเก็บพระคัมภีร์ แต่การที่พวกเขาจะได้เข้าไปในสำนักชั้นในก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร

 

ปกติแล้วศิษย์นอกสำนักจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้อาวุโสประจำหอฝึกตนหรือหอกิจการภายในก่อน

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเจียงหลีบอกพวกเขาว่าเขาต้องการฝึกฝนร่างกาย… เขาคงจะโชคดีถ้าเขาไม่โดนด่าว่าโง่เสียก่อน

 

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมองหาศิษย์ในสำนักที่ใจดีอย่างเสี่ยวซื่อมาช่วยให้เขาไม่ถูกศิษย์ที่เป็นยามรักษาการณ์ในเวลานั้นขัดขวางก่อนที่จะไปถึงหอเก็บพระคัมภีร์

 

เมื่อเด็กหนุ่มเลือกคัมภีร์อยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็พบคู่มือที่ไม่สมบูรณ์ของวิชาการปรับแต่งร่างกายโบราณที่เรียกว่า ‘คัมภีร์คีรีพินาศ’

 

วิธีการฝึกตนแบบโบราณนี้ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากภายในคัมภีร์มีเพียงเนื้อหาของขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณถึงขอบเขตฝึกปราณกำเนิดร่างเซียน แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก

 

ทว่าการฝึกฝนวิชาการปรับแต่งร่างกายนั้นมีความยากน้อยกว่าวิชาการปรับแต่งพลังปราณ ตราบใดที่ไม่มีความซับซ้อนมากเกินไป ในทางปฏิบัติก็เป็นไปได้ที่จะเชื่อมโยงพวกมันเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น ดังนั้นเจียงหลีจึงเลือกคัมภีร์นี้มาอย่างไม่ลังเล

 

แล้วเขาก็ใช้หินวิญญาณ 230 ก้อนเพื่อแลกกับมันมา

 

นั่นคือราคามากกว่าครึ่งหนึ่งของค่าตอบแทนที่เด็กหนุ่มหามาอย่างยากลำบากในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา แต่แล้วเงินทั้งหมดก็ต้องติดปีกบินออกจากกระเป๋าไปเช่นกัน

 

เพราะหลังจากนั้นเขาได้ส่งมอบหินวิญญาณส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้กับเหยียนหงเพื่อขอให้อีกฝ่ายช่วยรวบรวมเสบียง ด้วยเหตุนี้เจียงหลีจึงกลายเป็นคนจนตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

พอลุกออกมาจากกองหินแล้วเด็กหนุ่มก็ถอยออกมาเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างเขากับกำแพงหน้าผา

 

จากนั้นเขาก็เอาแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไขว้ไว้ตรงหน้าอก ในขณะที่เขาเอนตัวไปข้างหน้าและลดไหล่ลงก่อนจะเร่งฝีเท้าพุ่งเข้าใส่หน้าผา

 

ตูม! 

 

หน้าผาหินพังทะลายลงมาอีกครั้ง

 

มีคนกล่าวกันว่าคัมภีร์คีรีพินาศนี้ถูกสร้างขึ้นโดยการเลียนแบบสัตว์ร้ายในสมัยโบราณที่เรียกว่าลิงทลายภูเขา เมื่อได้รับการฝึกฝนจนถึงขีดจำกัด เราจะสามารถวิ่งทะลุภูเขาแบบตัวเปล่าด้วยพลังที่ไร้ขอบเขตได้

 

แต่ถึงกระนั้น ด้วยระดับปัจจุบันของเจียงหลี เขาทำได้เพียงแค่เพิ่มค่าความแข็งแกร่งของคุณสมบัติในระบบและทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

 

หลังจากที่เจียงหลีวิ่งชนหน้าผาอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาจบการฝึกร่างกายในวันนี้ รวมไปถึงหยุดการดูดซับพลังปราณจิตวิญญาณและปิดการใช้งานเกราะวิญญาณทันที แล้วสักพักผิวสีเข้มของเขาก็ค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิม

 

“ศิษย์น้อง วันนี้เจ้าฝึกฝนมา 2 ชั่วยามแล้ว หากเจ้าฝึกไม่ถึง 3 ชั่วยาม อย่างไรเสีย ค่าธรรมเนียมก็จะยังคงเป็น 1 ก้อนอยู่ดีนะ”

 

เจียงหลีที่ได้ยินคนเป็นศิษย์พี่ร่วมสำนักบอกแบบนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าเขาใช้หน้าผาหินที่พบได้ตามธรรมชาติเพื่อฝึกฝน แต่เขายังต้องมาเสียค่าธรรมเนียมอีกหรือ ทำไมพวกเขาไม่ปล้นเจียงหลีไปเลยล่ะ?

 

แต่ตามกฎของสำนัก ศิษย์ไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างความเสียหายต่อส่วนอื่น ๆ ของสำนักชั้นนอกจนไม่อาจแก้ไขได้ ดังนั้นเขาจึงต้องยอมเสียเงินเพื่อมาฝึกฝนที่นี่เท่านั้น

 

เด็กหนุ่มจ่ายหินวิญญาณเสร็จแล้วก็ออกจากพื้นที่ฝึกด้านนอกสำนัก

 

“นี่ ข้าได้ยินมาว่ามีบางคนที่เป็นศิษย์ใหม่ในปีนี้ได้บุกทะลวงไปถึงขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางแล้ว!”

 

"จริงหรือ? ศิษย์ใหม่ในปีนี้เพิ่งเข้ามาในสำนักได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่มีใครบางคนไปถึงขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางแล้วอย่างนั้นหรือ?”

 

"ใช่แล้ว เขาไปถึงขั้นนั้นได้เมื่อ 2 วันก่อนและได้รับการยกย่องจากผู้อาวุโสของหอฝึกตนมาก”

 

“พรสวรรค์ของเขาอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าอัจฉริยะของศิษย์ในสำนักมากนัก”

 

"ถูกต้อง ผู้อาวุโสประจำหอฝึกตนบอกว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสในปีนี้ แต่เขาอาจจะสามารถผ่านเกณฑ์การเข้าประลองของสำนักชั้นนอกในปีหน้าและได้เข้าสู่สำนักชั้นใน”

 

“นี่มัน… เฮ้อ… เราอยู่ในสำนักมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่เรายังคงติดอยู่ที่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้นอยู่เลย ข้าเกรงว่าเราจะต้องอยู่ในสำนักชั้นนอกไปตลอดชีวิต…”

 

ระหว่างที่เจียงหลีเดินเข้าไปในย่านการค้านอกสำนักที่มีคนพลุกพล่าน เขาก็ได้ยินบทสนทนาในลักษณะแบบนี้มากมาย

 

‘ในบรรดาศิษย์นอกสำนักที่เพิ่งเข้ามาใหม่ คงไม่มีใครที่สามารถฝึกตนได้รวดเร็วเช่นนี้ได้นอกจากหยูป้านเซีย’

 

ถัดมา เจียงหลีเดินไปที่แผงลอยของเหยียนหงเพื่อถามรายละเอียดเกี่ยวกับข่าวที่เขาเพิ่งได้ยินมาทันที 

 

แล้วเขาก็ได้รู้ว่าหยูป้านเซียได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางแล้วเมื่อ 2 วันก่อน

 

ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังรักษาฐานการฝึกตนของตัวเองให้มั่นคงและทำความคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งเหยียนหงคิดว่าหยูป้านเซียจะมาติดต่อพวกเขาสองคนในอีกไม่กี่วัน

 

บทที่ 30: คัมภีร์คีรีพินาศ

 

-------------------------------------------

อากิระ talk: คิดนานเหลือเกินน้องหลี คิดจนจะหมดตอนอีกละ 5555

 

1/6/2022
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป