กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
“นี่คือพื้นที่ที่ผู้อาวุโสของหอโอสถมักจะใช้ปรุงยา ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่าเข้าไปเลยจะดีกว่า เพราะผู้อาวุโสไม่ชอบถูกใครรบกวน”
“ส่วนนี่คือสถานที่ที่ศิษย์ของหอโอสถใช้ปรุงยา ทางที่ดีเราอย่าเข้าไปใกล้จนเกินไป นั่นเป็นเพราะศิษย์บางคนยังเป็นมือใหม่อยู่ เป็นเรื่องปกติมากที่เตาหลอมของพวกเขาจะระเบิด”
“สุดท้าย ห้องที่น่าทึ่งที่สุด มันคือห้องปรุงยาของอนาคตสุดยอดนักปรุงยาอย่างศิษย์พี่เสี่ยวซื่อคนสวยของเจ้า ในยามที่ข้าว่าง ข้าจะมาฝึกปรุงยาอยู่ที่นี่”
ระหว่างทางไปลงทะเบียน เสี่ยวซื่อไม่ได้พาเจียงหลีตรงไปที่ห้องลงทะเบียนเลย ศิษย์พี่ผู้ใจดีและร่าเริงคนนี้พาเขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณหอโอสถ นางคอยแนะนำห้องและข้อจำกัดของสถานที่นี้แก่เขาอย่างละเอียด
“ศิษย์พี่เสี่ยวซื่อ ในหอโอสถมีห้องปรุงยาเหมือนอาจารย์ของเราหรือไม่”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามเพราะเขาสังเกตว่ามีห้องสีขาวเพียงไม่กี่ห้องอยู่ในพื้นที่ห้องปรุงยา
"มีไม่มากนัก จริง ๆ แล้วการลงทุนสร้างสูตรยาใหม่ต้องใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาล แม้ว่าจะมีการสนับสนุนจากสำนัก แต่นักปรุงยาก็ยังได้รับความกดดันและความท้าทายที่ยิ่งใหญ่มากอยู่ดี”
“ในสำนักชั่งจิงกู่ของเรา มีนักปรุงยาจำนวนไม่มากที่มีความสามารถในการสร้างสูตรยาใหม่ อาจารย์ชือฟาของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะคิดสูตรยาใหม่ได้ตลอดนะ”
“พวกเขาจะทำเฉพาะตอนที่มีแรงบันดาลใจเท่านั้น แล้วพวกเขาจะใช้ทรัพยากรจากสำนักเพื่อสนับสนุนการผลิตยาของพวกเขา”
“นอกจากนี้การผลิตยาไม่ได้รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ตัวอย่างเช่น อาจารย์ชือฟา เขาล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง แม้กระทั่งก่อนที่ข้าจะมาเป็นศิษย์ของเขา ดูเหมือนเขาจะล้มเหลวมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน”
เมื่อเจียงหลีได้ฟังเรื่องราวของผู้อาวุโสผมแดง เขาก็ทำได้เพียงกะพริบตาปริบ ๆ
“แล้วสูตรยาที่ล้มเหลวเหล่านั้นล่ะ? พวกมันทั้งหมดถูกทำลายไปแล้วหรือ?” เขาถามอย่างสงสัย
"จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? แม้ว่าสูตรยาพวกนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาได้เสียทั้งเงินและทรัพยากรไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถกำจัดผลข้างเคียงและไม่สามารถผลิตยาไปวางจำหน่ายได้ แต่ก็ยังเป็นข้อมูลอ้างอิงที่ดีสำหรับคนรุ่นหลัง”
“สูตรยาที่ล้มเหลวทั้งหมดที่ถูกละทิ้งจะถูกเก็บไว้ในห้องปรุงยา ถ้าเจ้าอยากจะเห็น เจ้าก็สามารถเข้าไปดูได้เช่นกัน”
คำตอบของเสี่ยวซื่อทำให้ดวงตาของฝ่ายที่ได้ฟังเป็นประกาย แต่เขาไม่ได้แสดงมันออกมาบนใบหน้า จากนั้นเขาก็พูดคุยและหัวเราะกับอีกฝ่ายไปตลอดทาง ในที่สุดชื่อของเขาก็ได้รับการลงทะเบียนที่สำนักงานของหอโอสถสักที
แต่คนที่ถูกเรียกว่าศิษย์ลงทะเบียนจะไม่นับว่าผู้อาวุโสเป็นอาจารย์ที่แท้จริง ในขณะนี้เจียงหลียังคงเป็นศิษย์นอกสำนักอยู่เหมือนเดิม
ความจริงแล้วมีศิษย์ลงทะเบียนมากมายในหอโอสถ…
นั่นหมายความว่าความสามารถอย่างหนึ่งของพวกเขาคงดึงดูดสายตาของเหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสจะพาพวกเขามาอยู่ใต้ปีกของตนเองและถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์คนนั้น
แน่นอนว่าศิษย์ลงทะเบียนส่วนใหญ่ในหอโอสถได้รับเลือกเนื่องจากความสามารถในการปรุงยา ขณะที่เจียงหลีได้รับเลือกเนื่องจากพรสวรรค์ด้าน 'การทดสอบยา'
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะเข้ามาด้วยเหตุผลอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ หลังจากที่เด็กหนุ่มลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เขาจะเหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ ในอนาคตเขาจะสามารถเข้าสู่หอโอสถได้โดยตรงและร่ำเรียนเกี่ยวกับการปรุงยา
สิ่งนี้แตกต่างจากวิธีการสอนแบบตามมีตามเกิดที่สอนโดยผู้อาวุโสประจำหอการเรียนรู้ มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เจียงหลีจะสามารถเรียนรู้เนื้อหาเชิงลึกได้
เมื่อเขากลับไปที่ห้องปรุงยา ผู้อาวุโสผมแดงก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป ดูเหมือนว่าเขาจะไปขอเงินทุนจากสำนักเพิ่มขึ้นด้วยการใช้ยาเม็ดสูตรใหม่เป็นข้อพิสูจน์
แต่ทว่ามีบางสิ่งถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะยาว
นอกจากรางวัลของเจียงหลีในวันนี้แล้ว เขายังได้รับเสื้อคลุมศิษย์ของหอโอสถ หนังสือเกี่ยวกับยา และหม้อปรุงยาขนาดเล็กอีกด้วย
“ศิษย์น้องเจียงหลี ท่านอาจารย์ฝากของพวกนี้ไว้ให้เจ้า”
“หม้อปรุงยาขนาดเล็กนี้อาจารย์ของเราใช้ตอนที่เขายังเป็นเด็ก”
'โอ้? มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับหม้อปรุงยานี้หรือไม่?' เจียงหลีคิดด้วยความตื่นเต้น
“รุ่นพี่ของเราเคยใช้มาก่อน แล้วข้าก็ได้ใช้ด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ท่านอาจารย์กำลังส่งต่อมันให้เจ้า”
พอได้ยินประโยคถัดมาของศิษย์พี่ เด็กหนุ่มก็คิดอย่างผิดหวัง ‘เอาเถอะ… ข้าเพ้อฝันไปเอง’
“ศิษย์พี่เสี่ยวซื่อ เราไปดูสูตรยาที่ล้มเหลวเก่า ๆ ได้ไหม?” เจียงหลีถามขึ้นมาทันที
“สูตรยาที่ล้มเหลว? เจ้าจะดูของแบบนั้นไปทำไม? อย่าบอกข้านะว่าเจ้าอยากจะปรับปรุงสูตรยาให้สำเร็จ? ไม่มีทาง ไม่มีทางหรอกน่า แม้แต่อาจารย์และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ยังทำไม่สำเร็จเลย”
เสี่ยวซื่อโบกมือพลางพูดขัดอีกฝ่าย นางต้องการกำจัดความคิดที่ไม่มีวันเป็นจริงของศิษย์น้องออกไปให้ไวที่สุด
"ไม่ใช่อย่างนั้น ศิษย์พี่ก็รู้ว่าราคาของสูตรยาที่สมบูรณ์นั้นแพงมาก”
“ข้าเพิ่งเริ่มเรียนรู้วิธีกลั่นเม็ดยา ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกหรอก ก่อนอื่นข้าสามารถใช้สูตรยาที่ไม่สมบูรณ์เพื่อสั่งสมประสบการณ์ได้ใช่ไหม”
เจียงหลีได้ชี้แจงเหตุผลให้เสี่ยวซื่อฟัง แล้วนางก็นิ่งคิดไปสักพักก่อนจะรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นนางจึงไม่คัดค้านอีก
"เอาเถิด ข้าเข้าใจแล้ว งั้นตามข้ามา”
หลังจากนั้นผู้เป็นศิษย์พี่ก็พาศิษย์น้องไปยังห้องขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหลังห้องปรุงยา
ทันทีที่นางเปิดประตู กลิ่นของกระดาษเน่าก็เข้าโจมตีประสาทสัมผัสของเขาอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดนี้เป็นสูตรยาที่ล้มเหลวซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่มีมูลค่าเพียงพอที่จะเก็บไว้ในใบหยก
“ส่วนใหญ่เป็นยาเม็ดระดับธุลี ความยากในการกลั่นยาจากสูตรบนชั้นหนังสือทั้งสองนี้ค่อนข้างต่ำ เจ้าควรเลือกจากตรงนี้น่าจะดีที่สุด”
ตอนนี้ริมฝีปากของเจียงหลีแห้งผากในขณะที่เขามองไปทางชั้นหนังสือราวกับว่าเขากำลังมองกองหินวิญญาณที่กำลังเรืองแสงอยู่
ต่อมา เขาใช้เวลาค้นสูตรยาเป็นเวลานานก่อนที่จะเลือกสูตรยาที่เขาชอบ จากนั้นเขาก็หยิบปากกาและกระดาษออกมาแล้วเริ่มคัดลอกเนื้อหาลงไป
