กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
“ยินดีต้อนรับเหล่าคุณชายและคุณหนูทุกท่านเข้าสู่พรรคเซิงเซียนแห่งเขาฉงซาน ข้าเป็นผู้นำทางพาพวกเจ้าเข้าสู่โลกเซียน”
“ข้าชื่อฝูจง เป็นผู้ดูแลพรรคเซิงเซียนแห่งเขาฉงซาน และข้าก็ยังเป็นพ่อค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเขาลูกนี้ด้วย หากในอนาคตพวกเจ้าต้องการอะไร โปรดเรียกใช้พรรคเซิงเซียนของเรา”
“เชิญตามข้ามาทางนี้”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น กลุ่มเด็กหนุ่มสาวก็ลงจากรถม้าและเดินรวมตัวกันตามชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยไปทันที
ฝูจงเป็นเหมือนพ่อค้าทั่วไปที่ไม่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับใคร เขาก็จะโค้งคำนับเล็กน้อยและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้อีกฝ่าย ทว่าหากมีใครมาดูถูกเขาด้วยท่าทีเหยียดหยาม คน ๆ นั้นจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน
เจียงหลีตั้งใจจะใช้ทักษะการประเมินกับชายผู้นี้
เมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น ระดับอันตรายของจอมยุทธ์ในขบวนรถม้าก็เปลี่ยนเป็น 'อันตรายมาก' แล้ว
แต่ในกรณีของฝูจง …
[ชื่อ: ฝูจง]
[เพศ: ชาย]
[คลาส: นักพรต]
[ระดับ: ไม่ทราบ]
[ระดับอันตราย: อันตรายอย่างยิ่ง]
เด็กหนุ่มพบกับคนที่มีข้อความสีแดงที่ระบุว่า [อันตรายอย่างยิ่ง] อีกครั้ง นี่หมายความว่าเขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้าได้ และเขาก็ไม่มีโอกาสรอดพ้นจากเงื้อมมือของอีกฝ่ายหากเขาต้องการจะหนี
เจียงหลีเคยชินกับความเฉยเมยและความเย่อหยิ่งของจอมยุทธ์เหล่านั้น และแม้แต่เหล่าเซียนที่ดูแลขบวนรถม้าของเขา เห็นได้ชัดว่าฝูจงมีพลังที่จะบดขยี้พวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ยังสามารถแสดงกิริยานอบน้อมต่อทุกคนได้ ทำให้เด็กหนุ่มมองว่าเขาเป็นพ่อค้ามืออาชีพของจริง
ขณะนี้ชายวัยกลางคนพาทุกคนเดินตามเขาไป และในไม่ช้าก็มาถึงห้องโถงที่กว้างขวาง
มันคล้ายกับฮอลล์จัดแสดงสินค้าในชีวิตก่อนของเจียงหลี แต่ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ไม้และเดือยในการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน นี่คือภูมิปัญญาที่เฉลียวฉลาดของคนในสมัยโบราณ
ภายในห้องโถงนี้ค่อนข้างกว้างขวางและสิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเขตอาคมเล็ก ๆ 10 วงที่เรียงกันเป็นแถว
[ชื่อ: เขตอาคมทดสอบพื้นฐานของพลังวิญญาณ]
[ประเภท: เขตอาคม]
[ระดับ: ธุลีขั้นสูง]
[เอฟเฟกต์: ทดสอบพลังวิญญาณ]
“คุณชายและคุณหนูทั้งหลาย เมื่อพวกเจ้าเดินทางออกจากบ้านเกิดของตัวเอง พวกเจ้าได้ถูกทดสอบว่ามีรากฐานทางจิตวิญญาณแล้ว”
“ตอนนี้เราต้องทำการทดสอบอย่างละเอียดยิ่งขึ้นเพื่อกำหนดระดับรากฐานทางจิตวิญญาณของทุกคน สิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเจ้าจะเดินบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะได้ไกลแค่ไหนและเจ้าจะฝึกตนได้รวดเร็วเพียงใด”
“ฟังสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปให้ดี เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะทดสอบมัน”
ฝูจงพูดด้วยระดับเสียงปกติ แต่ทุกคนกลับได้ยินเขาอย่างชัดเจน
หลังจากนั้นกลุ่มเด็กที่ส่งเสียงเซ็งแซ่ก็เงียบลงอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายจากใครบางคน
แม้แต่เจียงหลีเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ในขณะนี้ ไม่ว่าเขาจะมีพรสวรรค์แกร่งกล้าเหมือนมีสกิลพระเอกติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรือเขาจะเริ่มต้นด้วยรากฐานทางจิตวิญญาณระดับต่ำต้อยที่สุด นี่จะเป็นช่วงเวลาที่จะตัดสินชะตากรรมในอนาคตของเขา
“หากข้าเรียกชื่อใคร ให้เดินออกมาทีละคน”
“หวังหมิง, หานผิง, หลี่ไป๋เฉิน, หูเฟยเฟย…”
สิบคนแรกที่ถูกเรียกชื่อก้าวไปข้างหน้าและยืนเรียงแถวกันด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“เข้าไปยืนบนเสื่อในเขตอาคมแล้วนั่งขัดสมาธิ”
เด็กทั้งสิบคนทำตามคำแนะนำของฝูจง แต่บางคนยังทำได้ไม่ดีพอ จึงมีลูกน้องของฝูจงที่ยืนอยู่ด้านข้างเดินเข้ามาช่วยชี้แนะให้ถูกต้อง
"ดีมาก ตอนนี้ให้พวกเจ้าหยิบลูกแก้วที่อยู่ข้างหน้าเจ้าแล้ววางไว้บนฝ่ามือ”
มันเป็นลูกแก้วโปร่งแสงขนาดเท่าลูกมะพร้าวที่ดูเหมือนจะหนักมาก
“หลับตาลงแล้วนั่งนิ่ง ๆ อย่าขยับ ถือลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณไว้และอย่าปล่อยมันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้ว่าเจ้าจะปล่อยมันได้ก็ต่อเมื่อข้าสั่งเท่านั้น!”
เมื่อเห็นเด็กสิบคนพยักหน้ารับอย่างจริงจัง จากนั้นฝูจงก็หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่ข้างเขตอาคม
"มาเริ่มกันเลย"
ลูกน้องคนนั้นรับทราบคำสั่งของชายวัยกลางคนและหยิบหินวิญญาณออกมา วางไว้บนช่องว่างในเขตอาคม
วินาทีต่อมา เขตอาคมก็สว่างวาบราวกับมีคนเปิดสวิทช์ไฟ เด็กหนุ่มสาวที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อดูเหมือนจะถูกกระตุ้นจากบางสิ่งบางอย่างเมื่อพวกเขาเริ่มตัวสั่นเล็กน้อย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฝูจงบอกว่านี่เป็นเพียงโอกาสเดียว เพราะทุกการทดสอบต้องใช้หินวิญญาณหนึ่งก้อน หากมีข้อผิดพลาดเกินขึ้น พรรคเซิงเซียนจะไม่คืนเงินให้พวกเขา
หลังจากเวลาผ่านไป 2-3 เฟิน* เจียงหลีก็สังเกตเห็นว่าลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณในมือของเด็กทั้งสิบคนค่อย ๆ สว่างขึ้น
* 1 เฟินเท่ากับ 1 นาที
สีของแสงนั้นแตกต่างกันออกไป รวมถึงความเร็วที่ลูกแก้วถูกเติมเต็มก็ไม่เท่ากัน
ประมาณ 9 เฟินต่อมา ก่อนจะผ่านไป 10 เฟิน ลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณในมือของเด็กคนหนึ่งดูเหมือนจะถึงขีดจำกัด แล้วจู่ ๆ ก็วูบดับไป
“หลี่ไป๋เฉิน รากฐานทางจิตวิญญาณธาตุดินระดับสูง!”
ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาประกาศด้วยใบหน้ามีความสุข หลังจากกล่าวจบเขาก็แกะสลักป้ายไม้อย่างรวดเร็วแล้วนำไปห้อยไว้ที่คอของเด็กหนุ่ม
ฝูจงถึงขั้นเดินเข้าไปช่วยพยุงหลี่ไป๋เฉินลุกขึ้นด้วยตัวเอง อีกทั้งเขายังช่วยเด็กหนุ่มจัดเสื้อผ้าอย่างเป็นกันเองจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
“หนุ่มน้อย รากฐานทางจิตวิญญาณของเจ้าไม่เลวเลย ตอนที่เจ้าเลือกสำนัก ข้าอยากให้เจ้าเก็บพรรคเซิงเซียนของเราไว้พิจารณาด้วย”
ในตอนแรก หลี่ไป๋เฉินเป็นผู้ติดตามของหลี่เฉาซึ่งเสียชีวิตไประหว่างการเดินทาง เขาจึงไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก หลังจากที่เขาถูกเจียงหลี แก้แค้น เขาก็ยิ่งไม่กล้าทำตัวมีปัญหาอีก
เด็กหนุ่มไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะมีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูง พอได้รู้อย่างนั้น ใบหน้าของเขาก็เปล่งประกายด้วยความสุขในขณะที่เขาเดินเชิดหน้าออกไปยืนอยู่ด้านข้างอย่างภาคภูมิใจ
เจียงหลีสังเกตว่าหลี่ไป๋เฉินมองมาทางเขาเป็นครั้งคราวโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ แต่หลังจากที่เขาจ้องตากลับไป คนที่มองมาก่อนก็แสร้งทำเป็นมองผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ
ท่าทางแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังคิดที่จะแก้แค้นเขาอย่างแน่นอน
ขณะนี้นอกจากหลี่ไป๋เฉินแล้ว สีหน้าท่าทางของเด็กอีกเก้าคนที่เหลือกลับแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเวลาผ่านไป 20 เฟิน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถเติมลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณได้จนเต็ม ก่อนจะได้รับป้ายแกะสลักคำว่า ‘รากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลาง’ มาแขวนไว้
ส่วนเด็กอีกเจ็ดคนที่เหลือ พวกเขามีผลลัพธ์ที่แย่กว่านั้นอีก เมื่อเวลาผ่านไป 30 เฟินพลังงานภายในหินวิญญาณก็หมดลงพร้อมกับที่แสงของเขตอาคมดับลง แต่ลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณในมือของพวกเขากลับยังไม่เต็ม
พอได้เห็นอย่างนั้น ฝูจงก็ไม่ใส่ใจที่จะพูดอะไรกับเด็กพวกนั้นอีก ระหว่างนั้นลูกน้องของเขาก็เดินเข้าไปแจกจ่ายแผ่นป้าย ‘ระดับต่ำ’ และ ‘ระดับต่ำต้อย’ ตามปริมาณปราณในลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณของแต่ละคน
จากมุมมองของผู้คนรอบข้าง พวกเขาเข้าใจชัดเจนว่ามีบางอย่างผิดปกติ การขาดความสามารถหรือมีความสามารถในระดับต่ำจะทำให้เส้นทางในการเป็นเซียนของพวกเขาเต็มไปด้วยอุปสรรค
เด็กทั้งเจ็ดคนที่ได้รับป้ายระดับต่ำและระดับต่ำต้อยเดินยืนไปอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
หลังจากมีเด็กขึ้นไปทดสอบอีก 2-3 กลุ่ม เจียงหลีได้สรุปเกณฑ์การวัดคร่าว ๆ สำหรับการทดสอบรากฐานทางจิตวิญญาณต่าง ๆ ตามข้อสังเกตของเขา
หากไม่รวมความสามารถทางกายภาพที่หายาก โลกแห่งการฝึกตนได้แบ่งรากฐานทางจิตวิญญาณออกเป็น 5 ระดับคร่าว ๆ ดังนี้
1. รากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงสุด: เติมลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณเต็มภายใน 3 เฟิน
2. รากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูง: เติมลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณเต็มภายใน 10 เฟิน
3. รากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลาง: เติมลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณเต็มภายใน 30 เฟิน
4. รากฐานทางจิตวิญญาณระดับต่ำ: เติมลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณได้อย่างน้อย 1 ใน 3 ภายใน 30 เฟิน
5. รากฐานทางจิตวิญญาณระดับต่ำต้อย: เติมลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณได้น้อยกว่า 1 ใน 3 ภายใน 30 เฟิน
หากวัดจากท่าทางของสมาชิกในพรรคเซิงเซียน มันบ่งบอกว่าแต่ละระดับมีช่องว่างขนาดใหญ่มาก
นอกเหนือจากนั้น ยังมีรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุคู่ หรือแม้กระทั่งมีมากกว่า 2 ธาตุ ถึงแม้ว่าพรสวรรค์นี้จะไม่สามารถเทียบได้กับรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงที่สามารถเร่งการฝึกตนได้ แต่ก็ยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ฝึกตน
เจียงหลีรอการทดสอบอีกสองกลุ่ม
“ไช่เต๋อจง, กู้จือผิง, เฉียวเจียจวี, เหยียนเฟิงเยว่, เหยียนหง…เจียงหลี”
ในที่สุดก็ถึงคิวของเขาแล้ว!
เมื่อสิ่งต่าง ๆ มาถึงจุดนี้ แม้แต่เจียงหลีก็รู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่เขากำลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ครั้งนี้เขารู้สึกประหม่ามากกว่าตอนนั้นอีก
ถ้าเปรียบเทียบทั้งสองอย่างนี้ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยต้องอาศัยความพยายามในการอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อสอบให้ได้คะแนนสูง ๆ ทว่าการทดสอบระดับรากฐานทางจิตวิญญาณนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาทั้งสิ้น
เหยียนหงที่ยืนปากสั่นด้วยความกังวลอยู่ข้าง ๆ เจียงหลีก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างกันเท่าไหร่
จากนั้นพวกเขาก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันและเข้าไปนั่งขัดสมาธิบนเสื่อในเขตอาคมตามที่ฝูจงบอกก่อนหน้านี้
จนถึงตอนนี้ มีเพียงเจียงหลีเท่านั้นที่ใช้เวลาสังเกตรูปแบบของเขตอาคมที่ถูกวาดอยู่บนพื้นในระยะใกล้
เส้นที่วาดขึ้นถูกเชื่อมเข้าด้วยกันในลักษณะที่ซับซ้อนมาก ดูเหมือนมันจะมีรูปแบบพิเศษระหว่างเส้นแต่ละเส้น แต่ความรู้สึกนั้นแปลกมากและเข้าใจได้ยาก หลังจากมองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าโลกที่อยู่ตรงหน้าบิดเบี้ยว เขาจึงรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วและค่อย ๆ ตั้งสติ
“หงายมือสองข้าง! ถือลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณ!”
เจียงหลีสลัดความคิดอื่นทิ้งแล้วรีบทำตามที่ฝูจงบอก
ลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณโปร่งแสงนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นและไม่ได้หนักอย่างที่เขาคิด
หลังจากหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าอากาศรอบตัวดูสดชื่นขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่เขาหายใจ กระแสความเย็นก็ค่อย ๆ ซึมเข้าสู่รูขุมขนของเขาและไหลเวียนไปตามกระแสเลือด
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ถึงพากันสั่นสะท้านไปทั้งตัว เนื่องจากการกระตุ้นที่มาจากภายในร่างกายนั้นระงับได้ยากมาก
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเด็กหนุ่มก็ตระหนักว่ากระแสความเย็นนั้นถูกบางสิ่งดึงดูดแล้วพุ่งเข้ามาที่ฝ่ามือของเขา
ขณะนั้นเขาก็เพิ่งเข้าใจว่าวิธีการทดสอบพลังวิญญาณคือการใช้เขตอาคมเพื่อดึงพลังปราณออกมาจากภายในหินวิญญาณ แล้วถ่ายโอนเข้าสู่ร่างกายของบุคคลนั้น ก่อนที่จะสะท้อนพลังออกมาให้กับลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดึงดูดกระแสความเย็นเข้ามา มันคือลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณนั่นเอง!
