Your Wishlist

ขอโทษที! ความโกงของฉันคือเวลาบัพไม่จำกัด (บทที่ 16: วิชาพฤษาซาตาน)

Author: Turtle Shell and Hemp Rope (Akira แปล)

กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!

จำนวนตอน : 500+

บทที่ 16: วิชาพฤษาซาตาน

  • 21/06/2565

เจียงหลีได้สลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องของโบราณออกจากหัว เพราะถึงแม้ว่าเขาจะคาดเดาไปเอง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร จากนั้นเขาก็ดูคัมภีร์โบราณอีกสองเล่มต่อ

 

‘วิชาหุ่นเชิด’ เป็นคัมภีร์ที่สืบทอดมาจากตระกูลของนักพรตไร้สำนักที่เชี่ยวชาญในเรื่องการนำศพมาทำเป็นหุ่นเชิด ต่อมาตระกูลของพวกเขาก็ตกต่ำลง ดังนั้นลูกหลานจึงนำคัมภีร์มามอบให้แก่สำนักชั่งจิงกู่ แล้ววิธีการฝึกตนนี้ก็ถูกเก็บไว้ที่หอเก็บพระคัมภีร์แห่งนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

จากเนื้อหาที่เจียงหลีอ่าน เขาได้รู้ว่าในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของตระกูลเคยมีคนในตระกูลก้าวไปถึงขอบเขตฝึกแกนกลางกำเนิดจิตวิญญาณ ซึ่งเขาคิดว่าขอบเขตนี้น่าจะเป็นขีดจำกัดของวิธีการฝึกตนดังกล่าว

 

ส่วน ‘วิชาพฤษาซาตาน’ นั้นค่อนข้างมีความพิเศษ เพราะวิชานี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากมนุษย์ แต่มันมาจากต้นไหซู่*อายุเก่าแก่ที่บำเพ็ญเพียรมานานนับพันปีจนกลายเป็นต้นไม้ที่มีจิตวิญญาณ!

*ชื่อต้นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งของจีน

 

ตามเนื้อหาในคัมภีร์ ต้นไม้แห่งจิตวิญญาณนั้นค่อนข้างดุร้ายมาก เนื่องจากครั้งหนึ่งมันเคยเปลี่ยนภูเขาและแม่น้ำที่อยู่รอบ ๆ หลายร้อยลี้ให้กลายเป็นสุสาน และการฝึกตนของมันได้ไปถึงขอบเขตพิภพอมตะที่เหนือกว่าขอบเขตฝึกแกนกลางกำเนิดจิตวิญญาณ

 

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว สวรรค์ก็พิโรธพร้อมกับส่งอัสนีมาลงทัณฑ์ต้นไม้พันปีจนตาย จากนั้นก็มีนักพรตค้นพบวิชาพฤกษาซาตานบนซากไม้ที่เหลืออยู่แล้วนำมาสืบทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน

 

เมื่อเจียงหลีอ่านเนื้อหาภายในคัมภีร์จบ เขาก็แสดงสีหน้าขมขื่นออกมา จากคัมภีร์โบราณทั้ง 2 เล่มนี้ เล่มแรกบอกว่าเขาต้องไปนอนฝึกตนในโลงศพที่ฝังอยู่ใต้ดิน ในขณะที่อีกเล่มบอกว่าเขาต้องไปนอนฝึกตนในสุสานทุกวัน

 

ในอนาคตหลังจากที่เขาฝึกทั้งสองวิชาจนสำเร็จแล้ว เขากลัวว่าจะถูกคนอื่นกำจัดเพราะถูกมองว่าเป็นนักพรตมาร

 

นอกจากนี้ เขาคิดเสมอว่าวิธีการฝึกตนควรช่วยให้เขาก้าวหน้าไปจนถึงระดับที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง แต่เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าวิธีการฝึกตนเหล่านี้จะมีขีดจำกัดอยู่

 

พอคิดแบบนั้นแล้วเด็กหนุ่มก็ถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะตัดสินใจเลือกวิชาพฤษาซาตานเป็นวิธีการฝึกตนแรกของเขา

 

สิ่งแรกที่ทำให้เจียงหลีเลือกฝึกวิชาพฤษาซาตานก็คือ ขีดจำกัดสูงสุดของ ‘วิชาพฤษาซาตาน’ นั้นสูงกว่า ‘วิชาหุ่นเชิด’ อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เขาก็ไม่สามารถทำใจลงไปนอนฝึกตนอยู่ในโลงศพที่ฝังอยู่ใต้ดินได้ทุกวัน

 

หลังจากเลือกวิธีการฝึกตนเรียบร้อยแล้ว เจียงหลีก็เดินไปที่ทางออกของหอเก็บพระคัมภีร์ เพราะเขามีคัมภีร์เพียง 3 เล่มให้ตัดสินใจเลือกเท่านั้น เขาจึงเป็นคนที่เลือกเสร็จเร็วกว่าคนอื่นมาก

 

ในขณะนี้ ศิษย์ส่วนใหญ่รวมทั้งเหยียนหงยังคงอยู่หน้าชั้นวางคัมภีร์เพราะพวกเขายังตัดสินใจเลือกวิธีการฝึกตนของตัวเองไม่ได้ 

 

ที่หน้าประตูเหล็กมีชายชราคนหนึ่งกับเวิ่งซานฉีซึ่งเป็นคนเปิดประตูให้พวกเขาก่อนหน้านี้กำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะยาวตรงกลางพลางพูดคุยกันว่าเหล้าวิญญาณชนิดใดมีรสชาติดีกว่ากัน

 

“ท่านผู้อาวุโส ข้าเลือกวิธีการฝึกตนของข้าได้แล้ว”

 

เจียงหลีกล่าวแล้ววางคัมภีร์ ‘วิชาพฤษาซาตาน’ ลงบนโต๊ะด้วยท่าทางนอบน้อม

 

เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้อาวุโสทั้งสองที่อยู่หลังโต๊ะยาวก็กระดกเหล้าวิญญาณจนหมดจอก ก่อนจะหันกลับไปมองเด็กหนุ่มและคัมภีร์ที่อยู่บนโต๊ะ

 

“วิชาพฤษาซาตานเป็นวิธีการฝึกตนที่ดีทีเดียว เจ้าหนูก้มหัวลงมา!”

 

จากนั้นผู้อาวุโสแห่งหอเก็บพระคัมภีร์ก็ทำการปลดผนึกอาคมที่ผนึกคัมภีร์ไว้ ทันใดนั้นคัมภีร์ก็พลิกเปิดเองราวกับมีลมกระโชกแรงพัดผ่าน

 

“ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนมีสัมมาคาราวะ งั้นข้าจะช่วยเจ้าอีกสักหน่อยแล้วกัน”

 

ถัดมา ชายที่เป็นผู้อาวุโสหยิบหยกแผ่นยาวและโปร่งแสงออกมาจากใต้โต๊ะแล้วกดมันลงบนคัมภีร์ ไม่นานตัวอักษรสีดำจากในคัมภีร์จำนวนนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเข้าไปในแผ่นหยกที่มีความกว้างเพียงนิ้วเดียว

 

ครู่ต่อมา คำว่า “วิชาพฤษาซาตาน” ก็ปรากฏบนแผ่นหยก ผู้อาวุโสคนนั้นยกมือขึ้นมาตบมันหนึ่งครั้ง ก่อนที่เขาจะกดแผ่นหยกที่เย็นเฉียบลงบนหน้าผากของเจียงหลี

 

“อย่าขัดขืน ทำใจให้สงบและตั้งจิตให้มั่น!”

 

เนื่องจากเด็กหนุ่มเพิ่งมาเข้าร่วมสำนักชั่งจิงกู่ อีกฝ่ายคงไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายเขา และเขาก็ไม่รู้สึกถึงจิตสังหารของคนตรงหน้าเช่นกัน ดังนั้นเจียงหลีจึงไม่คิดที่จะหลบเลี่ยงและปล่อยให้หยกแผ่นนั้นกดลงบนหน้าผากของตนเอง

 

ในเวลาต่อมา ความรู้สึกสดชื่นก็พุ่งเข้ามาในหัวของเขา พร้อมกับชุดตัวอักษรสีหมึกที่ลึกลับและซับซ้อนได้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา

 

“ต้นไม้ผี! วิญญาณที่สิงสู่อยู่ในต้นไม้!”

