กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
“ไม่เลว ๆ ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ที่ฉลาดและกล้าหาญเช่นนี้”
ผู้อาวุโสพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง… หากเป็นอย่างที่เจียงหลีกล่าวจริง ๆ วิธีนี้ก็มาจากคำสอนของเขา
ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เขาก็สามารถทำให้ศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางมีความสามารถเหนือกว่าศิษย์ที่มีรากจิตวิญญาณระดับสูงหลายคน แล้วผู้อาวุโสคนไหนจะเก่งเกินกว่าเขาในแง่ของความสามารถในการอบรมสั่งสอนศิษย์?
ถ้าข้าเป็นที่สองใครก็ข้ามข้าไปเป็นที่หนึ่งไม่ได้!
ขณะที่ผู้อาวุโสคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สายตาของเขาที่มองไปยังเจียงหลีก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความพอใจมากขึ้น
“มาให้ข้าดูปราณแห่งจิตวิญญาณของเจ้าสักหน่อย”
เด็กหนุ่มทำตามที่อีกฝ่ายบอก เขาดึงพลังปราณแห่งจิตวิญญาณออกจากจุดตันเถียนแล้วปล่อยมันออกจากฝ่ามือ ในขณะนั้นมีลำแสงสีฟ้าอ่อน ๆ หมุนวนอยู่ในฝ่ามือของเขาสองสามครั้งก่อนจะสลายไปเนื่องจากขาดการควบคุม
พลังนั้นทำให้อุณหภูมิภายในห้องเรียนลดลง และเหยียนหงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เจียงหลีก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้
เมื่อผู้อาวุโสเห็นภาพตรงหน้า เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าการพึ่งพายาบำรุงปราณคงจะไม่ช่วยให้เขาสร้างปราณแห่งจิตวิญญาณแบบนี้ขึ้นมาได้
“ดี เจ้ามีปราณแห่งจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์มาก ในอนาคตพลังของคาถาอาคมที่เจ้าใช้จะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น สุสานแห่งนั้นเป็นสถานที่ที่ดีต่อตัวเจ้ามาก”
“สิ่งที่เจ้าทำนั้นถูกต้องแล้ว เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง แต่วิธีนี้ก็อาจจะเสี่ยงมากเกินไปสักหน่อย ถ้าเจ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ผู้ใช้กำลังภายใน เจ้าคงตายไปแล้ว”
ชายที่เป็นผู้อาวุโสยังสั่งสอนลูกศิษย์ต่ออีกเล็กน้อย ทางด้านเจียงหลีเองก็ยังทำตัวราวกับว่าเขาน้อมรับคำสั่งสอนอย่างตั้งใจ นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกพอใจมากขึ้น
“พวกเจ้าเห็นสิ่งนี้หรือไม่? เวลาเรียนกับข้า อย่าสักแต่ฟัง พวกเจ้าต้องนำความรู้ไปพลิกแพลงเพื่อปรับให้เหมาะวิธีฝึกตนของตัวเองด้วย”
“เจียงหลีถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ในภายภาคหน้าพวกเจ้าทุกคนจะต้องมีความยืดหยุ่นในการคิดให้มากขึ้น การฝึกตนก็ต้องใช้ปัญญาเหมือนกัน”
หลังจากที่ผู้อาวุโสใช้โอกาสนี้สอนบทเรียนแก่ศิษย์คนอื่น ๆ จบแล้ว เขาก็มองไปทางเจียงหลีและหยูป้านเซียด้วยสายตาที่อ่อนลง
“หยูป้านเซียและเจียงหลี เนื่องจากเจ้าทั้งสองก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณแล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องมาเข้าชั้นเรียนนี้อีก ให้พวกเจ้าไปที่หอฝึกตนที่อยู่ข้าง ๆ แทน”
“ศิษย์ของสำนักชั้นนอกทุกคนที่ไปถึงขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณจะไปเล่าเรียนที่นั่น ความรู้ที่สอนในหอฝึกตนจะมีเนื้อหาที่ลึกซึ้งมากขึ้นและจะเป็นประโยชน์กับพวกเจ้ามากขึ้นอีกด้วย”
“พวกเจ้าสามารถเรียนรู้คาถาอาคมง่าย ๆ ที่หอฝึกตนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ”
‘หอการเรียนรู้’ ที่พวกเขากำลังเรียนอยู่มีเป้าหมายในการสอนศิษย์ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ เพราะเด็ก ๆ ส่วนใหญ่เพิ่งเข้าสู่สำนักในปีนี้และยังดึงพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของตัวเองไม่ได้
ในทางกลับกันหอฝึกตนที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ มุ่งเน้นสอนศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ ซึ่งชั้นเรียนนั้นจะสอนถึงวิธีใช้พลังปราณแห่งจิตวิญญาณและเคล็ดวิชาอรรถประโยชน์มากมาย
เพราะสุดท้ายแล้วระหว่างการมีปราณแห่งจิตวิญญาณกับการไม่มีนั้นแตกต่างกันมาก มันเหมือนกับว่าแมลงฤดูร้อนไม่สามารถทนต่ออากาศหนาวเย็นได้ฉันใดก็ฉันนั้น
แล้วคนที่ไม่มีปราณแห่งจิตวิญญาณจะทนนั่งเรียนด้วยกันในชั้นเรียนได้อย่างไร?
ดังนั้นจุดประสงค์ของผู้สอนในหอการเรียนรู้คือการให้เหล่าศิษย์เข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณโดยเร็วที่สุด
ส่วนในหอฝึกตน ผู้อาวุโสที่ถ่ายทอดวิชาคาดหวังว่าศิษย์ของพวกเขาจะเชี่ยวชาญในวิชาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมภายในสำนักได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การปลูกสมุนไพรวิญญาณ, การปลูกพืชวิญญาณ และการขุดเหมืองวิญญาณ เป็นต้น
นี่เป็นวิธีเดียวที่ศิษย์ทั้งหลายจะสามารถเติบโตไปเป็นนักพรตที่มีทักษะหลากหลายและมีส่วนช่วยในการพัฒนาสำนักของตนเอง
เจียงหลีคาดไว้แล้วว่าเขาจะได้เข้าเรียนที่ห้องเรียนอื่น ทว่าตามข่าวที่เขารู้มา พวกเขาว่ากันว่าในทุก ๆ ปีจะมีรางวัลพิเศษมอบให้แก่ศิษย์ใหม่ที่ทำผลงานได้ดี
จากนั้นผู้อาวุโสประจำหอการเรียนรู้ได้กล่าวต่อตามที่เด็กหนุ่มคาดเดาไว้ว่า
“ในทุกปีบรรดาศิษย์ใหม่ที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ 10 คนแรกจะได้รับรางวัลพิเศษ และเจ้าสองคนก็จะได้รับรางวัลนี้เช่นกัน”
“มารับยันต์ทั้งสองนี้ไป หลังเลิกเรียนพวกเจ้าสองคนสามารถใช้พวกมันเป็นบัตรผ่านเพื่อเข้าไปยังชั้นแรกของหอเก็บพระคัมภีร์และเลือกคัมภีร์คาถาอาคมเพิ่มได้"
ผู้อาวุโสที่อยู่หน้าชั้นเรียนกล่าวจบแล้วก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย พร้อมกันนั้นกระดาษสีเหลืองสองแผ่นก็ลอยมาวางลงบนโต๊ะข้างหน้าเด็กหนุ่มทั้งสอง
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส!”
หลังจากที่ศิษย์ดีเด่นสองคนกล่าวขอบคุณผู้อาวุโส พวกเขาก็เก็บกระดาษยันต์ให้พ้นจากสายตาอิจฉาของทุกคนในห้องเรียน
ในขณะนี้ศิษย์หลายร้อยคนล้วนส่งสายตาร้อนแรงไปที่เจียงหลีกับหยูป้านเซียพลางคิดในใจว่าพวกเขาจะต้องเพิ่มความพยายามในการฝึกตนเป็น 2 เท่า แต่ด้วยระดับรากฐานทางจิตวิญญาณของตนเอง ณ ตอนนี้ แล้วการฝึกหนักขึ้น 10 เท่ามันจะไปมีประโยชน์อะไร?
รางวัลพวกนี้ถูกเตรียมไว้สำหรับกลุ่มศิษย์ที่มีความสามารถเท่านั้น เพื่อให้ทรัพยากรเหล่านี้ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน เด็ก ๆ ในชั้นเรียนก็เข้ามารุมล้อมยกยอเด็กหนุ่มที่ทำผลงานได้ดีทั้งสองคนทันที
ลู่เฉียนเฉียนกล่าวว่า "ป้านเซีย เจียงหลี พวกเจ้านี่มันเหลือเกินจริง ๆ แอบไปฝึกกันจนสำเร็จแล้วไม่ยอมบอกพวกเราเลยนะ”
เด็กสาวร่างเล็กอดไม่ได้ที่จะบ่นทั้งคู่ แต่ฝ่ายที่ถูกบ่นกลับไม่รู้สึกอึดอัดที่จะได้ยินเธอพูดแบบนั้นเลย
ฉูเฉียนฟานยังกล่าวเสริมอีกว่า “อย่าได้ใจไปล่ะ ข้ารู้สึกได้ว่าความก้าวหน้าของข้าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะตามพวกเจ้าไปติด ๆ แน่นอน”
“พี่หยู พี่เจียง พวกท่านมีเคล็ดลับอะไร สอนพวกเราได้ไหม!”
…
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเจียงหลีและหยูป้านเซียก็จัดการกับความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนจนเสร็จก่อนจะเดินไปยังพื้นที่สำนักชั้นในด้วยกัน
“จำไว้นะว่าพวกเจ้าต้องรีบออกจากสำนักชั้นในทันทีหลังจากที่พวกเจ้าเลือกคาถาอาคมเสร็จแล้ว ห้ามเดินเต็ดเตร่อยู่ที่นี่”
ในครั้งนี้ เมื่อพวกเขาสามคนเดินผ่านทางเดินเข้าสู่สำนักชั้นใน ผู้อาวุโสก็แยกทางกับศิษย์ทั้งสอง เจียงหลีและหยูป้านเซียจึงถูกศิษย์ในสำนักคนหนึ่งมาขวางทางไว้ แต่พอพวกเขาแสดงยันต์ที่ผู้อาวุโสมอบให้ ศิษย์คนนั้นจึงอนุญาตให้ผ่านไปได้
“ชิ วางท่าใหญ่โตกันซะจริง ข้า! หยูป้านเซียจะเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักในอีกไม่นาน ลำพองใจกันเข้าไปเถอะ”
หยูป้านเซียไม่พอใจกับท่าทีของศิษย์ในสำนักคนนั้นมาก
“จริงสิ เจียงหลี ครั้งนี้เจ้าทำให้ทุกคนตกใจมากนะ เจ้าคิดว่าเจ้าจะเลือกวิชาแบบไหนมาเป็นรางวัล”
เจียงหลีรู้สึกว่าท่าทีของอีกฝ่ายที่มีต่อเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลาง เขาจึงมักจะถูกกีดกันออกมาจากกลุ่มเสมอ
แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว เจียงหลีสามารถพึ่งพาสุสานเพื่อฝึกตนได้ บวกกับสถานที่นั้นไม่ใช่ที่ที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวและจะไม่หายไปหลังจากถูกใช้ไปแล้ว นี่หมายความว่าความเร็วในการฝึกตนของเขาจะเพิ่มขึ้นมาก และสถานะของเขาในใจของทุกคนก็จะสูงขึ้นโดยธรรมชาติ
“เจ้าชมข้าเกินไปแล้ว ข้าแค่บังเอิญโชคดีที่เจอทางลัดเท่านั้น ผู้อาวุโสพูดเองไม่ใช่หรือว่าถ้าข้าไม่ใช่จอมยุทธ์ผู้ใช้กำลังภายในที่ทรงพลัง ข้าคงจะตายก่อนที่ข้าจะดึงพลังปราณเข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ”
เด็กหนุ่มไม่ได้แสดงออกให้หยูป้านเซียรู้ตัวว่าเขากำลังทำตัวแปลกไปจากเดิม และตอบอย่างถ่อมตัวกลับไปเท่านั้น
“ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้วิชาอะไรเหมือนกัน ข้าคิดไว้ว่าข้าจะเลือกวิชาของธาตุไม้”
ขณะที่ศิษย์นอกสำนักทั้งสองพูดคุยกัน ไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงหอเก็บพระคัมภีร์
หลังจากนำกระดาษยันต์ไปแปะที่ประตูเสร็จแล้ว ประตูเหล็กของหอเก็บพระคัมภีร์ก็เปิดออกอีกครั้ง
ในบริเวณชั้นวางของคัมภีร์คาถาอาคมก็เหมือนกับพื้นที่ที่เก็บคัมภีร์วิธีการฝึกตน พวกมันทั้งหมดถูกแยกเป็นหมวดหมู่โดยใช้ธาตุเป็นตัวกำหนด
ถัดมา เจียงหลีเริ่มค้นหาคาถาอาคมธาตุหยิน-ไม้
มันเป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ บนชั้นวางมีคาถาอาคมของธาตุหยิน-ไม้ให้เลือกน้อยมาก
หนึ่งในคัมภีร์ไม่กี่เล่มบนชั้นวางคืออาคมที่เป็นส่วนหนึ่งของ ‘วิชาหุ่นเชิด’ มันเป็นมรดกที่สืบทอดมาจากตระกูลของนักพรตไร้สำนักที่เชี่ยวชาญในเรื่องการนำศพมาทำเป็นหุ่นเชิด
หากมองในแง่ของธาตุ เขาน่าจะใช้วิชานี้ได้ แต่สำหรับผู้ควบคุมซากศพ อาคมที่ใช้ล้วนเกี่ยวข้องกับซอมบี้ที่เป็นซากศพเดินได้ ซึ่งการได้รู้อย่างนี้มันทำให้เด็กหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูก
เนื่องจากคนที่เกี่ยวข้องกับซอมบี้มักจะมีจุดจบที่น่าสมเพชไม่ว่าจะเป็นความโดดเดี่ยวหรือไม่ก็วิกลจริตไปเลยใช่ไหม? พวกนักพรตที่ใช้วิชาหุ่นเชิดในภาพยนตร์ที่เขาเคยดูในชาติก่อนมักจะเป็นตัวร้ายในเรื่องแล้วถูกกำจัดทิ้งตลอด นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดว่าวิชาประเภทนี้ถูกมองว่าเป็นวิชามาร
เจียงหลีรู้สึกอยากจะสาปแช่งคนที่กำหนดให้เขาต้องมาเลือกทางเดินที่มีแต่อุปสรรคอย่างนี้
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นประโยชน์กับตัวเขามากเกินกว่าที่จะถอดใจยอมแพ้ไปเสียก่อน
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว เจียงหลีก็เลือกคาถาอาคมที่คุ้มค่าที่สุดจากตัวเลือกที่มีอยู่
[วิชาควบคุมซอมบี้]
-------------------------------------------
อากิระ talk: ที่น้องหลีเป็นเหมือนตัวร้ายในหนังนี่เพราะน้องใช้สูตรโกงจนแคปซูลเกมไหม้ป่ะ มันคงเป็นเวรเป็นกรรมแหละ 55555