ระยะเวลาในการเติมเต็มลูกแก้วทดสอบพลังวิญญาณนั้นจะขึ้นอยู่กับรากฐานทางจิตวิญญาณของแต่ละคนและความเร็วในการดูดซับปราณ
แต่ความเร็วของเขานั้นถือว่าเร็วหรือช้ากันล่ะ?
เจียงหลีไม่มีทางที่จะคำนวณสิ่งนี้ได้ เขาทำได้เพียงปล่อยให้จิตสำนึกนำทางไปและดูว่าเขาจะทำให้การไหลของปราณเร็วขึ้นได้หรือไม่
ไม่กี่อึดใจต่อมา ภาพในใจของเขาก็ค่อย ๆ มีจุดเรืองแสงปรากฏขึ้น เมื่อแสงสว่างทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน พวกมันก็ชัดเจนและสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มีภาพหนึ่งก่อตัวขึ้นต่อหน้าเด็กหนุ่ม
ภาพที่เขาเห็นคือดวงจันทร์ทรงกลมลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ภายใต้แสงจันทร์สลัวมีต้นไม้เก่าแก่ที่มีใบสีเขียวชอุ่มตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบ
“เหยียนหง รากฐานทางจิตวิญญาณธาตุน้ำระดับสูง!”
ในขณะเดียวกัน ลูกน้องคนหนึ่งได้ประกาศเสียงดังก้อง
วินาทีนั้นเอง เด็กหนุ่มเจ้าเนื้อก็หัวเราะอย่างทะนงตน
“วะฮ่าๆๆ ข้านี่มันอัจฉริยะจริง ๆ! น้องหลี เจ้าไม่ต้องกลัว ต่อจากนี้ไปข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
เจียงหลีที่ยังคงหลับตาสามารถจินตนาการได้ถึงท่าทีแสดงความพึงพอใจของอีกฝ่าย เขาจึงเม้มริมฝีปากและแอบบ่นเจ้าอ้วนอยู่ในหัว
ก่อนที่เขาจะนับหนึ่งถึงร้อย ก็มีเสียงประกาศอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เจียงหลี ธาตุหยินและธาตุไม้ระดับกลาง รากฐานทางจิตวิญญาณธาตุคู่!”
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้อยู่บ้าง
แม้ว่ามันจะเป็นรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลาง แต่ลูกแก้วในมือของเขาก็เต็มช้ากว่าเหยียนหงเพียง 2 เฟิน มันเป็นระยะเวลาที่เร็วที่สุดในกลุ่มคนที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลาง
ยิ่งไปกว่านั้น เขามีรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุคู่ ซึ่งสามารถทำให้เขามีแต้มต่อมากขึ้น ตอนนี้ความสามารถของเขาน่าจะมากกว่าคนในโลกเซียน 9 ใน 10 ส่วน
ขณะนี้ฝูจงที่เพิ่งพูดคุยกับเหยียนหงเสร็จมีดวงตาเป็นประกายอีกครั้ง เขารีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเจียงหลีแล้วช่วยพยุงตัวเด็กหนุ่มขึ้นด้วยมืออวบอ้วนของเขา
“หนุ่มน้อย เจ้ามีนามว่าเจียงหลีใช่หรือไม่? ไม่เลว! เจ้าดูมีพรสวรรค์มาก แล้วต่อจากนี้เจ้าจะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน”
“แต่มันช่างน่าเสียดาย เจ้าอยู่ห่างจากรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงเพียงไม่กี่อึดใจ แต่กฎก็คือกฎ หากเจ้าใช้เวลาเกินกว่าที่กำหนด เราจะถือว่าเจ้ามีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับกลางเท่านั้น ข้าเองก็ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้จริง ๆ นอกจากนี้ เจ้ายังมีรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุคู่อีกด้วย น่าเสียดายยิ่งนัก…”
-------------------------------------------
อากิระ talk: มีคนหมั่นไส้สหายตัวเองแล้วหนึ่ง (แซว)