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน เด็กหนุ่มก็เปรียบเทียบคำที่เขาคัดลอกกับหนังสืออีกครั้ง พอยืนยันว่าไม่มีตรงไหนผิดพลาดแล้ว เขาก็เก็บหนังสือกลับเข้าชั้นวางและออกจากห้องไป
ระหว่างทางที่เขาเดินกลับไปยังสำนักชั้นนอก เขาได้ถือหม้อปรุงยาขนาดเล็กมาด้วย เมื่อบางคนเห็นสิ่งนี้ก็ทำให้พวกเขาอิจฉาตาร้อนไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ว่าหม้อปรุงยาในมือของเด็กหนุ่มจะมีขนาดเล็กและเก่ามากแล้ว แต่ในตอนนี้ราคาของหม้อปรุงยาน่าจะมากกว่าหินวิญญาณร้อยก้อน
นี่เป็นราคาที่แพงมากจนศิษย์นอกสำนักธรรมดาไม่สามารถจ่ายได้
ยิ่งไปกว่านั้น การซื้อหม้อปรุงยาย่อมหมายความว่าเขากำลังฝึกปรุงยา แล้วอาชีพเสริมนี้คือคลาสย่อยในระบบของเจียงหลีซึ่งเป็นอาชีพที่ทุกคนในโลกเซียนใฝ่หา ถ้าเขาประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ เขาจะสามารถก้าวข้ามการเป็นนักพรตระดับต่ำได้
นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักพรตหลายคนที่มีรากฐานทางวิญญาณระดับต่ำและระดับต่ำต้อย โดยพื้นฐานแล้วการฝึกตนของพวกเขานั้นแทบไม่มีความหวังและมีเพียงการอาศัยอาชีพเสริมเหล่านี้เท่านั้นเพื่อที่พวกเขาจะสามารถใช้เป็นเส้นทางให้ตนเองไต่ขึ้นไปสู่ระดับสูง
หลังจากเจียงหลีกลับมาที่เรือนนอนของเขาและวางหม้อปรุงยาลงบนโต๊ะ เขาก็ปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมด เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่มีใครแอบฟัง เขาก็หยิบขวดกระเบื้องลายครามออกมา
สิ่งนี้เป็นหนึ่งในยาผิวแข็งรุ่นทดลองที่ล้มเหลวและถูกทิ้ง
ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มได้สลับมันกับยาเสียที่เขาเก็บไว้ในอกเสื้อแล้วนำมันออกมาจากห้องปรุงยา
ย้อนกลับไปในเวลานั้น ตอนที่เจียงหลีกินยาผิวแข็งรุ่นทดลองเม็ดที่ 4 ผิวของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้นเขาจึงบอกผู้อาวุโสผมแดงว่ามันเป็นความล้มเหลวตั้งแต่ที่เขารู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่ปรากฏบนอินเทอร์เฟซของเขาจริง ๆ
[กินยาผิวแข็งรุ่นทดลอง เพิ่มสถานะ: การดูดซับแล้วแข็งตัว]
[การดูดซับแล้วแข็งตัว: ผิวหนังจะแข็งตัวหลังจากดูดซับพลังปราณจิตวิญญาณ การแข็งตัวของร่างกายจะถูกกำหนดโดยพลังปราณจิตวิญญาณที่ถูกดูดซับ ระยะเวลา: 2 ชั่วโมง] (− +)
ผลของเม็ดยาผิวแข็งรุ่นทดลองเม็ดที่ 4 ก่อนหน้านี้ได้หมดเวลาไปแล้ว หลังจากที่เจียงหลีกินยาอีกครั้ง เขาก็รออย่างเงียบ ๆ สักครู่
จากนั้นเขาก็ส่งกระแสปราณเข้าสู่ฝ่ามือของเขา
วินาทีต่อมา พลังปราณจิตวิญญาณถูกดูดซับอย่างรวดเร็วโดยที่มันซึมเข้าทางผิวหนังของเด็กหนุ่ม ในระหว่างนั้นเขารู้สึกว่าฝ่ามือหนักขึ้นเรื่อย ๆ เสมือนว่าเขากำลังสวมชุดเกราะ
แน่นอนว่าความรู้สึกนี้น่าสนใจสำหรับเขามาก
[กินยาผิวแข็งรุ่นทดลองเกินขนาด เพิ่มสถานะ: เกราะวิญญาณ หลังจากเอฟเฟกต์สิ้นสุดลง ผิวจะกลายเป็นหิน]
[เกราะวิญญาณ: หลังจากที่ผิวหนังดูดซับพลังปราณจิตวิญญาณ ผิวจะแข็งตัว ความเร็วในการดูดซับพลังปราณจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น การแข็งตัวของร่างกายจะถูกกำหนดโดยพลังปราณจิตวิญญาณที่ถูกดูดซับ เอฟเฟกต์การแข็งตัวนั้นมากเป็นสองเท่าของการดูดซับ ระยะเวลา: 2 ชั่วโมง] (− +)
บทที่ 29: เกราะวิญญาณ
-------------------------------------------
อากิระ talk: อ่านตอนแรกต้องมีคนคิดลึกเรื่องชื่อบัฟแข็งตัวแน่นอน และหนึ่งในนั้นก็มีเรา 5555555