กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
[ผิวทนทายาด: ผิวแข็งขึ้น 230% ความต้านทานต่อพลังปราณจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น 50 แต้ม ระยะเวลา: ไม่จำกัด] (-)
[ผิวเย็น: เพิ่มความต้านทานไฟ 50 แต้ม ระยะเวลา: ไม่จำกัด] (-)
บัฟทั้ง 2 อย่างนี้ได้มาจากการทำงานหนักและการแสดงละครตบตาที่แนบเนียนของเจียงหลี
นอกจากนี้ สำหรับบัฟ [เร่งการฟื้นฟูปราณ] มันเป็นบัฟที่ธรรมดามากเพราะยาฟื้นฟูปราณหาได้ทั่วไปและตัวเขาเองก็มียาเม็ดพวกนี้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นบัฟดังกล่าวจึงไม่ถือว่าเป็นกำไรของวันนี้
ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังสัมผัสผิวของตัวเอง เขารู้สึกว่ามันทั้งแข็งทื่อและหยาบกระด้างจนไม่สามารถดึงผิวหนังขึ้นมาได้เลย
จากนั้นเขาก็หยิบกระบี่ออกมา นี่คือสมบัติที่ติดตัวเขามาตลอดการเดินทางจนถึงสำนักแห่งนี้
ต่อมาเขากดกระบี่อันคมกริบลงที่ข้อมือแล้วฟันด้วยแรงสุดกำลัง
วินาทีที่เจียงหลีออกแรงฟันกระบี่ตามด้วยเสียง ‘เอี๊ยด’ ดังลั่น เขาแทบไม่รู้สึกว่าผิวถูกคมกระบี่ฟันเลย ก่อนที่เขาจะได้บัฟ [ผิวทนทายาด] นี้มา แม้ว่าเขาจะออกแรงฟันเพียงเล็กน้อย มันก็สามารถทำให้เกิดบาดแผลได้
หลังจากที่เขาลดกระบี่ลง เขาก็สังเกตข้อมือตนเองอย่างระมัดระวัง ขณะนี้มันมีรอยถลอกตื้น ๆ บนผิวคล้ายกับเป็นเส้นสีขาวที่พอเช็ดออกแล้วมันก็จะหายไป
ตอนนี้สมรรถภาพร่างกายของเจียงหลีมีเกิน 5 แต้มแล้ว ฉะนั้นร่างกายของเขาจึงเหนือกว่ามนุษย์ปกติธรรมดามาก
บวกกับการได้รับบัฟ [ผิวทนทายาด] มาเพิ่มอีก ส่งผลให้การป้องกันทางกายภาพของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า นั่นหมายความว่ามันค่อนข้างยากสำหรับเขาที่จะทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บ
ถัดจากนั้นเด็กหนุ่มก็จุดตะเกียงอีกอันแล้ววางฝ่ามือลงบนเปลวไฟเพื่อปล่อยให้มันเผาผิวของเขาช้า ๆ
เขารู้สึกว่ามันอบอุ่นและอุณหภูมิก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนภายในไม่ถึง 5 เฟินต่อมาเขาถึงจะรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือ
ค่าต้านทานไฟ 50 แต้มน่าทึ่งขนาดนี้เลยหรือ? แม้ว่าไฟที่สร้างขึ้นจากมนุษย์และไฟวิญญาณจะมีความแตกต่างกันมาก แต่ตราบใดที่เขายังคงทดลองยานั้นอยู่ เขาจะเพิ่มแต้มของบัฟนี้ได้อีก แล้วในวันหนึ่งเขาก็จะ… หึๆๆ…
แค่คิดเขาก็มีความสุขแล้ว!!
โอ้ จริงสิ! เขายังมียาอีก 2 ขวดที่ได้รับมาจากศิษย์พี่เสี่ยวซื่อ
เมื่อนึกได้อย่างนั้นเจียงหลีก็หยิบขวดกระเบื้อง 2 ขวดออกมาแล้วเขาก็ต้องสบถเสียงเบาอย่างอดไม่ได้
นั่นเป็นเพราะเขาไม่พอใจกับยา 2 ขวดนี้
[ชื่อ: ยาฟื้นฟูการมองเห็น]
[ประเภท: ยาลูกกลอน]
[ระดับ: ธุลีขั้นกลาง]
[หมายเหตุ: หากการมองเห็นแย่ลง แนะนำให้รีบใช้ยาฟื้นฟูการมองเห็น]
..