 

“รากของมันดื่มน้ำจากแดนมรณะ! กิ่งก้านของมันแผ่ขยายบดบังดวงจันทร์บนท้องฟ้า!”

 

“ยามที่ต้นไม้ผีตกลงมาบนโลกมนุษย์ แปรเปลี่ยนทุกสรรพสิ่งรอบตัวให้เป็นพลังหยิน เมื่อมันสัมผัสสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะแกร่งกล้า และเมื่อมันมีอิทธิฤทธิ์ มันก็พลันกระจ่างแจ้ง ต้นไม้ต้นนี้เชื่อมต่อสวรรค์และโลกเข้าด้วยกัน มันมีใบหนาทึบและเขียวขจีตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางดวงจันทร์กลมโต บรรยากาศเย็นยะเยือกน่าสยดสยอง ในบริเวณใกล้เคียงเงียบสงัดไร้สงคราม ทว่ามีกลิ่นอายของความตายอยู่โดยรอบ ดังนั้นที่แห่งนี้จึงไม่สูงส่งหรือยั่งยืน”

 

“ต้นไม้ทั้งหมดพากันเหี่ยวเฉามอดม้วยมรณา กำเนิดเป็นสุสานกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา อสูรกายอีกาทมิฬตั้งถิ่นฐาน บริเวณโดยรอบรกร้างว่างเปล่า พลังแห่งความชั่วร้ายทั้งหมดมีไว้เพื่อคอยหล่อเลี้ยงผีสางที่อ้างว้างและน่าสะพรึงกลัว…”

 

ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ตัวอักษรหลายพันตัวและภาพที่ซับซ้อนมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเจียงหลี

 

ผ่านไปสักพักเด็กหนุ่มก็เอนกายฟุบลงไปกับโต๊ะยาวโดยที่จิตใจของเขางุนงงและสับสนอยู่เป็นเวลานาน

 

“ฮ่า ๆ เจ้าหนู! ทำใจให้สงบเข้าไว้ ไม่แปลกที่เจ้าจะเป็นลม เพราะเจ้ายังไม่ได้เริ่มการฝึกจิตกำเนิดปราณ และเจ้าใช้ใบหยกไปแล้ว ถือว่านี่เป็นความโชคดีของเจ้า” ผู้อาวุโสเวิ่งซานฉีเอ่ยขึ้นมา

 

ในขณะนี้ เจียงหลีรู้สึกได้ถึงแรงที่อ่อนโยนกำลังยกตัวเขาขึ้นและวางเขาลงบนฟูกที่ปูอยู่บนพื้น

 

“หลังจากที่เจ้าตั้งสติได้แล้วค่อยไปขอบคุณผู้อาวุโสหลี่ทีหลังก็แล้วกัน”

 

ต่อมา เด็กหนุ่มยกมือขึ้นนวดขมับตนเองไปมา แล้วอาการวิงเวียนศีรษะก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว

 

‘ใบหยก… นี่คือใบหยกจริง ๆ หรือ? มันคล้ายคลึงกับแผ่นไม้ไผ่ที่นำมาทำเป็นม้วนคัมภีร์แบบโบราณ’

 

ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อหาภายในคัมภีร์และภาพนับพันได้ถูกสลักไว้ในความทรงจำของเขาโดยตรงแล้ว ซึ่งวิธีการแบบนี้เป็นวิธีที่น่าทึ่งมาก ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ไปเขาก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอ่านคัมภีร์อีกต่อไปแล้วใช่ไหม?

