Your Wishlist

ขอโทษที! ความโกงของฉันคือเวลาบัพไม่จำกัด (บทที่ 10: ความไว้วางใจ)

Author: Turtle Shell and Hemp Rope (Akira แปล)

กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!

จำนวนตอน : 500+

บทที่ 10: ความไว้วางใจ

  • 15/06/2565

“ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ป้ายหยกนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องทำงานหนัก 2 ปีหากเราเข้าร่วมพรรคเซิงเซียน!”

 

‘มันเป็นไปตามที่ข้าคาดไว้เลย! พรรคเซิงเซียนไม่ใช่สำนักที่มีคุณธรรมอย่างที่ใครหลายคนคิด’ เจียงหลีแอบบ่นในใจเงียบ ๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาในขณะที่ฟังคำอธิบายของเหยียนหงต่อ

 

“ผู้อาวุโสฝูบอกข้าว่าคนที่จะเข้าร่วมสำนักเซียนมีข้อจำกัดด้านอายุด้วยเช่นกัน ซึ่งศิษย์ใหม่ที่จะเข้าร่วมสำนักต้องมีอายุต่ำกว่า 16 ปี”

 

“ในทุก ๆ ปี พรรคเซิงเซียนจะส่งเด็กที่มีอายุระหว่าง 13-14 ปีมาคัดเลือกเข้าสำนัก”

 

“หากคนที่มีความสามารถต่ำต้อยและไม่มีเงินเพื่อซื้อป้ายหยกนี้จะถูกบังคับให้ทำงานอยู่ในพรรคเซิงเซียนเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นพวกเขาจึงจะสามารถเข้าร่วมในสำนักเซียนอื่น ๆ ได้หลังจากผ่านไป 2 ปีแล้วเท่านั้น”

 

“สำหรับศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป พรรคเซิงเซียนจะไม่กล้าปกปิดสำนักอื่น นอกจากนี้ทางพรรคยังต้องกลัวว่าหากเด็กเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาอาจจะกลับมาแก้แค้น ฉะนั้นในกรณีของเรา ไม่ว่าเราจะมีป้ายหยกนี้หรือไม่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร”

 

“แต่ถึงอย่างไร ศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณตั้งแต่ระดับต่ำลงไป และครอบครัวยากจนที่ไม่มีความสามารถในการซื้อป้ายหยกจะถูกทุกคนมองข้ามไป ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาจะต้องเสียเวลา 2 ปีในการทำงานในสถานที่ต่าง ๆ ที่พรรคเซิงเซียนจัดให้”

 

“แต่บางคนอาจจะเลือกเข้าร่วมพรรคเซิงเซียนเนื่องจากถูกล้างสมองและทำงานให้กับพรรคต่อไป แล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคนพวกนั้นจะได้รับการฝึกฝนให้เป็นเหมือนทาสที่ต่ำต้อยถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมสำนักอื่น พวกเขาก็ยังจะเชื่องและมีความจงรักภักดีต่อสำนักนั้น ๆ เหมือนกัน”

 

“การยอมรับเงินทองและของมีค่าจากโลกมนุษย์ทำให้พรรคเซิงเซียนมีอำนาจควบคุมโลกมนุษย์ในเขาฉงซาน หลังจากที่ผู้ฝึกตนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับต่ำถูกใช้แรงงานอย่างหนักมาตลอดระยะเวลา 2 ปี มันทำให้พวกเขาถูกควบคุมได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาก็ไม่มีความก้าวหน้าเลย การทำแบบนี้มีประโยชน์ต่อสำนักอื่นและพรรคเซิงเซียนมากเพราะถึงยังไงในสำนักพวกนี้ก็ยังต้องการคนที่มาเป็นคนรับใช้พวกเขาอยู่ตลอดเวลา ประเพณีนี้จึงสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน”

 

 

เมื่ออธิบายจบแล้วเหยียนหงก็มองไปที่เจียงหลีด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวต่อว่า "น้องหลี ข้ามีความคิดดี ๆ อย่างหนึ่ง แต่ข้าต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้า!"

 

เจียงหลีหัวเราะเต็มเสียงในขณะที่เขาเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อแล้วดึงถุงผ้าออกมาวางไว้บนมือของสหายร่างใหญ่ ซึ่งข้างในถุงผ้านั้นมีป้ายหยกของพรรคเซิงเซียน 2 ป้ายและหินวิญญาณอีก 8 ก้อน

 

เด็กหนุ่มเชื่อใจเหยียนหงเพราะตอนที่เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบาก อีกฝ่ายได้มอบยาดอกหลีฮวาให้เขาโดยไม่คิดเล็กคิดน้อย แม้ว่าเพื่อนคนนี้จะไม่คืนหินวิญญาณ 8 ก้อนนี้ให้ เจียงหลีก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไร เขาแค่จะยุติความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่ลงแค่นั้น

 

ทว่าหากเหยียนหงไม่โกหกเขา ความไว้วางใจระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

 

นี่เป็นสิ่งสำคัญมาก มันก็เหมือนกับการเล่นเกม ถ้าเราต้องสร้างทีมเพื่อเก็บเลเวล เราจะต้องอาศัยความเชื่อใจและการทำงานร่วมกันเป็นทีมสูงมาก แล้วในโลกเซียนก็คงไม่ต่างกัน จะมีใครที่สามารถก้าวเข้าสู่ความเป็นเซียนได้สำเร็จเพียงลำพังบ้าง? คงเป็นการดีกว่าที่มีสหายคอยระวังหลังให้กัน คอยช่วยเหลือกันและกัน

 

ด้วยเหตุนี้ เจียงหลีจึงต้องการเพื่อนที่เหมือนกับเพื่อนสมัยเรียนในโลกเก่าซึ่งเพื่อนของเขาทุกคนล้วนจริงใจและไว้ใจได้ที่สุด

 

เด็กหนุ่มจึงหยิบหินวิญญาณกับป้ายหยกออกมาส่งให้เหยียนหงโดยไม่ลังเลเลย

 

“เจ้าอยากได้คนพวกนั้นมาเข้าร่วมกลุ่มของเราใช่ไหม? ขอแค่มีวิธีที่จะทำให้พวกเขาภักดีกับเรา ข้าก็จะสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่”

 

“ถึงแม้ว่าจะมีคนมากมายอยู่รายล้อม แต่หากไม่มีใครที่เราสามารถวางใจได้ มันก็ไม่มีความหมาย”

 

เจียงหลีกล่าวพลางชี้ไปทางกลุ่มเด็กทั้งสี่ที่กำลังนั่งคุยกันอย่างมีความสุข หากทั้งคู่เลือกนั่งที่โต๊ะใดโต๊ะหนึ่งที่ยังว่าง ทั้งคู่ก็คงจะถูกผู้คนมารุมล้อมไม่ต่างจากเด็กสี่คนนั้น แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเขา

 

ท้ายที่สุดแล้วในการคัดเลือกศิษย์ที่สมัชชาแห่งพรรคเซิงเซียนก็กำลังจะถูกจัดขึ้นหลังจากนี้ไม่นาน แล้วเด็กพวกนี้จะละทิ้งสำนักที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเองเพราะกลุ่มที่พวกเขาเลือกในตอนนี้หรือไม่? 

 

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!

 

“ฮิฮิ ข้ารู้ว่าเจ้าจะเข้าใจข้า”

 

“ข้าไปถามมาแล้ว ในโลกเซียนมีสัญญาประเภทหนึ่งที่ไม่สามารถผิดคำสัญญาได้หลังจากลงนามไปแล้ว ส่วนสัญญาที่ถูกที่สุดมีราคาเท่ากับหินวิญญาณ 5 ก้อนเท่านั้น”

 

“นอกจากนี้ ในหลายสำนักใหญ่ ศิษย์นอกสำนักจะได้รับหินวิญญาณรายเดือนในช่วง 2-3 ปีแรก แม้แต่ศิษย์ฯระดับต่ำที่สุดก็ยังได้รับหินวิญญาณ 1 ก้อนต่อเดือน”

 

“เมื่อถึงเวลานั้น เราจะได้รับกำไรเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าแค่เราเก็บหินวิญญาณรายเดือนของคนพวกนี้เท่านั้น! เจ้าลองคิดส่วนแบ่งที่จะได้รับทั้งหมดดูสิถ้าเราแบ่งกำไรกันคนละครึ่ง!”

 

ขณะนี้ยิ่งเหยียนหงพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหยิบหินวิญญาณอีก 2 ก้อนและป้ายหยก 1 ป้ายออกมา เมื่อรวมกับที่เจียงหลีให้มาก่อนหน้านี้จึงมีหินวิญญาณทั้งหมด 10 ก้อนและป้ายหยก 3 ป้าย

 

ดูเหมือนว่าเจียงหลีจะเป็นฝ่ายที่ลงทุนเยอะกว่าหลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันว่าพวกเขาจะแบ่งกำไรกันคนละครึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น สหายเจ้าเนื้อจะเป็นคนจัดการงานส่วนที่เหลือ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบเก็บเกี่ยวจากผลงานของคนอื่น

 

เหยียนหงใช้เวลาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะหยิบหินวิญญาณ 4 ก้อนออกมาและมองเจียงหลีด้วยท่าทางที่ต้องการจะบอกว่า 'จงดูข้า'

 

ต่อมาเขาหยิบจอกสุราขึ้นมาจากโต๊ะอาหารที่อยู่ข้าง ๆ ตนเองแล้วเดินไปหากลุ่มเด็กทั้งสี่ที่เปลี่ยนมาจัดโต๊ะล้อมวงกันแล้วด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ดื่มอวยพรให้กับพวกเขา ตามด้วยการพูดคุยและหัวเราะอย่างเป็นกันเอง รวมไปถึงกล่าวคำเยินยออีกฝ่ายไปต่าง ๆ นานา หลังจากที่พวกเขายกจอกสุราไปจอกแล้วจอกเล่า บรรยากาศรอบตัวก็ครึกครื้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ภาพตรงหน้าทำให้เจียงหลีนึกถึงพนักงานขายดีเด่นอันดับต้น ๆ ในชีวิตก่อนหน้านี้ที่กำลังมอบความบันเทิงให้กับคู่ค้าของเขา ควบคู่ไปกับใบหน้าที่กลมมนนั้นมันยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูเหมือนฝูจงมากขึ้นไปอีก

 

“ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นเซียน ความจริงแล้วเจ้ามาที่นี่เพื่อหาเงินจากในโลกเซียนใช่ไหม?”

 

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เหยียนหงก็กลับมาด้วยรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าพร้อมกับที่เขาถือถุงผ้าตุง ๆ อยู่ในมือ เห็นได้ชัดว่าเขาได้กำไรมาเยอะพอสมควร

 

“ฮิฮิ น้องหลี่ เจ้าพูดผิดแล้ว การทำมาหากินมันไม่ดีตรงไหน? ใครบอกว่าจะหาเงินไปด้วยแล้วฝึกตนไปด้วยไม่ได้? การเป็นนักปราชญ์นั้นยากจนในขณะที่จอมยุทธ์กลับร่ำรวย แต่การฝึกตนนั้นมีราคาสูงกว่าเพราะเราจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมาก ข้าแค่รู้สึกว่าการมีหินวิญญาณมากพอเท่านั้นจึงจะทำให้เราเดินทางไปถึงจุดสูงสุดได้เร็วขึ้น!”

 

“แต่ไม่ต้องกังวลไปน้องหลี ถึงยังไงเจ้าก็เคยช่วยชีวิตข้ามาก่อน!”

 

เด็กหนุ่มร่างท้วมหมายถึงตอนที่เขาถูกปีศาจมัสยาโจมตี ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาจะดื่มมากไปหน่อยทำให้เขาเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง

 

“น้องหลี เจ้าอย่า… อย่าพูดว่าเจ้าจะตอบแทนข้า สิ่งที่ข้าทำให้เจ้ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และข้าเห็นว่าเจ้าเชื่อใจข้า”

 

เขาพูดพลางตบกระเป๋าที่เต็มไปด้วยหินวิญญาณและป้ายหยก เขารู้สึกประทับใจมากกับความไว้วางใจของเจียงหลีที่มีต่อเขา

 

“ยังไงก็เถอะ ตอนที่เจ้าช่วยชีวิตข้า เจ้าเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน”

 

ในขณะเดียวกันเหยียนหงวางมือบนไหล่ซ้ายของเจียงหลี ราวกับว่าเขากำลังสัมผัสรอยแผลเป็นที่อยู่ใต้เสื้อผ้าของอีกฝ่าย

 

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกระทบกระเทือนจิตใจเขาอย่างมาก

 

“ถ้าเจ้ามาไม่ทันเวลา ข้าคงถูกไอ้ปีศาจมัสยาบ้านั่นกินไปแล้ว!”

 

“ข้า! เหยียนหงผู้นี้จะขอสาบานไว้ตรงนี้เลยว่า ไม่ว่าในภายภาคหน้าข้าจะหาเงินมาได้มากแค่ไหน เงินพวกนั้นครึ่งหนึ่งจะเป็นของเจ้า!”

 

หลังจากที่เขากล่าวคำสาบานจบ เด็กหนุ่มตัวใหญ่ก็ยกจอกสุราไปทางสหายคนสนิทอีกครั้ง

 

เหยียนหงเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก แต่อย่างไรก็ตาม เขายังอายุเพียงแค่ 13-14 ปีเท่านั้น หากเทียบกับในชีวิตเก่าของเจียงหลี ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่เขาเลือดร้อนและต้องการเพื่อนที่ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันมากที่สุด

 

‘บุญคุณที่ช่วยชีวิตในคราวครั้งนี้ ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด’ ไม่มีทางที่คน ๆ หนึ่งจะตอบแทนบุญคุณที่ตนถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ประโยคนี้เป็นคำพูดที่นิยมพูดกันในยุคนี้ไม่ใช่หรือ?

 

เจียงหลียิ้มและยกจอกสุราขึ้นมาเช่นกัน แล้วทั้งสองคนก็ชนแก้วกันก่อนที่จะกระดกของมึนเมาจนหมดในคราวเดียว

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”

 

“นี่เจ้า! เกรงใจกันสักหน่อยไม่ได้หรือ?”

 

จากนั้นทั้งสองคนก็เปล่งเสียงหัวเราะร่า ถัดมาเหยียนหงหยิบของบางอย่างจากในเสื้อและวิ่งออกไปตามหาฝูจง

 

ในกลุ่มขบวนรถม้าของพวกเขา ผลลัพธ์ของการทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณคือ คนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางมี 19 คน และคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงมี 5 คน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เด็กทั้ง 24 คนเหล่านี้ไม่ต้องใช้ป้ายหยกของพรรคเซิงเซียน

 

นอกจากเจียงหลีและเหยียนหงแล้ว ยังมีคนธรรมดาอีก 7 คนที่ไม่มีป้ายหยก เหยียนหงจึงใช้หินวิญญาณ 4 ก้อนเพื่อแลกกับป้ายหยก 15 อันที่เหลืออยู่มา

 

ซึ่งแน่นอนว่าหินวิญญาณทั้ง 4 ก้อนนั้นถูกมอบให้กับศิษย์ 4 คนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงเท่านั้น

 

เนื่องด้วยเหยียนหงก็เป็นคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงและมีหินวิญญาณมาแลก บวกกับป้ายหยกพวกนั้นก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเขา พอเหยียนหงเข้าไปขอจากคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยอมมอบป้ายหยกให้อีกฝ่ายไปแต่โดยดีใช่หรือไม่?

 

-------------------------------------------

อากิระ talk: นอกจากเหยียนหงจะเหมาะทำงานหน่วยข่าวกรองแล้ว ยังหาเงินเก่ง ทำธุรกิจเก่งไปอี๊ก เจียงหลี เกาะขาพี่ใหญ่คนนี้ไว้ให้แน่น ๆ นะลูก

 

1/6/2022
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป