กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
ฝูจงถอนหายใจแล้วนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อว่า
“หนุ่มน้อย ข้าจะพูดตรง ๆ นะ ในสำนักเหล่านั้น คนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงสุดจะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ในสำนักได้โดยตรง สำหรับศิษย์นอกสำนักนั้น พวกคนในสำนักจะให้ความสำคัญกับศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงมากกว่าศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลาง”
“เอาอย่างนี้ไหม หนุ่มน้อยเจียงหลี? ข้า ฝูจงผู้นี้รู้สึกเสียดายเจ้ามาก หากเจ้าสามารถโน้มน้าวให้สหายของเจ้าเข้าร่วมพรรคเซิงเซียนได้ ข้าจะดูแลเจ้าเทียบเท่ากับศิษย์ที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูง เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”
พอเจียงหลีได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ จากนั้นเขาเหลือบมองเหยียนหงจากหางตาก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นคำนับผู้ดูแลพรรคเซิงเซียน
“ผู้อาวุโสฝู ข้าขอขอบคุณสำหรับความกรุณาของท่าน… ข้าจะพยายาม” ในขณะที่เขาพูดประโยคสุดท้าย เขาลดเสียงลงราวกับว่าเขาอยากจะเกลี้ยกล่อมเหยียนหงให้เข้าเป็นศิษย์ของพรรคเซิงเซียนจริง ๆ
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น ใบหน้าของฝูจงก็แสดงออกถึงความพึงพอใจมาก พร้อมกับที่ดวงตาเรียวเล็กหรี่ลงจนเป็นเส้นตรง
ต่อมา เด็กหนุ่มก้มลงมองป้ายแกะสลักไม้ที่แขวนอยู่บนอกของเขาและเผยรอยยิ้ม ในเวลาเดียวกับที่เหยียนหงเดินมายืนอยู่ด้านข้างเขา
จากเหตุการณ์ที่ขบวนรถม้าถูกปีศาจมัสยาโจมตี เจียงหลีเข้าใจได้ว่าพรรคเซิงเซียนน่าจะดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการค้ามนุษย์เป็นส่วนใหญ่
เขาและเด็กคนอื่น ๆ ในขบวนรถม้านั้นไม่ได้มีความแตกต่างกับปีศาจมัสยามากนัก พวกเขาก็เป็นเหมือนสินค้าที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับคนในพรรคเหล่านี้ได้
ทว่าหลังจากได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของฝูจง มันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้น
จากสิ่งที่ผู้อาวุโสฝูแสดงออกมา เห็นได้ชัดว่าคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปนั้นน่าดึงดูดสำหรับพรรคเซิงเซียนและสำนักเซียนอื่น ๆ พอสมควร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้พวกเจียงหลีจะยังอยู่ในอาณาเขตของพรรคเซิงเซียน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้บังคับคนที่มีศักยภาพให้เข้าร่วมกับพรรคของตนเอง เขากลับใช้วิธีที่ฉลาดหลักแหลมโดยการยื่นข้อเสนอมาเกลี้ยกล่อมพวกเขา
นี่หมายความว่ามันต้องมีกฎเกณฑ์บางอย่างที่ถูกตั้งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ทางพรรคทำอะไรไม่ดีกับเด็กใหม่ทั้งหลาย
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นเพราะพรรคเซิงเซียนเกรงใจสำนักเซียนอื่นที่อยู่ใกล้ ๆ เนื่องจากในสำนักเซียนเหล่านี้มีเซียนระดับสูงที่บําเพ็ญเพียรมานานกว่าหลายร้อยหรือหลายพันปีเป็นผู้ควบคุมอยู่
แม้ว่างานในการค้นหาและคัดเลือกศิษย์จะถูกส่งต่อไปให้พรรคเซิงเซียนที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเพื่อความสะดวกสบาย แต่พวกเขาจะต้องตั้งข้อกำหนดกฏเกณฑ์ขึ้นมาให้ครอบคลุมที่สุด ไม่อย่างนั้น ทุกครั้งที่พวกเขาคัดเลือกศิษย์ คนที่มีศักยภาพในการฝึกตนสูงจะถูกพาตัวไปที่พรรคเซิงเซียนทั้งหมด แล้วหลังจากเวลาผ่านไปไม่เกินร้อยปี โลกเซียนจะตกอยู่ภายใต้อำนาจของพรรคเซิงเซียนอย่างแน่นอน
เมื่อเวลาผ่านไป 2 เค่อ* เขตอาคมทดสอบพลังวิญญาณก็ดับลง ในบรรดาแปดคนที่เหลือ ไม่มีใครที่สามารถเติมลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณจนเต็มได้แม้แต่คนเดียว
*เค่อ คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน หนึ่งเค่อ เท่ากับเวลา 15 นาที
และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในบรรดาเด็กทั้งแปดคน เหยียนเฟิงเยว่ผู้มีท่าทางหยิ่งผยองซึ่งเป็นต้นเหตุของการตายของเจียงหลีคนเก่า บัดนี้นางกำลังแสดงสีหน้าโดดเดี่ยว จากนั้นคนของพรรคเซิงเซียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนางก็แขวนป้ายไม้ที่สลักคำว่า ‘รากฐานทางจิตวิญญาณระดับต่ำ’ ไว้ที่คอของนาง
ในขณะเดียวกันเจียงหลีเหลือบไปเห็นเด็กสาวที่กำป้ายไม้ไว้แน่นพลางกวาดสายตามองดูป้ายไม้ของคนอื่น ๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
นางคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่และมีคนมาห้อมล้อมเอาอกเอาใจนางตั้งแต่ยังเด็ก ในระหว่างที่นางทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณ นางคาดว่านางกำลังจะได้ไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าตนเองจะมีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับต่ำแบบนี้
ในทางกลับกัน เจียงหลี เหยียนหงและหลี่ไป๋เฉินที่นางเคยดูถูกก่อนหน้านี้มีพรสวรรค์เหนือกว่านางมาก
สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกริษยาพวกเขาจนแทบเป็นบ้า แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ นางจึงทำได้เพียงแค่ยอมรับความเป็นจริงก่อนจะเริ่มวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง
‘เหยียนหงกับเจียงหลีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แล้วหนึ่งในนั้นมีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูง ในขณะที่อีกคนหนึ่งมีรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุคู่ระดับกลาง หากพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาจะเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมากที่สุดแน่ ๆ’
‘เหยียนหงและข้าต่างก็มาจากสายเลือดราชวงศ์ของหงหยาน ส่วนเจียงหลีก็เคยแสดงท่าทีว่าชอบพอข้า แม้ว่าเขาจะถูกทำร้ายเพราะข้า แต่เขาก็ไม่ควรตำหนิข้าได้สำหรับเรื่องนี้ ตราบใดที่เหยียนหงพูดแทนข้า ข้าก็แค่ทำตัวให้น่าสงสารและทำให้เขาตกหลุมรักข้าอีกครั้ง’
‘หากข้าสามารถเข้าร่วมกับเหยียนหงและไอ้หื่นเจียงหลีนั่นได้ แล้วให้พวกเขาช่วยเหลือ บางทีอนาคตของข้าอาจจะ…’
ความจริงแล้วไม่ใช่เหยียนเฟิงเยว่คนเดียวที่มีความคิดในลักษณะนี้
เมื่อเด็กในขบวนรถม้าเดียวกับเจียงหลีรู้ผลการทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณของตนแล้ว คนที่เคยจับกลุ่มกันตั้งแต่อยู่ในขบวนรถม้าก็แตกกลุ่มกันออกไปคนละทิศละทาง
เด็กเหล่านั้นไม่ใช่คนโง่ พวกเขาแต่ละคนมีความคิดในการพิจารณา ‘คุณค่า’ ในตัวของบุคคลตามสัญชาตญาณ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้คนที่มีศักยภาพในการฝึกตนสูงเป็นจุดศูนย์กลางแล้วพวกเขาก็จับกลุ่มขึ้นมาใหม่ในเวลาไม่นาน
หลังจากที่ทุกคนรอคอยมาเป็นเวลานาน การทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณของคนมากกว่า 200 คนก็จบลงในที่สุด
ขณะนี้คนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางมีทั้งหมด 19 คน ซึ่งเจียงหลีเป็น 1 ในนั้น ส่วนคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงมีเพียง 5 คน แต่ไม่มีใครที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงสุดแม้แต่คนเดียว
ความโหดร้ายของการคัดสรรค์ตามธรรมชาติในโลกเซียนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…
“เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนทำการทดสอบเสร็จแล้ว รวมถึงรู้ธาตุและระดับรากฐานทางจิตวิญญาณของตัวเองกันแล้วใช่ไหม”
“บัดนี้ เชิญคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางขึ้นไปกับคนที่มีป้ายหยกของพรรคเซิงเซียนตามข้ามา เราจะออกเดินทางไปยังสมัชชาแห่งพรรคเซิงเซียนในอีกไม่ช้า”
“ส่วนคนอื่น ๆ ให้ยืนรออยู่ที่เดิม พวกเจ้าจะถูกส่งไปอีกที่หนึ่ง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าชายหญิงเกือบครึ่งหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ถูกตัดเย็บมาอย่างปราณีต รวมถึงคนที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาแต่มีรากฐานทางจิตวิญญาณในระดับกลางขึ้นไปรีบเดินไปทางฝูจงอย่างรวดเร็ว
แล้วเด็กที่สวมเสื้อป่านเนื้อผ้าหยาบ ๆ หลายร้อยคนก็ถูกทิ้งให้ยืนละล้าละลังอยู่ในห้องโถง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าครอบครัวของพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะหาป้ายหยกมาให้พวกเขาได้
'เป็นไปได้ไหม…' เจียงหลีกับเหยียนหงหันมาสบตากัน ทั้งคู่กำลังคาดเดาถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
“ข้าจะลองไปถามดู”
เหยียนหงดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน เขากล่าวจบแล้วก็เดินไปหาฝูจงที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้ากลุ่มคนและพูดอะไรบางอย่างกับอีกฝ่าย
พวกเขาสองคนมีใบหน้าอ้วนกลมเหมือนกัน เมื่อยืนอยู่ข้างกันแล้วทั้งคู่กลับดูเข้ากันอย่างน่าประหลาดใจ
อาจเป็นเพราะรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงของเหยียนหง ฝูจงจึงบอกอะไรให้กับเขามากมาย จนพวกเขาเดินมาถึงห้องรับรองพิเศษจึงจะจบบทสนทนาลง
เหยียนหงได้รู้มาว่าพวกเขาจะต้องใช้ยานพาหนะอื่นเพื่อเดินทางไปยังสมัชชาแห่งพรรคเซิงเซียน พวกเขายังต้องรอให้ผู้คนจากขบวนรถม้าอื่นทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณของพวกเขาให้เสร็จก่อนที่จะออกเดินทางไปถึงจุดหมายพร้อมกัน
โชคดีที่ในห้องรับรองพิเศษนี้มีอาหารรสเลิศวางอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับที่ทุกคนเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอันยาวนาน พอมาถึงพวกเขาก็ต้องเข้ารับการทดสอบเป็นเวลาหลายชั่วยามติดต่อกันอีก ตอนนี้เหล่าเด็ก ๆ จึงทั้งเหนื่อยและหิวมาก เมื่อพวกเขาได้เห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็เข้าไปตักอาหารมากินกันอย่างหิวโหย
ในขณะนั้น คนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงเพียงไม่กี่คนเลือกที่จะแยกตัวไปนั่งที่โต๊ะยาวคนละตัว โดยที่คนอื่น ๆ กระจายตัวกันไปนั่งตามโต๊ะที่คนระดับสูงนั่งอยู่ สำหรับพวกเขาแล้วสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแต่ละคนเลือกเข้าร่วมกับใคร
อย่างไรก็ตาม เจียงหลีและเหยียนหงเกิดคำถามบางอย่างเกิดขึ้นในหัวของทั้งคู่
“น้องหลี ข้ารู้รายละเอียดเบื้องหลังของป้ายหยกแล้ว”
“เจ้ารู้อะไรมาหรือ”
แม้ว่าเจียงหลีจะคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เขาก็อยากจะยืนยันการคาดเดาของตัวเองว่ามันถูกต้องหรือไม่
“ในตอนนั้น เซียนที่ทดสอบระดับของรากฐานทางจิตวิญญาณบอกเราว่าไม่ว่าเราจะเลือกเข้าร่วมสำนักไหน ป้ายหยกนี้จะช่วยให้เราได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำงานหนัก 2 ปี มันไม่เป็นอย่างที่เขาพูดเลย”
“หากเราไปเข้าร่วมสำนักอื่น มันจะกลายเป็นเพียงป้ายหยกธรรมดาที่ไร้ประโยชน์!”
“ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ป้ายหยกนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องทำงานหนัก 2 ปีหากเราเข้าร่วมพรรคเซิงเซียน!”
-------------------------------------------
อากิระ talk: เหยียนหงไปทำงานด้านหน่วยข่าวกรองเถอะ รับรองว่ารุ่งเรืองแน่นอน!