 

ไม่กี่นาทีต่อมา ความรู้สึกไม่ดีก่อนหน้านี้ก็จางหายไป

 

แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรออกจึงเรียกอินเทอร์เฟซของระบบขึ้นมาทันที ก่อนที่เขาจะพบว่าในช่องวิธีการฝึกตนมีคำว่า ‘วิชาพฤษาซาตานขอบเขตฝึกจิตกำเนิดปราณ ระดับ 0’ ปรากฏขึ้น

 

‘สรุปว่า…มันเป็นเพียงแค่ขั้นตอนในการฝึกจิตกำเนิดปราณเท่านั้นเองสินะ’

 

เจียงหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและเห็นว่ามีเด็กหลายคนกำลังส่งเสียงโอดครวญในขณะที่พวกเขาคัดลอกเนื้อหาในคัมภีร์

 

ดูเหมือนว่าคนอื่น ๆ จะไม่ได้รับของขวัญพิเศษแบบเดียวกับเขา

 

อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างเด็กหนุ่มที่คิด เพราะศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงบางคนก็มีสภาพไม่ต่างไปจากเขา ตอนนี้พวกเขากำลังนอนตัวงออยู่บนฟูกพลางขมวดคิ้วและกุมหน้าผากแน่น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องได้ใช้ใบหยกเหมือนกับเจียงหลี

 

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสหลี่! ขอบคุณท่านผู้อาวุโสเวิ่ง!” ในขณะนั้น เจียงหลีก้าวเข้าไปใกล้ผู้อาวุโสทั้งสองและคำนับอีกฝ่าย 

 

ใบหยกที่ชายชราใช้กับเขานั้นอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการฝึกตนในคัมภีร์ และมันก็ช่วยให้เขาประหยัดเวลาในการอ่านคัมภีร์ไปอย่างน้อยสองสามวัน

 

เมื่อเทียบกับศิษย์คนอื่น ๆ ที่ยังต้องมานั่งคัดลอกเนื้อหาโดยที่ไม่รู้ความหมายของมัน ใบหยกนี้จึงมีข้อได้เปรียบอย่างมาก

 

“นี่เป็นเบี้ยเลี้ยงเดือนแรกของเหล่าศิษย์นอกสำนัก ต่อแต่นี้ไปในทุก ๆ เดือนเจ้าสามารถไปรับเบี้ยเลี้ยงได้จากหอกิจการภายในของสำนักชั้นนอก”

 

“แล้วก็ในทุก ๆ สัปดาห์ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่พลาดบทเรียนที่ผู้อาวุโสมาถ่ายทอดความรู้ในหอการเรียนรู้ของสำนักชั้นนอก เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปฝึกตนต่อได้แล้ว”

 

เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองคนกล่าวเตือนเสร็จแล้ว พวกเขาก็แค่พยักหน้าส่ง ๆ และไม่ใส่ใจกับท่าทีของเจียงหลีมากนัก ก่อนที่ชายสูงวัยจะโยนถุงผ้ามาทางเขาแล้วบอกให้เขากลับไปที่เรือนของตนเอง

 

ในเวลาต่อมา เจียงหลียืนรอเหยียนหงอยู่ข้างนอกประตูสักครู่ และไม่นานสหายของเขาก็เดินออกมาจากหอเก็บพระคัมภีร์ จากนั้นทั้งคู่จึงเดินกลับไปที่บริเวณสำนักชั้นนอกด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัว

 

พอเด็กหนุ่มสองคนกลับไปถึงเรือนนอน พวกเขาก็เปิดถุงผ้าแล้วเททุกอย่างลงบนโต๊ะ

 

ในถุงผ้าของเจียงหลีมีหินวิญญาณ 3 ก้อนและโอสถวิญญาณ 2 ขวด

 

แต่ยาข้างในกลับมีไม่เต็มขวด เขามองดูฉลากและนับเม็ดยาที่อยู่ข้างในซึ่งมียาบำรุงปราณ 10 เม็ดและยาฟื้นฟูปราณ 10 เม็ด

 

[ชื่อ: ยาบำรุงปราณ]

 

[ประเภท: ยาลูกกลอน]

 

[ระดับ: ธุลีขั้นต่ำ]

 

[หมายเหตุ: ยานี้สามารถช่วยในการฝึกตนได้]


 

[ชื่อ: ยาฟื้นฟูปราณ]

 

[ประเภท: ยาลูกกลอน]

 

[ระดับ: ธุลีขั้นต่ำ]

 

[หมายเหตุ: ยานี้สามารถเติมปราณแห่งจิตวิญญาณได้]

 

มันเป็นไปตามที่เจียงหลีคาดไว้ ยาทั้งหมดนี้อยู่ในระดับธุลีขั้นต่ำ

 

จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันไปมองเหยียนหงที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา หลังจากที่องค์ชายน้อยนับยาเสร็จแล้วเขาก็ได้รู้ว่าเบี้ยเลี้ยงรายเดือนของตัวเองคือหินวิญญาณ 5 ก้อน, ยาบำรุงปราณ 20 เม็ดและยาฟื้นฟูปราณ 20 เม็ด ซึ่งมันเป็น 2 เท่าของเบี้ยเลี้ยงที่เจียงหลีได้รับ

 

นี่ทำให้เขาเห็นว่ารากฐานทางจิตวิญญาณต่างกันแค่ระดับเดียวแต่สวัสดิการที่ได้รับกลับแตกต่างกันมากจริง ๆ

 

“น้องหลี นี่ของเจ้า!”

 

ถัดมา เหยียนหงหยิบหินวิญญาณ 1 ก้อนและยาบำรุงปราณกับยาฟื้นฟูปราณอย่างละ 5 เม็ดออกมาจากถุงเพื่อมอบพวกมันทั้งหมดให้กับสหายคนสนิท

 

ความหมายที่เขาอยากจะบอกก็คือ เขาต้องการแบ่งทรัพยากรกับเจียงหลีอย่างเท่าเทียมกัน

 

ในช่วงแรกของการฝึกตนเป็นเซียน ทุกคนจะต้องเริ่มจากศูนย์กันทั้งหมด ดังนั้นทรัพยากรทุกอย่างจึงมีค่ามาก ในขณะเดียวกันเจียงหลีรู้สึกประทับใจที่อีกฝ่ายทำแบบนี้

 

แต่…สำหรับเด็กหนุ่มแล้ว ปริมาณของยาไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก

 

“ไม่เป็นไร เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก” 

 

“วิธีการฝึกตนของข้าค่อนข้างพิเศษและความต้องการทางทรัพยากรของข้าก็แตกต่างจากศิษย์ทั่วไป”

 

“นอกจากนี้ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าเราจะแบ่งกำไรเท่า ๆ กัน? เมื่อพูดถึงเรื่องของผลประโยชน์ ข้าไม่อยากเอาเปรียบเจ้า”

 

ที่จริงแล้วเหยียนหงอยากจะพูดโน้มน้าวสหายให้รับของไป แต่เจียงหลีไม่ได้พูดปฏิเสธเขาโดยตรง แต่อีกฝ่ายบอกว่าเขาต้องการทรัพยากรที่แตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นเด็กหนุ่มร่างใหญ่จึงทำได้เพียงยอมแพ้

 

“ก็ได้ แต่ถ้าข้าทิ้งเจ้าจนไม่เห็นฝุ่นก็อย่ามาร้องไห้เสียใจทีหลังก็แล้วกัน”

 

“เจ้าอย่ามั่นใจมากเกินไป! เจ้าต่างหากที่จะเป็นฝ่ายร้องไห้!”

 

หลังจากคุยโวกันอยู่ครู่หนึ่งทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปเพราะตอนนี้พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ลองฝึกวิชาของตัวเองเป็นครั้งแรก

 

ขณะนี้เจียงหลีกำลังนั่งขัดสมาธิโดยหงายฝ่ามือแล้วฝ่าเท้าขึ้นพลางคิดว่าท่าทางที่เขาเคยฝึกใช้ฝึกวรยุทธ์กับการฝึกตนคงจะเหมือนกัน

 

ไม่นานหลังจากนั้น เขาเริ่มนึกภาพในใจตามเนื้อหาในคัมภีร์จากใบหยกอย่างช้า ๆ 

 

ทันใดนั้นก็มีภาพเมล็ดพืชค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในใจเขา มันเป็นเมล็ดของต้นไหซู่ที่มีผิวสีน้ำตาลอมเทาและมีรอยร้าวเล็ก ๆ อยู่ตรงขอบ

 

15 เฟิน…

 

30 เฟิน…

 

จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม เจียงหลีก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของตนเองกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็ง

 

มันไม่ได้ผล เขายังห่างไกลจากการเรียนรู้ ‘วิชาพฤษาซาตาน’ อยู่หลายขุมเลย

 

ด้วยประสบการณ์ของเขาที่เป็นจอมยุทธ์ผู้ใช้กำลังภายใน เขาน่าจะสัมผัสถึงปราณแห่งจิตวิญญาณได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั่งสมาธิมาเป็นเวลานาน เด็กหนุ่มก็รู้สึกถึงมันแค่เพียงจาง ๆ เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกนั้นได้อยู่ดี

 

แต่มีคนเคยบอกเขาว่า ‘การเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างนั้นยากที่สุดเสมอ’

 

ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะกินยาบำรุงปราณทั้ง 10 เม็ดก่อนที่จะเริ่มการฝึก

 

แต่ตามวิธีการฝึกตนจากในคัมภีร์ มันเป็นการดีที่สุดที่จะฝึกฝนปราณแห่งจิตวิญญาณต้นไหซู่ด้วยตัวเอง หากเขาฝึกครั้งแรกโดยใช้ยาที่เป็นตัวช่วยเหลือจากปัจจัยภายนอก ในอนาคตก็อาจมีความเสี่ยงมากมายซ่อนอยู่

 

ถัดจากนั้น เขามองออกไปข้างนอกก่อนจะเห็นว่ามันยังเช้าอยู่เลย ซึ่งปกติแล้วองค์ประกอบของการฝึกตนอย่างเช่นทรัพยากร มิตรภาพเวลา และสถานที่ที่เหมาะสม ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น

 

ตอนนี้เวลาและสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสำหรับการฝึกวิชาพฤษาซาตานที่เป็นวิธีการฝึกตนสำหรับธาตุหยิน-ไม้ ดูเหมือนว่าเขาต้องรอจนถึงกลางคืนเสียก่อน

 

 

เจียงหลีวางเรื่องการฝึกตนลงชั่วคราวและเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนที่เขาจะกวาดตามองไปรอบ ๆ โดยไม่ได้เพ่งเล็งไปที่จุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ วันนี้เป็นแค่วันแรกของการเป็นศิษย์นอกสำนักของสำนักชั่งจิงกู่ ทุกคนจึงยังพยายามฝึกตนทำให้ไม่มีใครออกมาเต็ดเตร่อยู่ข้างนอก

 

เด็กหนุ่มรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งนี้มาก จากนั้นเขาก็ปิดประตูกับหน้าต่างทั้งหมดแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าของเขา

 

นี่เป็นของแทนใจที่เด็กสาวในขบวนรถม้ามอบให้แก่เขา ทว่าจนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้จักชื่อของนางเลย

 

ต่อมา เจียงหลีค่อย ๆ คลี่ผ้าเช็ดหน้าในมือออก แล้วเขาก็เห็นว่ามีก้อนหินแบน ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือกลิ้งตกลงไปบนโต๊ะไม้ เขาจึงใช้ทักษะการประเมินกับหินก้อนนั้น

 

[ชื่อ: ก้อนหินที่มีบางอย่างซ่อนอยู่]

 

[ประเภท: ขยะ]

 

[รายละเอียด: ไม่ทราบ]

 

[หมายเหตุ: เปิดดูสิถ้าในครั้งนี้เจ้าอยากรู้ใจจะขาด]

 

มันคือหินที่เขาเก็บมาระหว่างการเดินทาง

 

ปีศาจมัสยาได้พยายามซ่อนมันไว้ โดยเฉพาะปีศาจมัสยาผมขาวตนนั้น ตอนที่เขาเก็บก้อนหินมามันถึงกับคลุ้มคลั่งอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มจึงเดาว่าสิ่งนี้ต้องมีบางอย่างที่สำคัญซ่อนอยู่แน่ ๆ

 

ก่อนหน้านี้เจียงหลีเก็บก้อนหินปริศนาไว้ไม่ให้ใครเห็นเลยตั้งแต่ได้มันมา จนในที่สุดเขาก็ได้มาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและถึงเวลาตรวจสอบหินก้อนนี้แล้ว

 

-------------------------------------------

อากิระ talk: ดูจากวิชาแต่ละอย่าง ดูท่าน้องหลีจะไม่ได้ฝึกวิชาดี ๆ เหมือนชาวบ้านเขาแล้วแหละ 5555

1/6/2022
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป