Your Wishlist

ขอโทษที! ความโกงของฉันคือเวลาบัพไม่จำกัด (บทที่ 18: ปราณหยิน-ไม้)

Author: Turtle Shell and Hemp Rope (Akira แปล)

กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!

จำนวนตอน : 500+

บทที่ 18: ปราณหยิน-ไม้

  • 23/06/2565

หากเจียงหลีเป็นคนธรรมดาแล้วเข้ามาอยู่ที่สุสานนานกว่า 1 เฟิน เขาคงจะตายไปแล้ว เพราะในสถานที่แห่งนี้หนาแน่นไปด้วยปราณหยิน

 

ขณะนี้เด็กหนุ่มเป็นจอมยุทธ์ผู้ใช้กำลังภายในที่ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังมากกว่าคนทั่วไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว

 

ไม่กี่อึดใจต่อมา กระแสความเย็นได้ไหลเข้าสู่ผิวหนังไปยังกระดูกและวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หากในตอนนี้มีบุคคลภายนอกเข้ามาที่นี่ พวกเขาจะเห็นว่าทั้งร่างของเจียงหลีเปลี่ยนเป็นสีม่วงและริมฝีปากของเขาก็กลายเป็นสีดำ ซึ่งมันทำให้เขาดูไม่เหมือนคนที่มีชีวิตอยู่เลย

 

[ถูกปราณหยินโจมตี เพิ่มสถานะ: ดูดซับปราณหยิน-ไม้]

 

[ดูดซับปราณหยิน-ไม้: พลังชีวิตลดลง 1 แต้มต่อวินาที คุณสมบัติทั้งหมดลดลง 30% สมรรถภาพร่างกายลดลง 1.1 แต้ม ระยะเวลา: 12 ชั่วโมง] (− +)

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีได้เห็นสถานะที่ใช้หน่วยเป็นวินาที อีกทั้งมันยังเป็นดีบัฟอีกด้วย

 

การสูญเสียพลังชีวิต 1 แต้มในทุกวินาทีแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างกายของมนุษย์จะต้านทานปราณหยินของนักพรตที่สะสมอยู่ในสุสานมานานนับร้อยปี

 

อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มไม่ได้เตลิดหนีไปทันทีและไม่ได้ใช้กำลังภายในต่อต้านปราณหยิน แต่เขาพยายามตั้งสมาธิให้จิตใจสงบลง แล้วเขาก็ใช้วิธีการที่เขียนไว้ในคัมภีร์ 'วิชาพฤษาซาตาน' เพื่อนำปราณหยินเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างแข็งขัน

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาใช้เวลาครึ่งเดือนในการแอบฝึกตนอยู่ในห้องที่มิดชิดไม่ใช่หรือ?

 

แม้ว่า ณ ตอนนี้เจียงหลีจะรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่การดึงปราณเข้าสู่ร่างกายของเขาง่ายพอ ๆ กับการปอกกล้วยเข้าปาก วินาทีนั้นเมล็ดพันธุ์ที่เขานึกภาพในใจได้ก่อตัวขึ้นด้วยความเร็วอย่างคาดไม่ถึง จนภาพที่เห็นกลายเป็นภาพที่เสมือนจริงและเต็มไปด้วยพลัง!

 

[วิชาพฤษาซาตานขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ ระดับ 0 → ระดับ 1]

 

[วิชาพฤษาซาตานขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณก้าวเข้าสู่ระดับ 1 เป็นที่เรียบร้อย] 

 

[คลาสใหม่: นักพรต]

 

[ต้องการเปลี่ยนคลาสหลักหรือไม่?]

 

ตอนนี้ระดับของวิชาพฤษาซาตานบนอินเทอร์เฟซของระบบเปลี่ยนไปพร้อมกับมีข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้น

 

จากนั้นเด็กหนุ่มเลือกคำว่า ‘ใช่’ อย่างไม่ลังเล แล้วคลาสใหม่ของเขาก็ถูกแทนที่ทันที

 

[ชื่อ: เจียงหลี]

 

[อายุ: 13 ปี]

 

[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]

 

[คลาสหลัก: นักพรต ระดับ: ขั้นเริ่มต้น]

 

[คลาสย่อย 1: จอมยุทธ์ ระดับ: ชั้น 1]

 

จากการเล่นเกมตามปกติแล้ว คลาสหลักและคลาสย่อยจะมีความแตกต่างกันอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ในการตั้งค่าของเกมดั้งเดิม ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากคลาสหลักจะเพิ่มขึ้น 20% เป็นต้น แต่ในชีวิตจริงก็ยังไม่มีใครทราบว่าสิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

หลังจากที่เจียงหลีฝึกวิชาพฤกษาซาตานไปจนถึงระดับแรกและกลายเป็นนักพรตขั้นเริ่มต้น เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างได้ในทันที

 

แล้วอาการชาอันหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูกดำก็ค่อย ๆ จางลงทีละน้อย ก่อนที่ร่างกายแข็งทื่อของเขาจะเริ่มกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง

 

ในขณะนี้นอกจากเขาจะไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนที่ผ่านมาแล้ว แต่เขายังรู้สึกตัวเบาเหมือนล่องลอยอยู่ในสายลมของฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย

 

เมื่อเด็กหนุ่มมองดูอินเทอร์เฟซจากระบบต่อ เขาก็เห็นว่าสถานะ [ดูดซับปราณหยิน-ไม้] ยังคงอยู่

 

ทว่าตอนนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไป จากปราณหยิน-ไม้ที่หนาแน่นดั่งยาพิษร้ายแรงก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนเป็นพลังเสริมที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา!

 

[ดูดซับปราณหยิน-ไม้: ความเร็วในการฝึก ‘วิชาพฤษาซาตาน’ เพิ่มขึ้น 300% ระยะเวลา: 2 ชั่วโมง] (− +)

 

สถานะนี้ได้ย้ายจากช่องดีบัฟไปยังช่องบัฟแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีกว่าที่เขาคาดไว้มาก

 

ถัดมา เจียงหลีรีบกดปุ่มบวกค้างเป็นเวลา 5 วินาที

 

[ดูดซับปราณหยิน-ไม้: ความเร็วในการฝึก ‘วิชาพฤษาซาตาน’ เพิ่มขึ้น 300% ระยะเวลา: ไม่จำกัด] (-)

 

เพียงแค่เขามีสถานะนี้ ความเร็วในการฝึกตนของเขาจะเทียบได้กับคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ทำให้ในปัจจุบันความเร็วในการฝึกตนของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

ด้วยความที่ว่าเจียงหลีอยากจะตีเหล็กตอนที่ยังร้อน ๆ เขาจึงยังคงตั้งสมาธิหมุนเวียนปราณในร่างกายต่อไป

 

2 เค่อ*ต่อมา เขาได้โคจรพลังปราณไปทั่วร่างกายและกระแสปราณหยิน-ไม้บริสุทธิ์ก็ไหลเข้าสู่จุดตันเถียน

*1 เค่อ เท่ากับเวลา 15 นาที

 

จากนั้นเขาก็หยุดไหลเวียนปราณก่อนจะออกจากห้วงสมาธิโดยที่เขาไม่สามารถซ่อนความสุขที่เอ่อล้นอยู่ในใจเอาไว้ได้

 

ทันทีที่เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นเขาก็ต้องตกใจ เพราะเปลวไฟสีเขียวกำลังลอยอยู่ห่างจากใบหน้าของเขาเพียงไม่กี่คืบ

 

วินาทีนั้นเจียงหลีรู้สึกหวาดกลัวจนต้องก้าวถอยหลังไปสองก้าว ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ได้มีแค่วิญญาณเพียงดวงเดียว แต่พวกมันมีอย่างน้อยหนึ่งร้อยดวง ขณะนี้เปลวไฟกำลังลุกโชนอยู่รอบตัวเขาเงียบ ๆ โดยที่เขาไม่รู้สึกถึงความร้อนเลยแม้แต่น้อย

 

ซึ่งภาพตรงหน้าเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมาก มันเหมือนกับการตื่นขึ้นมาแล้วเจอผู้ชายร่างกายกำยำหลายร้อยคนมายืนยิ้มกว้างอยู่ข้างเตียง!

 

“อยู่ไม่ได้แล้วโว้ยยยย!”

 

หลังจากบรรลุเป้าหมายแล้ว เจียงหลีก็รีบยกต้นไหซู่ขึ้นมาแล้ววิ่งแจ้นออกจากสุสานไปจนฝุ่นตลบ

 

การฝึกตนในที่แบบนี้ต้องอาศัยโชคช่วย เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงของศิษย์นอกสำนักในสำนักชั่งจิงกู่ทำให้สุสานแห่งนี้จึงอุดมไปด้วยปราณหยิน

 

ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จึงเป็นสนามฝึกที่เหมาะกับเขามาก บวกกับที่เขาได้นำต้นไหซู่มาเป็นตัวช่วยในการดึงดูดปราณ มันเลยทำให้ ‘วิชาพฤษาซาตาน’ ของเขาสามารถเข้าสู่ระยะเริ่มต้นได้สำเร็จ อีกทั้งเขายังได้รับบัฟใหม่ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกตนอีกด้วย

 

“ตอนนี้ข้าได้เข้าสู่ขั้นเริ่มต้นของขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณแล้ว หมายความว่าข้าสามารถใช้โอสถวิญญาณเพื่อช่วยในการฝึกตนของข้าได้แล้วสินะ ถ้าเป็นแบบนี้ ความเร็วในการฝึกตนของข้าจะเร็วยิ่งกว่าเดิม”

 

“แต่ศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนหลังจากที่พวกเขาเริ่มฝึกตนครั้งแรกเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ ความเร็วของข้าในตอนนี้เร็วกว่าคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงส่วนใหญ่เสียอีก”

 

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องมาที่สุสานนี้บ่อย ๆ เสียแล้ว อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่ค่อยมีใครย่างกรายเข้ามา ไม่อย่างนั้นข้าจะก็ไม่มีเหตุผลไปอธิบายความเร็วในการฝึกตนที่เกินจริงนี้”

 

ณ เวลานี้เจียงหลีสามารถแบกท่อนซุงได้เหมือนกับแบกนุ่น เพราะพละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อนมาก

 

หลังจากที่เขากลายเป็นนักพรต ร่างกายของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราณหยิน-ไม้ เมื่อถึงเวลาที่มันท่วมท้นอยู่ในจุดตันเถียน มันทำให้เขามีพลังมากมายเหลือล้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพลังนี้สูงกว่ากำลังภายในของเขาอย่างมาก

 

“ข้าเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ แต่มันเทียบได้กับจอมยุทธ์ในโลกมนุษย์หรือเหนือกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ”

 

“การฝึกตนกับการฝึกวรยุทธ์นั้นแตกต่างกันจริง ๆ ด้วย ถ้าในอนาคตข้าได้เรียนรู้วิถีแห่งเต๋า แม้แต่จอมยุทธ์ผู้ปลุกสัญญาตญาณก็จะถูกข้าจัดการได้ในไม่กี่กระบวนท่า”

 

เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองจบแล้วก็รีบกลับไปที่เรือนนอนก่อนจะวางต้นไหซู่ไว้ที่ลานบ้าน ด้วยความที่ว่าตอนกลางคืนนั้นมืดสนิท เขาจึงไม่สังเกตเห็นว่ามีตาไม้หลายตางอกอยู่บนต้นไหซู่เก่าแก่นี้

 

เมื่อเจียงหลีกลับมาที่ห้องนอน เขาก็มองไปที่หม้อดินข้างหน้าต่างแล้วค่อย ๆ ขุดดินออก จากนั้นเขาเห็นว่าเมล็ดที่ถูกฝังอยู่ด้านล่างยังคงไร้ร่องรอยของการแตกหน่อ แต่เขาไม่ได้รีบร้อนและไม่ได้สนใจมันอีกต่อไปหลังจากรดน้ำให้มันอีกครั้ง เสร็จแล้วเขาก็กลับมานั่งอยู่บนเสื่อในห้องพลางหยิบขวดกระเบื้องออกมาจากอกเสื้อของเขา

 

มันเป็นยาบำรุงปราณที่สามารถช่วยในการฝึกตน

 

[กินยาบำรุงปราณ เพิ่มสถานะ: บำรุงปราณ]

 

[บำรุงปราณ : เพิ่มความทนทานของร่างกายมนุษย์ เพิ่มความเร็วของการฝึกตนในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ 50% ระยะเวลา: 2 ชั่วโมง] (− +)

 

แต่ขณะที่การแจ้งเตือนของระบบปรากฏขึ้นมา มือของเจียงหลียังไม่หยุดเคลื่อนไหว ระหว่างนั้นเขายัดยาบำรุงปราณเข้าไปในปากตัวเองทีละเม็ด ๆ

 

ถัดจากนั้น กระแสความอุ่นได้พุ่งเข้ามาในท้องของเขา ก่อเกิดเป็นพลังงานที่ปั่นป่วนก่อนจะไหลขึ้นไปที่หู ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เวลานี้ปราณแห่งจิตแห่งวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเดิมถูกกักไว้ในเม็ดยาก็ค่อย ๆ สลายไป และถูกดูดซับโดยวิชาพฤกษาซาตานที่เขาหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา แล้วเข้าไปเสริมความแข็งแกร่งให้กับเส้นใยของปราณหยิน-ไม้ในจุดตันเถียนของเขาอย่างต่อเนื่อง

 

ในที่สุดเด็กหนุ่มก็หยุดกินยาเมื่อร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกพอง ๆ เหมือนลูกบอลลูนที่ถูกเป่าจนใกล้จะระเบิด

 

[กินยาบำรุงปราณเกินขนาด เพิ่มสถานะ: เร่งการบำรุงปราณ]

 

[เร่งการบำรุงปราณ: เพิ่มความทนทานของร่างกายมนุษย์ เพิ่มความเร็วของการฝึกตนในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขึ้น 200% ระยะเวลา: 3 ชั่วโมง] (− +)

 

…5 วินาทีต่อมา 

 

[เร่งการบำรุงปราณ: เพิ่มความทนทานร่างกายมนุษย์ เพิ่มความเร็วของการฝึกตนในขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณขึ้น 200% ระยะเวลา: ไม่จำกัด] (-)

 

ในช่วงเวลานี้เองที่เจียงหลีตระหนักว่าการฝึกตนเป็นสิ่งที่วิเศษมาก เพราะพลังปราณจิตแห่งวิญญาณได้ไหลเข้าสู่จุดตันเถียนอย่างต่อเนื่อง และร่างกายของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยปราณแห่งจิตวิญญาณหยิน-ไม้ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าตนเองกำลังแข็งแกร่งขึ้นทุก ๆ วินาที

 

ตอนนี้ความเร็วในการฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นถึง 500% นี่เป็นความรู้สึกของคนที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงสุดรู้สึกในยามที่พวกเขาฝึกตนใช่ไหม?

 

มันเป็นไปตามที่เจียงหลีคาดไว้ นิยายที่เขาอ่านบนเว็บไซต์นั้นเขียนเอาไว้ถูกต้อง ความรู้สึกในตอนนี้ดีกว่าความรู้สึกของการมีเซ็กส์เสียอีก โดยปกติแล้วนักพรตมักจะปลีกตัวไปฝึกวิชาเป็นเวลา 2-3 ปีหรือหลาย 10 ปี แต่จริง ๆ แล้วมันไม่น่าเบื่ออย่างที่คนนอกจินตนาการกัน

 

ในขณะที่เขาฝึกตน เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปโดยที่ตัวเขาเองไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ

 

พร้อมกันนั้นเมล็ดพันธุ์ที่เจียงหลีนึกภาพในใจก็ปริแตกออกเล็กน้อยก่อนจะสามารถมองเห็นต้นกล้าที่กำลังจะงอกออกมาอยู่ภายใน

 

 

1 สัปดาห์ต่อมา ณ หอการเรียนรู้ของสำนักชั้นนอก

 

เมื่อผู้อาวุโสเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่ความพึงพอใจจะฉายขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าบางคนประสบความสำเร็จแล้ว!”

 

“ไหนข้าขอดูหน่อยว่ามีใครบ้าง”

 

ผู้อาวุโสที่มาให้ความรู้ประจำสัปดาห์หยิบรายชื่อตามที่นั่งของทุกคนขึ้นมาดู

 

“หยูป้านเซีย รากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูง… อืม ไม่เลว หมายความว่าเจ้าพยายามอย่างหนัก”

 

หยูป้านเซีย ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในแถวแรกของห้องเรียนมาโดยตลอดยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

 

หลังจากกล่าวชมเชยเด็กหนุ่มเสร็จแล้ว คนเป็นผู้อาวุโสก็มองไปที่เจียงหลีต่อ

 

“เจียงหลี รากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลาง?”

 

ผู้อาวุโสที่อยู่หน้าห้องพูดพลางขมวดคิ้วไปด้วย

 

“เจียงหลี เจ้ากินโอสถวิญญาณก่อนหรือไม่”

 

เสียงของผู้อาวุโสแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน มันเป็นปฏิกิริยาแรกของเขาเมื่อได้ทราบว่าศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณได้ในเวลานี้มาจากการใช้โอสถวิญญาณเข้าช่วย

 

อย่างไรก็ตาม เขาได้พูดไปแล้วในบทเรียนแรกของสำนักชั้นนอกว่าศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางและระดับสูงไม่ได้รับอนุญาตให้กินโอสถวิญญาณก่อนเข้าสู่ขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ นั่นจะส่งผลต่อศักยภาพของการฝึกตนในภายหลัง การทำแบบนี้มันได้ไม่คุ้มเสีย!

 

โดยปกติจะมีเพียงศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับต่ำและต่ำต้อยที่ไม่มีศักยภาพจนไม่สามารถเริ่มต้นก้าวผ่านจุดแรกไปได้ด้วยตัวเองเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้โอสถวิญญาณช่วยได้

 

ขณะนี้ผู้อาวุโสรู้สึกว่าเจียงหลีได้ละเมิดคำสอนที่เขาเคยย้ำเตือน เขาจึงรู้สึกไม่พอใจมาก

 

“ท่านผู้อาวุโส ข้าน้อยไม่ได้กินโอสถวิญญาณก่อน ต้องขอบคุณคำแนะนำของท่านที่ทำให้ข้าน้อยสามารถฝ่าฟันมาถึงขั้นนี้ได้อย่างรวดเร็ว”

 

เด็กหนุ่มไม่ได้นิ่งเงียบหรือพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวตั้งแต่แรก เขาเริ่มจากการพูดยกย่องอีกฝ่ายก่อน

 

เขาไม่สนใจที่จะเปลี่ยนความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เป็นการต่อสู้ยืนหยัดเพื่อชื่อเสียงหรือการต่อสู้เพื่อชีวิตและความตาย

 

"โอ้? เจ้าเพิ่งเริ่มฝึกตนได้เพียง 20 วันเท่านั้น ศิษย์คนอื่น ๆ ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงยังไม่สามารถมาถึงขั้นนี้ได้เลย บอกข้าทีว่าข้าให้คำแนะนำอะไรแก่เจ้าถึงทำให้เจ้าเหนือกว่าคนอื่นแบบนี้”

 

แน่นอนว่าผู้อาวุโสคนนี้ยังไม่เชื่อคำพูดของศิษย์ ถ้าเจียงหลีได้รับการสนับสนุนจากนักพรตที่มีพลังแก่กล้าหรือมีผู้อาวุโสคอยชี้แนะตลอด การมีวิธีพิเศษบางอย่างที่ช่วยให้เขาฝึกตนได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้ก็คงไม่มีปัญหา

 

อย่างไรก็ตาม เจียงหลีมีภูมิหลังธรรมดาและเป็นศิษย์นอกสำนักทั่วไป เขาจะมีการพัฒนาขนาดนี้ได้อย่างไรล่ะ?

 

“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่วิธีการฝึกตนที่ข้าฝึกฝนคือ 'วิชาพฤกษาซาตาน' ในชั้นเรียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่านผู้อาวุโสกล่าวว่า…”

 

เด็กหนุ่มอธิบายอย่างใจเย็นถึงสิ่งที่เขาทำ

 

ในขณะที่เขาพูดได้เพียงครึ่งทาง คิ้วของผู้อาวุโสแห่งสำนักชั้นนอกก็คลายลง

 

ชายผู้นี้จะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่สุสานของสำนักชั้นนอกได้อย่างไร? ตอนที่เขาเดินผ่านสุสาน เขาก็บังเอิญได้พบกับวิญญาณร้ายอย่างน้อย 10 ตนจนทำให้เขาต้องได้ลงมือกำจัดพวกมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ต้นไหซู่นั้นตามธรรมชาติแล้วมันเป็นต้นไม้ธาตุหยินและนี่เป็นความรู้ทั่วไปในโลกเซียน ต้นไหซู่ธรรมดาสามารถบำเพ็ญเพียรจนกลายเป็นต้นไม้ที่มีจิตวิญญาณได้หลังจากผ่านไปนับร้อยปีแล้ว แต่ถ้าปลูกมันไว้ในสุสานของสำนักชั้นนอก พลังของมันอาจจะตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปเพียงแค่ 10 ปี

 

เพราะฉะนั้นมันคงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าความเร็วในการฝึก 'วิชาพฤษาซาตาน' ของเจียงหลียังช้ากว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

 

-------------------------------------------

อากิระ talk: ถ้าน้องหลีไม่มีระบบโกง น้องคงจะซี้แหงแก๋ตั้งแต่ตอนนี้ไปแล้ว และนิยายก็คงจบลงตรงนี้ สวัสดีค่ะ (ไหว้ย่อ)

1/6/2022
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป