กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
เนื่องจากเขามีสถานะความอิ่มที่ไม่มีวันหมดเวลา ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องกินอะไรมากนักในแต่ละวัน เขาจึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดใจแบบนี้
[กินยาผิวแข็งรุ่นทดลอง เพิ่มสถานะ: ท้องร่วง]
[ท้องร่วง: ระบบทางเดินอาหารเคลื่อไหวเร็วขึ้น 100% ประสิทธิภาพการดูดซึมทางเดินอาหารลดลง 70% ความอึดลดลงชั่วคราว 100 แต้ม ระยะเวลา: 3 วัน] (− +)
เมื่อเจียงหลีเห็นข้อความที่ปรากฏในระบบ เขาก็ทำการลบดีบัฟ [โลหิตจาง] และ [ท้องร่วง] โดยไม่ต้องหยุดคิด จากนั้นใบหน้าของเขาที่เคยซีดเผือดก็ค่อย ๆ กลับมาดูดีขึ้น
“เป็นอย่างไรบ้างเจียงหลี? หน้าตาของเจ้าดูไม่ค่อยสู้ดีนัก”
ศิษย์พี่เสี่ยวซื่อเดินเข้ามาถามเด็กหนุ่มอย่างเป็นกังวลในขณะที่เขาโบกมือเพื่อตอบกลับว่าเขาสบายดี
“ข้ารู้สึกเวียนหัว แล้วก็อ่อนแรง มันคล้ายกับความรู้สึกตอนที่ข้าได้รับบาดเจ็บหนักจนเสียเลือดไปมาก”
“นอกจากนี้ ท้องของข้ารู้สึกปั่นป่วนเหมือนมันกำลังจะระเบิด…”
เจียงหลีอธิบายผลกระทบและผลข้างเคียงของยาผิวแข็งให้นางฟังอย่างละเอียด
หลังจากผู้อาวุโสชือฟาได้ยินคำพูดที่เด็กหนุ่มอธิบายให้ฟัง เขาก็เริ่มขมวดคิ้วพร้อมกับใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่
"อ๋า! ข้ารู้แล้ว! ทำไมข้าถึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยนะ! รากดินสีเหลืองกับน้ำหญ้าหนามอ่อนเมื่อใช้ร่วมกันแล้วมันจะกลายเป็นพิษ!”
“ข้าไม่สามารถใช้วัตถุดิบทั้งสองนี้ได้… ไม่สิ ข้าต้องหาวัตถุดิบอื่นมาช่วยบรรเทาผลข้างเคียง”
เจียงหลีที่ได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสผมแดงกล่าวเช่นนั้นก็รู้สึกพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าความยากลำบากในการพัฒนาสูตรยาจะสูงมากจริง ๆ
ลักษณะของวัตถุดิบวิญญาณนั้นไม่ได้มีลักษณะเฉพาะตั้งแต่แรก เมื่อพวกมันทำปฏิกิริยากัน วัตถุดิบบางอย่างจะก่อให้เกิดผลในเชิงบวก ในขณะที่บางอย่างจะก่อให้เกิดผลในเชิงลบ ซึ่งเรื่องนี้ก็คล้ายกับการใช้สมุนไพรทั่วไปในโลกมนุษย์
แม้ว่านักปรุงยาจะรู้คุณสมบัติทางยาของวัตถุดิบวิญญาณทั้งหมดเป็นอย่างดี แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากที่วัตถุดิบเหล่านั้นจะส่มเสริมกันจนกลายเป็นโอสถวิญญาณที่สมบูรณ์แบบ พวกนักปรุงยาจะต้องทำการคำนวณปริมาณและทดลองยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นอกจากนี้ จนถึงปัจจุบันจะมีนักปรุงยาสักกี่คนที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าพวกเขาเข้าใจสมุนไพรและยาทุกชนิดในโลกนี้?
“ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้สึกว่ายาเม็ดนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง เพียงแต่มันละเอียดอ่อนมากจนไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นชัดเจน”
“ข้าเกรงว่าถ้าตอนนี้เรายังไม่พบต้นสายปลายเหตุ ถ้าครั้งต่อไปท่านปรับเปลี่ยนสูตรยาอีก มันคงจะล้มเหลวอีกครั้งด้วยเหตุเดียวกัน”
เจียงหลีแสดงท่าทีลังเลราวกับว่าเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงพูดกับผู้อาวุโสเสียงเบามากจนเหมือนเป็นการพึมพำกับตัวเองขณะประเมินสูตรยาของอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกันผู้อาวุโสผมแดงก็ตกตะลึงกับความคิดเห็นของเด็กหนุ่ม
“ยังมีข้อบกพร่องที่ซ่อนอยู่อีกหรือ? ถ้าข้าไม่แก้ไขตอนนี้ มันจะส่งผลในภายหลังหรือไม่?”
"ทำอย่างไรดี? ข้าควรทำอย่างไรดี? ถ้า… ถ้า…”
ดวงตาของผู้อาวุโสชือฟาสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เขาหันไปมองศิษย์ทดสอบยา
“เจียงหลี เจ้ามีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางใช่ไหม? และเจ้าก็มีธาตุหยินและไม้อีกด้วย” จู่ ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ขอรับท่านผู้อาวุโส” ภายนอกเด็กหนุ่มแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน ทว่าภายในใจนั้นเขารู้ดีอยู่แล้วว่าชายผู้นี้กำลังจะทำการ 'โน้มน้าว' เขาอีกครั้ง
“ข้าต้องการจะบอกว่าด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงทั่วไปเลย”
“ข้าหมายถึงว่าข้ายินดีที่จะให้โอกาสเจ้านะเจียงหลี”
ผู้อาวุโสผมแดงค่อย ๆ ชี้นำเขาอย่างอดทนและจริงใจ เสมือนว่านี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกศิษย์
“ท่านผู้อาวุโส ท่านหมายความว่าอย่างไร” ดวงตาของเจียงหลีฉายแววของความคาดหวังในขณะที่เขาแสดงออกด้วยภาพลักษณ์ของเด็กที่แทบจะยั้งตัวเองไม่ได้หลังจากที่ถูกล่อลวงด้วย 'โอกาสอันยิ่งใหญ่'
“ถ้าเจ้ายินดีช่วยข้าทดลองสูตรยาผิวแข็งจนสำเร็จ ข้าจะให้เจ้าเป็นศิษย์ลงทะเบียนของข้า!”
“ลองคิดดูดี ๆ นะเจียงหลี แม้ว่าเจ้าจะเป็นเพียงศิษย์นอกสำนัก แต่เจ้าก็จะได้เป็นถึงศิษย์ลงทะเบียน นั่นหมายความว่าเจ้าจะสามารถรับคำสอนสั่งและรับทรัพยากรจากข้าโดยตรง แล้วหลังจากนี้จะไม่มีใครกล้าดูถูกเจ้าอีกต่อไป”
“เจ้าลองเก็บไปคิดดู นี่เป็นโอกาสที่ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนใฝ่ฝันถึง”
แล้วศิษย์นอกสำนักจะต้านทานล่อลวงอย่างการได้มาเป็นศิษย์ลงทะเบียนของเขาได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสชือฟารู้สึกว่าเขาหลอกเด็กคนนี้ให้หลงเชื่อได้อย่างหมดใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นถึงผู้อาวุโสประจำหอโอสถ แค่คิดถึงยาที่มีกลิ่นหอมเหล่านั้น เขาก็…
‘จะมีสักกี่คนที่ยอมสละชีวิตเพื่อเจ้ายาเม็ดเล็ก ๆ นั้น?’ เจียงหลีคิดพลางแอบบ่นในใจ
เขาจะได้เป็นศิษย์ลงทะเบียนแบบไหนกัน? เขาน่าจะกลายเป็นหนูทดลองยาของอีกฝ่ายเสียมากกว่า
เมื่อคิดถึงตอนที่เขาเคยพูดว่า “ข้าทำสิ่งนี้เพื่อประโยชน์ของพวกเจ้าเอง” กับเหล่าลูกน้อง ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าคำพูดพวกนั้นมันน่าขยะแขยงจริง ๆ
ตอนที่เจียงหลีกับเหยียนหงเผชิญหน้ากับลูกน้องทั้ง 19 คน แม้ว่าพวกเขาจะใช้วาจาโน้มน้าวคนกลุ่มนั้นอยู่บ้าง แต่ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงเซ็นสัญญากันอย่างเต็มใจ ซึ่งนี่มันเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างชัดเจน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน
แม้ว่าผมของผู้อาวุโสผู้นี้จะเป็นสีแดง แต่หัวใจของเขากลับเป็นสีดำ เขาใช้ตำแหน่งนี้เพื่อล่อใจให้ลูกศิษย์เสี่ยงมาทดลองยาที่เขาพัฒนาขึ้นจำนวนมาก…
น่าประทับใจจริง ๆ
แต่… เจียงหลีอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว
มิฉะนั้น เขาจะจงใจบอกใบ้อีกฝ่ายด้วยคำพูดแบบนั้นไปทำไม? ไม่ใช่เพื่อที่เขาจะสามารถกินยาเพิ่มอีกสองสามเม็ดได้อย่างเปิดเผยหรอกหรือ?
ทันใดนั้นเจียงหลีก็จงใจหายใจถี่ขึ้นโดยทำเหมือนว่าตัวเองกำลังกระวนกระวายใจ “ท่านผู้อาวุโส! ข้าควรทำอย่างไรดี!”
“มันง่ายมาก ตอนที่เจ้ากินยาเข้าไปเพียงเม็ดเดียว ผลข้างเคียงบางอย่างอาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ตราบใดที่เจ้ากินอีกสักสองสามเม็ด มันน่าจะชัดเจนขึ้นใช่หรือไม่?”
“หากเราพบปัญหาก่อนล่วงหน้า เราจะสามารถปรับปรุงสูตรยาได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน!”
ในที่สุดผู้อาวุโสผมแดงก็แสดงธาตุแท้ออกมา
"ไม่! ท่านผู้อาวุโส! ศิษย์น้องเจียงหลียังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณเท่านั้น เขาจะทนไม่—”
เสี่ยวซื่อผู้เป็นศิษย์ในสำนักคนนี้เป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี นางพิจารณาเจียงหลีตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่งเสียงคัดค้าน
ทว่าศิษย์ก็ยังคงเป็นศิษย์อยู่วันยังค่ำ หลังจากที่นางถูกผู้อาวุโสชือฟาตวัดตามอง น้ำเสียงของนางก็เบาลงอย่างรวดเร็วขณะที่นางย่อตัวหลบไปด้านข้างก่อนจะหยุดพูดในที่สุด
“เจียงหลี เจ้ารู้ไหมว่าทำไมยาฟื้นฟูปราณและยาบำรุงปราณที่ศิษย์ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณได้กินมากที่สุดนั้นไม่ใช่ระดับธุลีขั้นต่ำเมื่อมันถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นครั้งแรก?”
หลังจากที่ชายผมแดงถูกเสี่ยวซื่อขัดจังหวะ เขาก็เห็นความลังเลใจที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงหลี ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อโดยเริ่มจากมุมมองอีกมุมหนึ่ง
“ไม่ใช่ระดับธุลีขั้นต่ำ?” เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร แต่เขายังคงรู้สึกทึ่งกับความลับประเภทนี้ในโลกเซียน
"ใช่ ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาสูตรยา ผลของโอสถวิญญาณทั้งสองนี้จริง ๆ แล้วอยู่ในระดับธุลีขั้นสูง และผลกระทบของมันก็มากกว่าปัจจุบันถึง 10 เท่า”
“ห้ะ! มากกว่า 10 เท่า!? แล้วเหตุใดผลของยาทั้งสองนี้จึงแย่ลงกว่าเดิมมาก และถูกกำหนดให้เป็นโอสถวิญญาณระดับธุลีขั้นต่ำ?”
พอได้ยินเรื่องนี้ มันทำให้เจียงหลีรู้สึกตกตะลึงมากจริง ๆ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเม็ดยาพื้นฐานดังกล่าวจะมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้
“มันเป็นเพราะผลข้างเคียง เมื่อสูตรยาถูกพัฒนาขึ้น นักปรุงยาก็พบกับสถานการณ์เดียวกันกับเรา ผลข้างเคียงนั้นมากเกินไปและไม่สามารถกำจัดได้ไม่ว่าจะพยายามทำอย่างไรก็ตาม”
“เพราะฉะนั้น สุดท้ายแล้วนักปรุงยาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลดผลกระทบลงให้ได้มากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงควบคุมผลข้างเคียงให้อยู่ในจุดที่ยอมรับได้ ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจเลือกใช้สูตรยาทั้งสองที่เราได้กินกันในปัจจุบัน”
“ความจริงแล้วยาส่วนใหญ่ในโลกเซียนตอนนี้กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ยาพวกนั้นล้วนมีผลข้างเคียงซ่อนอยู่ต่างกันไป แต่เนื่องจากพวกมันมีอาการน้อยมาก จึงไม่มีใครค้นพบมัน”
“แต่ถ้าเจ้ากินยาด้วยปริมาณที่มากในระยะเวลาอันสั้น ผลข้างเคียงก็จะปะทุออกมาอีกครั้ง”
ขณะที่เขาฟัง เจียงหลีก็ตระหนักและเข้าใจอย่างคร่าว ๆ ว่าผู้อาวุโสผมแดงคนนี้กำลังพยายามจะพูดอะไร
“เจียงหลี หากข้าเลือกหนทางที่มันง่ายดาย ข้าสามารถลดผลกระทบของยาผิวแข็งลงเล็กน้อย แล้วอีกไม่นานข้าจะสามารถผลิตยาผิวแข็งระดับธุลีขั้นต่ำได้”
“แต่ถ้าเป็นกรณีนี้ เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เป็นศิษย์ลงทะเบียนของข้าอีกต่อไป”
ผู้อาวุโสชือฟากล่าวจบแล้วก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่าเขารู้สึกสงสารเด็กหนุ่มซะเต็มประดา
‘…นั่นไง… หลังจากที่พูดอ้อมโลกไปไกล ในที่สุดผู้อาวุโสก็เปิดเผยเป้าหมายที่แท้จริงออกมาเสียที นี่ท่านกำลังขู่ข้าอยู่ใช่หรือไม่?’ เจียงหลีคิดในใจอย่างรู้ทัน
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เจียงหลี”
ฝ่ายลูกศิษย์มีทีท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเหมือนกับมันเป็นเรื่องที่เขาต้องเดิมพันด้วยชีวิต "ข้ายินดีที่จะทำขอรับท่านผู้อาวุโส!"
เมื่อให้คำตอบไปแล้วเจียงหลีก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘หากท่านไม่พล่ามยาวเป็นหางว่าวขนาดนั้น ข้าคงตอบตกลงไปนานแล้ว’
อย่างไรก็ตาม ความลับระหว่างนักปรุงยาในโลกเซียนนั้นเป็นข่าวที่มีค่าสำหรับเขามากกว่าที่คิด
อีกทั้งเด็กหนุ่มยิ่งแน่ใจว่าเขาจะยังต้องเป็นศิษย์ทดสอบยานี้ต่อไป ไม่สิ! เขาต้องเป็นศิษย์ลงทะเบียนไปอีกนาน
เนื่องจากตามที่ผู้อาวุโสชือฟากล่าวมา แม้ว่าผลข้างเคียงของยารุ่นทดลองนี้จะมีมาก แต่ผลในเชิงบวกกลับดียิ่งกว่า แต่หากยานี้มาอยู่ในมือของเจียงหลี ถึงอย่างไรประโยชน์ของมันก็น่าจะมีมากกว่าโทษอย่างไม่ต้องสงสัย
“ดี! ดีมาก เช่นนั้นก็มาต่อกันเลย ตราบใดที่เจ้าช่วยข้าทดสอบสูตรยานี้ ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ลงทะเบียนไว้ ในอนาคตเจ้าจะสามารถช่วยให้ข้าปรับปรุงสูตรยาต่อไปได้”
ขณะนี้ชายผมแดงรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน ในทางกลับกันเจียงหลีเริ่มหยิบยาจากถาดหยกส่งเข้าไปในปากของเขาทีละเม็ด
หนึ่ง… สอง… สาม… สี่… ห้า…
ความเด็ดเดี่ยวของเด็กหนุ่มทำให้ผู้อาวุโสผมแดงและเสี่ยวซื่อตกตะลึง
ศิษย์นอกสำนักผู้นี้กล้าหาญขนาดนี้เลยหรือ?
ในเมื่อเขารู้ว่ายาพวกนี้มีผลข้างเคียงมากมาย ทำไมเขาไม่ค่อย ๆ ลองกินทีละเม็ดล่ะ? นี่เขากำลังล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองอยู่หรือไง!
[กินยาผิวแข็งเกินขนาด เพิ่มสถานะ: ผิวทนทายาด หลังจากเอฟเฟกต์สิ้นสุดลง เลือดจะออกใต้ผิวหนังเป็นจำนวนมาก]
[ผิวทนทายาด: ผิวแข็งขึ้น 230% ความต้านทานต่อพลังปราณจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น 50 แต้ม ระยะเวลา: 45 นาที] (− +)
การที่ผิวแข็งขึ้น 230% หมายความว่าการป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีการต้านทานความเสียหายต่อพลังปราณจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นอีกด้วย
มันเป็นตัวเลขที่น่าพอใจมาก!
ก่อนที่เจียงหลีจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ผลข้างเคียงที่ซ่อนอยู่ซึ่งเขาได้คาดการณ์ไว้แล้วก็ปรากฏขึ้นมาจริง ๆ
ทันใดนั้นโลกเบื้องหน้าเขาพร่ามัว และในไม่ช้าเขาก็มองเห็นฝ่ามือของตัวเองเป็นเพียงแค่ภาพที่เลือนราง
[กินยาผิวแข็งเกินขนาด เพิ่มสถานะ: ตาบอด]
[ตาบอด: การมองเห็นลดลง 90% ระยะเวลา: 3 วัน] (− +)
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นระหว่างการสู้รบ ศัตรูคงจะหัวเราะเยาะเขาจนท้องขัดท้องแข็งเป็นแน่
ในเวลาเดียวกันนั้น สถานะ [ท้องร่วง] และ [โลหิตจาง] ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้อาการกลับทวีความรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิมอีก โชคดีที่เจียงหลีตอบสนองได้เร็วพอ บวกกับที่อินเทอร์เฟซส่วนตัวของเขาไม่หายไปเพราะดีบัฟ [ตาบอด]
หลังจากที่เขากดปุ่มลบไม่กี่ครั้ง ความรู้สึกไม่สบายเหล่านั้นก็คงอยู่แค่ 15 วินาทีก่อนที่สถานะผิดปกติทั้งหมดจะหายไป
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถแสดงสิ่งนี้ให้ใครรู้ได้ว่าเขาหายเป็นปกติแล้ว
เด็กหนุ่มจึงรีบตะโกนออกไปว่า “ข้าอยากเข้าส้วม!!!”
จากนั้นเขาก็รีบตามเสี่ยวซื่อที่นำทางไปยังห้องน้ำอย่างเร่งรีบทันที
ในระหว่างที่เขาอยู่ในห้องน้ำ เด็กสาวได้บันทึกรายละเอียดที่เขาตะโกนบอกผ่านประตูไม้ของห้องน้ำไปด้วย
เมื่อผู้อาวุโสผมแดงได้ยินเรื่องการสูญเสียการมองเห็นอย่างรุนแรง เขาก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่นราวกับว่าเขาไม่ได้คิดเลยว่าจะมีผลข้างเคียงแบบนี้เกิดขึ้น
ถัดมา ชายผมแดงนั่งลงที่หน้าโต๊ะและศึกษาส่วนผสมของยาทุกตัวในสูตรยาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อพยายามค้นหาปัญหา
ส่วนทางด้านของเจียงหลี เนื่องจาก 'ความไม่สบายกาย' และ 'สูญเสียการมองเห็น' เขาจึงถูกเสี่ยวซื่อส่งกลับไปที่เรือนนอนของสำนักชั้นนอก
ก่อนที่นางจะจากไป เขาได้รับค่าตอบแทนสำหรับการทดสอบยาในวันนี้เป็นหินวิญญาณทั้งหมด 30 ก้อนและโอสถวิญญาณอีก 2 ขวด!
หลังจากที่เสี่ยวซื่อกลับออกไป เจียงหลีก็กระโดดลงจากเตียงอย่างกระฉับกระเฉงทันที!
-------------------------------------------
อากิระ talk: เสี่ยวซื่อนี่ก็มีความพยายามเหลือเกิ๊น เหม็นไหมนั่น!