กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
เจียงหลีเหลือบมองหยูป้านเซียซึ่งยังคงเลือกรางวัลของตัวเองอยู่ที่ชั้นวางคัมภีร์
สุดท้ายแล้วการเลือกของพวกเขามีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างเช่นว่า หากพวกเขาเลือกคาถาที่ลึกลับซับซ้อน พวกเขาอาจจะไม่สามารถเรียนรู้มันได้ในเวลาอันสั้น เนื่องจากพวกเขาเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ
อย่างไรก็ตาม หากทั้งคู่เลือกคาถาที่พื้นฐานเกินไป มูลค่าของรางวัลพิเศษนี้ก็จะต่ำและพวกเขาจะเสียโอกาสที่ได้มาไปโดยเปล่าประโยชน์
โชคดีที่เจียงหลีมีปัญหาในด้านนี้น้อยมาก
ถัดมา เขาสัมผัสกระเป๋าใบเล็กในแขนเสื้อของเขาเงียบ ๆ ซึ่งข้างในนั้นมีหินวิญญาณอยู่ 21 ก้อน
ตามท้องตลาด ยาบำรุงปราณมีราคา 2 ก้อนต่อขวด และยาฟื้นฟูปราณมีราคา 1 ก้อนต่อขวด ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้ยาบำรุงปราณและยาฟื้นฟูปราณแลกเป็นหินวิญญาณ 6 ก้อนกับเหยียนหง
เมื่อบวกกับหินวิญญาณ 15 ก้อนที่เขามีอยู่แล้ว เขาจึงมีหินวิญญาณทั้งหมด 21 ก้อน
หลังจากที่เด็กหนุ่มเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ เขาก็ขอให้เหยียนหงช่วยสืบหาราคาของคาถาอาคมในหอเก็บพระคัมภีร์ แล้วได้ความมาว่าคาถาอาคมขั้นพื้นฐานที่สุดบางอย่างของธาตุทั้งห้านั้นมีราคาไม่เกิน 10 ก้อน
แล้วเจียงหลีก็เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ก่อนอื่นเขาเลือก [วิชาควบคุมซอมบี้] ที่เป็นคาถาที่แพงที่สุดเป็นอย่างแรก
ในทางกลับกัน บนชั้นคัมภีร์ของธาตุหยิน-ไม้กลับต่างออกไป เขามองดูคาถาที่มีราคาต่ำที่สุดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถซื้ออะไรที่อยู่บนชั้นวางคัมภีร์นี้ได้อีก
ในทำนองเดียวกัน เจียงหลีเลือกคาถาของธาตุทั้งคู่มาอย่างละเล่มโดยไม่ลังเลก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของผู้อาวุโสประจำหอเก็บพระคัมภีร์เพื่อมอบให้อีกฝ่าย
ผู้อาวุโสหลี่แห่งหอเก็บพระคัมภีร์เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มแล้วกล่าวว่า
“ทั้งหมดเป็นหินวิญญาณ 20 ก้อน”
ด้วยราคาของคาถาอาคมทั้ง 3 เล่ม ทำให้เงินของเจียงหลีลดลงจนแทบจะหมดเกลี้ยงทันที ตอนนี้เขาเหลือหินวิญญาณเพียงก้อนเดียวเท่านั้น
ระหว่างนั้นผู้อาวุโสหลี่เก็บหินวิญญาณใส่ถุงผ้า แม้ว่าหินวิญญาณจำนวนเล็กน้อยนี้จะไม่สำคัญสำหรับเขามากเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังจำเป็นต้องรับมันมา จากนั้นเขาก็หยิบใบหยก 3 แผ่นมาวางลงบนโต๊ะยาว
เนื่องจากเจียงหลีอยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณแล้ว เวลานี้เขาจึงสามารถใช้ปราณแห่งจิตวิญญาณเพื่อเปิดใช้งานใบหยกได้ด้วยตัวเอง
เมื่อเด็กหนุ่มรับใบหยกมาแล้ว เขาก็เดินไปนั่งลงบนเสื่อข้าง ๆ และวางใบหยก 3 แผ่นบนหน้าผากของตัวเองทีละแผ่น ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ แทรกปราณแห่งจิตวิญญาณของเขาลงในใบหยกตามวิธีการที่เขาได้เรียนรู้ในชั้นเรียน สักพักข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับคาถาอาคมที่เขาเลือกก็ไหลเข้าสู่สมองของเขาดั่งสายน้ำ
หลังจากเขาใช้ใบหยก 3 แผ่นติดต่อกัน เขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่เขาไม่รู้สึกเหมือนจะเป็นลมแบบในครั้งแรกอีกต่อไป
ขณะที่เจียงหลีส่งใบหยกคืนให้กับผู้อาวุโส หยูป้านเซียก็เลือกคาถาของเขาได้พอดี
"แล้วเจอกัน"
"แล้วเจอกัน"
มันเหมือนเป็นมารยาทพื้นฐานที่เข้าใจกันโดยปริยาย พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับคาถาที่ตนเองเลือก
เวลาต่อมา เด็กหนุ่มทั้งสองออกจากเขตสำนักชั้นในแล้วก็แยกย้ายกันไปคนละทาง แต่เจียงหลีไม่ได้กลับไปที่เรือนเพื่อฝึกต่อ และไม่รีบเร่งที่จะลองใช้คาถาใหม่ เขาเลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังลานอเนกประสงค์ของสำนักชั้นนอกแทน
ลานอเนกประสงค์คือพื้นที่ที่ศิษย์นอกสำนักใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นย่านการค้าและโถงภารกิจ
ขณะนี้เจียงหลีเดินเข้าไปในย่านการค้าก่อน ซึ่งที่แห่งนี้มีขนาดกว้างใหญ่ แต่ร้านค้ามากมายที่ตั้งอยู่ภายในนั้นกลับไม่เป็นระเบียบและยุ่งเหยิงมาก
นอกจากร้านค้าที่มีหน้าร้านเรียงรายกันอยู่ในพื้นที่แล้ว ยังมีศิษย์อีกหลายคนที่วางผ้าไว้บนพื้นแล้วนั่งลงขายของของตนเองเหมือนเป็นการตั้งแผงลอยในตลาดกลางคืน
สิ่งนี้ทำให้ย่านการค้าของสำนักชั้นนอกเริ่มคึกคักและวุ่นวายมากขึ้น
ทว่าสินค้าที่ขายตามแผงลอยมีราคาต่ำกว่าในร้านค้ามาก ดังนั้นมันจึงดึงดูดลูกศิษย์หลายคนที่ไม่ค่อยมีเงินมากนัก
บางครั้งเหล่าศิษย์ก็มักจะต่อรองราคากันเองจนทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ
และบางครั้งเจียงหลีก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ส่วนใหญ่เขาจะเดินเตร่อย่างไร้จุดหมายไปรอบ ๆ ย่านการค้า ซึ่งแน่นอนว่าการมาที่นี่ไม่เคยทำให้เขารู้สึกเบื่อเลย
ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะเดินไปทางไหน เขาก็จะใช้ทักษะการประเมินระดับ 3 กับสิ่งของที่อยู่รอบตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
อันที่จริงแล้วสินค้าส่วนใหญ่ที่นำมาขายในพื้นที่นี้เป็นของเบ็ดเตล็ดทั่วไป รวมทั้งอาวุธที่นักรบมนุษย์ใช้ เช่น กระบี่ หอก ไม้เท้า และอื่น ๆ ที่มีคุณภาพดี
นอกจากนี้ยังมีขนสัตว์ กระดูก อวัยวะภายในและชิ้นส่วนอื่น ๆ สินค้าพวกนี้ส่วนใหญ่ได้รับมาจากศิษย์นอกสำนักที่ออกไปปฏิบัติภารกิจ
ไม่เพียงแค่นั้น เรายังหาซื้อโอสถ อุปกรณ์วิญญาณ ชิ้นส่วนคัมภีร์ และของใช้สอยต่าง ๆ ได้ที่นี่อีกด้วย แต่มันก็ยังถือว่าเป็นของหายาก อีกทั้งสินค้าเกือบครึ่งเป็นของที่เสียหายหรือของปลอม
แต่ถ้าคิดถึงหลักความเป็นจริง คงไม่มีใครโง่เอาของดี ๆ มาวางขายกันหรอก ถ้าเป็นตัวเขาเองก็ยังอยากจะเก็บของดีไว้ใช้เองเลยเพราะของพวกนี้หาได้ยากมากจนถึงขั้นหาไม่ได้เลยล่ะ
และข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากในย่านการค้านอกสำนักนั้นมีการรักษาความปลอดภัยที่ดีมาก ศิษย์สามารถวางสิ่งของของพวกเขาทิ้งไว้บนพื้นโดยที่ไม่มีใครกล้ามาขโมยหรือปล้นอะไรไป
แต่ท้ายที่สุดแล้ว การมีอยู่ของหอคุมกฎก็เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับเหล่าศิษย์ที่คิดไม่ซื่อ
“พี่ใหญ่ การค้าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เจียงหลีเดินเข้าไปจนถึงส่วนลึกของพื้นที่และได้พบกับสหายเจ้าเนื้อของเขา
ตอนนี้เหยียนหงได้เข้ามาตั้งแผงขายของธรรมดา ๆ อยู่ในย่านการค้า ซึ่งเขาระมัดระวังในการทำการค้าขายมาก
บนผ้าที่เขานำมาปูวางของยังมีสินค้าไม่มากนัก โดยมียาที่หาได้ทั่วไปสองสามอย่างและวัตถุดิบวิญญาณพื้นฐานสองสามชนิดซึ่งเป็นสินค้าที่มีขายทั่วไปตามท้องถนน เจียงหลีเองก็เคยเห็นสินค้าแบบนี้อย่างน้อย 20 ครั้งในระหว่างที่เขาเดินเข้ามาถึงตรงนี้ ส่งผลให้มีลูกค้าเดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าจากแผงของเหยียนหงไม่มากนัก
“ฮิฮิ น้องหลี เจ้านั่นเอง วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ข้าวางแผนว่าจะทนรออีกสักหน่อยและจะเปิดร้านอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า”
องค์ชายน้อยกล่าวพลางโบกหนังสือเล่มเล็กในมือของตัวเองซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยรายชื่อและตัวเลขเขียนเอาไว้
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดถึงกำไรจากการได้รับหินวิญญาณ แต่เขาหมายถึงตัวเลขเหล่านี้ต่างหาก
เหยียนหงอยู่ในตลาดนี้มานานกว่า 10 วันแล้ว ทันทีที่เขารู้กฎ เขาก็ตั้งแผงขายของและนั่งอยู่ที่นี่เกือบทั้งวัน
ส่วนลูกน้องทั้ง 19 คนของเด็กหนุ่มทั้งสอง ทุกคนถูกเรียกตัวมาที่นี่เช่นกัน ทุกวันพวกเขาจะต้องเดินไปรอบ ๆ ย่านการค้าเพื่อถามราคาและต่อรองราคาจากร้านอื่น เสร็จแล้วพวกเขาจะกลับมารวมตัวกันที่เรือนของเหยียนหงเพื่อให้เขาจดบันทึกและจัดตาราง
สำหรับที่นี่เขายังไม่คุ้นเคยและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นกิจการอย่างไร
“เจ้าตั้งใจจะทำการค้าจริง ๆ หรือ ถ้าอย่างนั้นเบี้ยเลี้ยงรายเดือนในเดือนหน้าจะถูกใช้เป็นทุนเริ่มต้นใช่ไหม งั้นเจ้าก็เอาส่วนของข้าไปใช้ก่อนเถอะ แล้วที่สำคัญ อย่าลืมเกี่ยวกับการก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณของเจ้าด้วยล่ะ"
ความกระตือรือร้นของเหยียนหงในการสร้างกิจการเป็นของตัวเองไม่ได้ลดลงหลังจากที่เขาได้เข้าสำนักเซียนเลย แต่เขากลับมีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นไปอีก
และเจียงหลีก็ให้การสนับสนุนต่อสหายของเขาโดยธรรมชาติ เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าหากเขามีพ่อค้าคอยช่วยเหลือ ไม่ว่ามันจะเป็นการซื้อทรัพยากรหรือการขายสินค้า มันจะมีประโยชน์ต่อตัวเขามาก
"ข้ารู้ ๆ ข้ามีรากฐานทางวิญญาณระดับสูงเชียวนะ เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก"
“ว่าแต่วันนี้เจ้าไม่ได้ไปเลือกวิชาคาถาอาคมหรอกหรือ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ เจ้ามีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษหรือไม่? ข้าสามารถหาให้เจ้าได้นะ”
ทันใดนั้นเหยียนหงก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
หลังจากที่เจียงหลีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็นึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับคาถาอาคมในใจของเขาได้และพบว่ามีบางอย่างที่เขาต้องการจริง ๆ
“มีซอมบี้ขายในย่านการค้านอกสำนักนี้ไหม? ราคาเท่าไหร่?”
เด็กหนุ่มที่ได้ยินคำถามจากอีกฝ่ายถึงกับตกตะลึง ก่อนที่เขาจะเกาหัวตัวเองด้วยท่าทางหม่นหมอง
เมื่อเขาใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็แตะน้ำลายบนนิ้วแล้วพลิกหนังสือดูอย่างรวดเร็ว
“มีซอมบี้อยู่แต่พวกมันใหญ่เกินไปและไม่สะดวกต่อการพกพา ความต้องการในสำนักชั่งจิงกู่ของเราก็มีน้อย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่ศิษย์นอกสำนักจะจับพวกมันมา”
“ฉะนั้นตอนนี้ในสำนักชั้นนอก มีเพียงสองร้านเท่านั้นที่มีซอมบี้ขาย และคุณภาพก็ต่ำมากในขณะที่ราคาก็สูงมาก ข้าเลยขอสรุปว่ามันไม่คุ้ม”
“อืม เอาเถอะ ยังไงก็ฝากเจ้าดูให้ข้าหน่อยนะ และข้าก็ต้องการวิธีการจับซอมบี้หรือฝึกพวกมันด้วย”
“อ้อ แล้วก็ฝากเจ้าช่วยดูเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้จิตวิญญาณและวัสดุวิญญาณด้วย สองอย่างนี้ข้าไม่ได้เร่งรีบ แต่ถ้าเจอราคาเหมาะสมก็ซื้อเก็บไว้ได้เลย”
เจียงหลีแจ้งความต้องการของเขาให้เหยียนหงทราบ แล้วสหายคนสนิทก็พยักหน้าพลางจดลงไปในสมุดบันทึกทันที
"แล้วเจอกัน ข้าต้องไปที่โถงภารกิจเพื่อดูว่ามีภารกิจที่สามารถทำได้ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้นหรือไม่”
ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มใช้ทักษะการประเมินของเขาเป็นเวลา 1 ชั่วยามเหมือนทุกวันก่อนที่เขาจะเดินไปยังโถงภารกิจ
ทักษะการประเมินนี้มาพร้อมกับระบบ แต่ตามปกติแล้วความเร็วในการเพิ่มระดับของมันช้ามาก เขาจึงทำได้แค่ต้องใช้ทักษะนี้บ่อย ๆ เพื่อหวังว่าจะสามารถเร่งการเพิ่มระดับได้ และเขาก็ยังไม่สามารถหาซื้อยาที่ช่วยในเรื่องนี้ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาทำให้เจียงหลีเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าการเงินของเขาขัดสนเพียงใด
ในตอนนี้สวัสดิการรายเดือนที่ทางสำนักมอบให้นั้นยังไม่เพียงพอ เขาต้องคิดหาวิธีการหาหินวิญญาณเพิ่มด้วยตัวเอง
แต่เขาไม่รู้วิธีปรุงโอสถหรือหลอมอาวุธ ในฐานะที่เขาเป็นนักพรตที่ไม่มีทักษะพิเศษ เขาจึงทำได้แค่มุ่งหน้าไปยังโถงภารกิจเพื่อดูว่ามีภารกิจใดบ้างที่เหมาะกับเขา
เพราะถึงอย่างไรศิษย์นอกสำนักของสำนักชั่งจิงกู่ก็ต้องทำภารกิจหลังจากผ่านไป 1 ปี ในเวลานั้นศิษย์บางคนที่ยังดึงพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของตัวเองไม่ได้ยังต้องเข้าไปเลือกทำภารกิจเลย
ถ้าแม้แต่คนเหล่านี้ก็สามารถรับภารกิจในโถงภารกิจได้ แล้วทำไมเจียงหลีซึ่งเป็นนักพรตขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้นจะทำแบบเดียวกันไม่ได้?
โถงภารกิจของสำนักชั้นนอกเป็นห้องโถงในร่มที่มีขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์มากมายเดินเข้าออกที่นี่กันไม่ขาดสาย โดยที่บางคนกำลังจับกลุ่มคุยกัน 3-5 คน และคนส่วนใหญ่กำลังรวมตัวกันที่หน้าป้ายขนาดใหญ่สามป้ายเพื่อตรวจสอบภารกิจที่พวกเขาสามารถรับได้
เมื่อเจียงหลีมาถึงที่นี่ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างจากย่านการค้าอย่างชัดเจน
การแสดงออกของศิษย์ที่นี่เห็นได้ชัดว่าเร่งรีบกว่าศิษย์ในย่านการค้า ศิษย์บางคนที่ประจำอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปีถึงกับเปลี่ยนไป พวกเขากลายเป็นคนที่มีท่าทางเยือกเย็นราวกับว่าพวกเขาเห็นทุกคนเป็นศัตรูที่ฆ่าบรรพบุรุษของตนเอง
ในบางครั้ง ศิษย์นอกสำนักที่ดูมีอายุมากกว่าเจียงหลี 2-3 คนก็มาส่งมอบภารกิจ โดยที่บางคนกลับมาด้วยสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ในขณะที่บางคนแบกสัตว์ประหลาดเข้ามาด้วยท่าทางค่อนข้างดุร้าย
พอได้เห็นอย่างนั้นเขาก็เข้าใจขึ้นมาว่าแม้ว่าโถงภารกิจจะไม่มีข้อกำหนดใด ๆ ในการรับภารกิจ แต่เหล่าศิษย์ก็ยังต้องไต่ตรองให้ดีก่อนที่จะรับภารกิจนั้น ๆ ซึ่งภารกิจแบ่งออกเป็น 3 ระดับความยาก และภารกิจที่แนะนำให้ทำก็ถูกจัดประเภทไว้เป็นอย่างดี
โดยภารกิจแบ่งตามขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น ขั้นกลาง และขั้นสุดท้าย
แม้ว่าทั้ง 3 ระดับนี้จะอยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ แต่ช่องว่างระหว่างระดับนั้นมีมากกว่า 10 เท่า
หลังจากเด็กหนุ่มทำความเข้าใจเรื่องพื้นฐานแล้ว เขาก็เริ่มประเมินความแข็งแกร่งของตนเอง เขาเพิ่งเริ่มฝึกตนได้เพียงไม่กี่วันและยังไม่เชี่ยวชาญคาถาอาคมใด ๆ
อีกทั้งคลาสย่อยของเขาก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ผู้ใช้กำลังภายใน อย่างมากที่สุดมันจะช่วยให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่านักพรตทั่วไปที่อยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้นเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ได้มีความได้เปรียบไปกว่าคนอื่นสักเท่าไหร่
ในทางกลับกัน เขาค่อนข้างมั่นใจในความสามารถในการฟื้นฟูของเขา
ขณะที่เจียงหลีคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ตระหนักว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างธรรมดาจริง ๆ จากนั้นเขาก็เดินไปที่ป้ายประกาศภารกิจของขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขั้นเริ่มต้น
..
ศิษย์แห่งเปลวเพลิง: ลูกศิษย์จะต้องไปที่หอโอสถเพื่อควบคุมไฟของเตาหลอมยา แต่ละคนต้องทำงาน 1 ชั่วยามต่อวัน
ข้อกำหนด: รับเฉพาะศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุไฟหรือธาตุไม้
ค่าตอบแทน: ยาฟื้นฟูปราณ 5 เม็ดต่อวันและหินวิญญาณ 1 ก้อน
..
เก็บหญ้าเข็มผี: ลูกศิษย์จะต้องไปที่หอสมุนไพรเพื่อรวบรวมวัตถุดิบวิญญาณในสวนสมุนไพร แต่ละคนต้องเด็ดหญ้าเข็มผีให้ได้ 6 เหลียง*
*1 เหลียง = 50 กรัม
ข้อกำหนด: ไม่มี
ค่าตอบแทน: ยารักษาบาดแผล 1 เม็ดต่อวันและหินวิญญาณ 1 ก้อน
..
ทำความสะอาดสำนัก: ลูกศิษย์จะต้องไปยังเขตที่อยู่อาศัยของสำนักชั้นนอกเพื่อทำความสะอาดสิ่งแวดล้อม แต่ละคนต้องทำความสะอาดพื้นที่ 2 ใน 10 ส่วน
ข้อกำหนด: ไม่มี
ค่าตอบแทน: หินวิญญาณ 1 ก้อนทุก 7 วัน
..
ศิษย์ทดสอบยา: ลูกศิษย์จะต้องไปที่หอโอสถเพื่อทดสอบผลกระทบของโอสถวิญญาณ *รับรองความปลอดภัยของลูกศิษย์
ข้อกำหนด: ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดี
ค่าตอบแทน: หินวิญญาณ 3 ก้อนต่อหนึ่งการทดสอบ
..
-------------------------------------------
อากิระ talk: สรุปเหยียนหงเข้าสำนักมาเพื่อเปิดกิจการของตัวเองใช่ไหม เป็นวัยรุ่นร้อยโลมันธรรมดาไป ต้องเป็นวัยรุ่นร้อยล้านด้วย!