[ชื่อ: ยาฟื้นฟูเลือด]
[ประเภท: ยาลูกกลอน]
[ระดับ: ธุลีขั้นกลาง]
[หมายเหตุ: ไม่ต้องกลัวแม้ตอนนี้เจ้าจะอาเจียนเป็นเลือด]
หลังจากที่อ่านรายละเอียดของยาเสร็จเด็กหนุ่มก็เปิดขวดทั้งสองแล้วนับยาที่อยู่ในขวด ซึ่งแต่ละขวดมียาเพียง 5 เม็ดเท่านั้น
‘เอาเถอะ แค่ 5 เม็ดก็พอแล้ว’
เขาคิดเสร็จแล้วก็เปิดขวดยาทั้งสองก่อนจะเทยาทั้งหมดเข้าปากของตัวเองโดยไม่ลังเล
[กินยาฟื้นฟูการมองเห็นเกินขนาด… ]
[กินยาฟื้นฟูเลือดเกินขนาด…]
เมื่อได้รับบัฟเพิ่มอีกสองอย่าง เจียงหลีก็เริ่มฝึกฝน 'วิชาพฤษาซาตาน' อีกครั้งและฝึกฝนคาถาอาคมขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณทั้ง 3 ที่เขาซื้อมา
หลังจากนั้น 3 วัน เจียงหลีไม่ได้ออกจากห้องของเขาอีกเลย แม้แต่อาหารของเขาก็ยังต้องให้เหยียนหงเป็นธุระคอยจัดหามาให้เขาที่ห้อง
เขาแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก
แม้ว่าอาจจะไม่มีใครจงใจจับตาดูเขาอยู่ แต่หลายคนรู้ว่าเขารับทำภารกิจทดสอบยา มันคงจะน่าสงสัยเกินไปถ้าเขาไม่เป็นอะไรเลย
…
3 วันต่อมา เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องด้วยใบหน้า ‘ซีดเผือด’ และมุ่งหน้าไปยังสุสานของสำนักชั้นนอกเพื่อฝึกตน
แม้ว่าความเร็วในการฝึกตนของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ไม่ว่าเขาจะไปที่สุสานหรือไม่ก็ตาม แต่ในสายตาของคนภายนอกทุกคนคิดว่าเขายังไม่หายดี นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องแสดงละครต่อไป ไม่เพียงแค่นั้นเขายังต้องหาศพมาเพื่อฝึกวิชาควบคุมซอมบี้อีก
…
วันเวลาผ่านไปแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเหยียนหงและศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงคนอื่น ๆ ก็ได้ก้าวข้ามอุปสรรคจนเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณภายใน 1 เดือนและกลายเป็นนักพรตขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้นกันแล้ว
นอกจากนี้พวกเขาได้อยู่ใน 10 อันดับแรกและพวกเขายังได้รับรางวัลเป็นคาถาอาคมในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณเหมือนกับเจียงหลีและหยูป้านเซียอีกด้วย
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปร่ำเรียนที่หอฝึกตนของสำนักชั้นนอกพร้อมกับเด็กหนุ่มทั้งสอง
ระหว่างนั้นเจียงหลีก็ไม่ได้หยุดไปหาผู้อาวุโสชือฟาของหอโอสถเช่นกัน และยิ่งกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสจะปล่อยให้หนูทดลองตัวใหญ่อย่างเขาหลุดมือไป
…
ในพริบตาเวลาก็ผ่านไป 3 เดือนแล้ว
ขณะนี้เจียงหลีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นโคลนในสุสานของสำนักชั้นนอก
ซึ่งบางครั้ง แมลงมีพิษอย่างเช่นตะขาบจะไต่ออกมาจากดินสีดำที่ส่งกลิ่นเหม็น ทว่าหลังจากที่มันไต่ออกมาจากพื้นดิน แมลงมีพิษเหล่านี้จะรู้สึกกระวนกระวายใจทันที แล้วพวกมันก็มักจะขดตัวเป็นลูกบอลนิ่ง ๆ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงกลมโตยังคงลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ภายใต้แสงจันทร์อันเจิดจ้า แมลงพิษทุกขนาดได้ซ้อนทับกันเป็นชั้นบาง ๆ บนพื้น
รอบบริเวณที่เจียงหลีนั่งอยู่นั้นมีต้นไหซู่ต้นใหญ่ 15 ต้นถูกจัดวางให้เป็นวงกลมซ้อนกัน 2 วง โดยที่ต้นไหซู่ 5 ต้นข้างในถูกปักกับดินให้ลำต้นตั้งตรง ส่วนอีก 10 ต้นที่อยู่วงนอกถูกวางหงายขึ้นกับดิน
จากทฤษฎีฮวงจุ้ยของลัทธิเต๋า ท่ามกลางองค์ประกอบทั้ง 5 ของหยินและหยาง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงเขตอาคมพื้นฐานของธาตุหยิน-ไม้ นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นแบบที่เรียบง่ายหรือเป็นพื้นฐานของเขตอาคมที่นักพรตมักจะใช้กัน
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เจียงหลีได้ทำการทดสอบยาให้กับผู้อาวุโสชือฟาประจำหอโอสถและทุกครั้งเขาจะ 'บาดเจ็บสาหัส' ในทำนองเดียวกัน ค่าตอบแทนที่เขาได้รับมาในแต่ละครั้งก็มีจำนวนมากเช่นกัน
แล้วเด็กหนุ่มได้มอบหินวิญญาณส่วนหนึ่งให้เหยียนหงและขอให้อีกฝ่ายช่วยรวบรวมสิ่งของที่จำเป็นมาให้เขา
ซึ่งต้นไหซู่ที่โตเต็มที่เหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ภายใต้อิทธิพลของเขตอาคม 5 ธาตุของหยิน-หยาง ปราณหยินในสุสานของสำนักชั้นนอกพุ่งสูงขึ้นราวกับคลื่นยักษ์ แม้แต่แมลงมีพิษที่อาศัยอยู่ในสุสานตลอดทั้งปีก็ยังทนไม่ได้และคลานออกจากดินมานอนตายเกลื่อนอยู่บนพื้น
แต่เจียงหลีที่นั่งอยู่ตรงกลางเขตอาคมของวิชาพฤษาซาตานไม่แสดงอาการผิดปกติอะไร เขานั่งขัดสมาธิพร้อมกับดูดซับปราณจิตวิญญาณหยิน-ไม้ที่เข้ามานิ่ง ๆ
แกร๊ก!
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงของบางสิ่งแตกร้าว
จากภาพในหัวของเด็กหนุ่ม ต้นอ่อนที่เขามองเห็นได้งอกขึ้นมาจากเมล็ดแล้ว
กิ่งก้านของต้นอ่อนเติบโตขึ้นเพื่อรับแสงจันทร์ และรากที่แข็งแรงกำลังหยั่งลงบนดินเพื่อดูดซับสารอาหาร
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงหลีก็ลืมตาขึ้นในขณะที่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข
“ในที่สุดข้าก็อยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางแล้ว!”
แม้ว่าเขาจะมีความเร็วในการฝึกตนเพิ่มขึ้น 500% แต่เขาต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือนกว่าที่เขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง
หากไม่มีโบนัสนี้ เขาอาจจะต้องใช้เวลาอีกเป็นปีจึงจะผ่านพ้นขั้นเริ่มต้นไปได้
จากนั้นเขาก็เปิดอินเทอร์เฟซของระบบขึ้นมาดู
[คลาสหลัก: นักพรต ระดับ: ขั้นกลาง] (เร่งความเร็วการ
ฝึกตน 600%)
[วิชาพฤษาซาตานขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ ระดับ 4]
[ดูดซับปราณหยิน-ไม้: ความเร็วในการฝึก ‘วิชาพฤษาซาตาน’ เพิ่มขึ้น 400% ระยะเวลา: ไม่จำกัด] (-)
วิชาพฤษาซาตานได้เข้าสู่ระดับ 4 และคลาสหลักของเขาก็มาถึงขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง
เนื่องจากการก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ คุณสมบัติต่าง ๆ ของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วตอนนี้เขาเป็นนักพรตขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลางที่มีศักยภาพ
รวมถึงบัฟ [ดูดซับปราณหยิน-ไม้] ก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกันเพราะเขตอาคมที่เขาสร้างขึ้น เมื่อรวมกับผลของบัฟ [เร่งการบำรุงปราณ] โบนัสความเร็วในการฝึกตนของวิชาพฤษาซาตานก็เพิ่มขึ้นเป็น 600%
แม้ว่าความเร็วในการฝึกตนของเขาจะเทียบเท่ากับคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงแล้วก็ตาม แต่การก้าวจากขั้นกลางไปสู่ขั้นสุดท้ายของขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณก็จะยิ่งยากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย นี่เป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
จากนี้ไปเขาคงต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งปี อืม… หรือ 1 ปี เรื่องนี้เขาเองก็ไม่กล้าฟันธง
เมื่อดูดซับปราณจนพอใจแล้วเจียงหลีก็ประสานอิน*พร้อมกับตั้งสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเปล่งเสียงออกมาว่า
*ประสานอิน คือ การประสานมือสองทั้งสองเข้าหากันและทำเป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ ก่อนจะเรียกคาถาให้ออกมาเป็นพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ
"จมลงไป!"
หลังจากสิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม ต้นไม้ทั้ง 15 ต้นที่ล้อมรอบตัวเขาก็เริ่มสั่นสะเทือนแล้วจมหายลงไปในพื้นดิน
ในขณะที่เจียงหลีทำอย่างนั้น เขาไม่ได้ใช้คาถาอาคมใด ๆ แต่เขาใช้เพียงพลังปราณจิตวิญญาณเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในฐานะนักพรตขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง
บทที่ 26: ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นกลาง
-------------------------------------------
อากิระ talk: น้องหลีนี่ก็ยังแสดงละครเก่งเหมือนเดิมจ้าาาา
ปล.1 ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เราจะขอย้ายชื่อตอนลงมาไว้ข้างล่างเพื่อกันสปอยล์ เพราะบางตอนแค่ชื่อตอนก็สปอยล์ละ
ปล.2 บอกตามตรงว่าสกิลการตั้งชื่อท่า ชื่อยาต่าง ๆ ของเราต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ถ้าใครมีไอเดียดี ๆ หรือคิดชื่อได้สวยกว่านี้สามารถเสนอเราได้นะ ขอบคุณค่า~