Your Wishlist

เมียคนธรรมดา ภาค 2 (ท่านไร้ประโยชน์เกินไป)

Author: หยูเสี่ยวถง

ภาคต่อของเมียคนธรรมดา

จำนวนตอน :

ท่านไร้ประโยชน์เกินไป

  • 13/07/2565

หลู่เจียวกำลังจะบอกเซี่ยหยุนจินว่าพี่สะใภ้คนที่สองสอนเฉินหลิวและเซี่ยหลานให้เก็บสมุนไพร

 

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นนอกห้องหลัก เซี่ยเอ้อจูก้าวเข้ามาจากด้านนอก และทันทีที่เขาเข้ามา เขาก็ไปที่เตียงและมองไปที่เซี่ยหยุนจินซึ่งอยู่บนเตียงและร้องไห้ออกมา

 

“น้องสาม ข้าพอแล้ว ข้าพอแล้วจริงๆ”

 

เขาร้องไห้และนั่งยองๆ ลง เขายังทุบพื้นด้วยมือทั้งสองข้าง ดูอับจนหนทางอย่างสุดจะพรรณนา

 

ในห้องนอนทางทิศตะวันออก เด็กทั้งสี่มองไปที่เซี่ยเอ้อจูที่กำลังร้องไห้อย่างขมขื่นจนพลอยเศร้าและหดหู่ไปด้วย

 

บนเตียงเซี่ยหยุนจินมองไปที่เซี่ยเอ้อจูด้วยดวงตาที่ลึกล้ำและพูดว่า "พี่รอง เกิดอะไรขึ้น"

 

เซี่ยเอ้อจูร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สะอึกสะอื้นแล้วหยุดร้องไห้ลงอย่างช้าๆ มองไปที่เซี่ยหยุนจินบน บนเตียงแล้วพูดว่า

 

"ทำไมพ่อแม่ถึงรังแกเรา พ่อแม่ไม่มีความสุขที่เราเกิดมาหรือ พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ไม่มีความสุข เราก็พลอยโชคร้ายไปด้วย ลูกคนที่สี่และน้องสาวคนเล็กไม่มีความสุข เราก็โชคร้าย เราอยู่อย่างอดยากและนอนไม่อุ่น พอมีคนไม่พอใจก็เอามาลงที่พวกเราตลอด"

 

"ข้าทำงานไม่หยุดทุกวันและอาหารที่ข้ากินไม่อร่อยเท่าคนอื่น พี่สะใภ้ของเจ้า ภรรยาของข้า ไม่เพียงแต่ต้องทำงานในทุ่งนา แต่ยังต้องซักเสื้อผ้าและทำอาหารให้พวกเขาอีกด้วย แม้แต่ลูกสาวสองคนของข้าก็ต้องทำงานบ้าน แต่ลูกคนที่สี่และคนที่ห้าในบ้านกลับไม่ทำอะไร แม้แต่เสื้อผ้าของน้องสี่น้องห้าก็ถูกซักโดยลูกสาวของข้า…"

 

เนื่องจากมีการเปิดเผยว่าเขาเอาเงินไปซื้อยาให้เซี่ยหยุนจิน พวกเขาจึงถูกรื้อค้นจนรกไปหมด กระทั่งยังขุดดูใต้พื้นบ้านเพื่อหาว่าเขาซุกซ่อนเงินเอาไว้เหมือนขโมย ไม่เพียงทำเหมือนพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์เดรัจฉานอะไรประมาณนั้น?

 

เมื่อวานพี่สะใภ้โกรธบ้านน้องชายคนที่สามและกลับไปรายงานแม่สามี ทำให้นางมาโวยวายดุด่าเขาเหมือนหมูเหมือนหมา และบอกไม่ให้เขามาดูแลน้องสามอีกต่อไป

 

วันนี้ เซี่ยเอ้อจูกำลังทำงานหนักอยู่ในทุ่งนา ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า ยิ่งคิดยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจจนยากจะกว่า ในท้ายที่สุด เขาอดไม่ได้ที่จะวิ่งมาหาน้องสามแล้วร้องไห้

 

ในห้องนั้น ร่างกายของเซี่ยหยุนจินถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นเยือกทันที และคิ้วของเขา ก็เต็มไปด้วยความเย็นชา

 

แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาพูด หลู่เจียวพูดก่อน “พี่รอง ให้ข้าบอกท่านบางอย่างที่ท่านไม่ชอบที่จะได้ยิน เหตุผลที่ครอบครัวของท่านเป็นแบบนี้ก็เพราะท่านไร้ประโยชน์จริงๆ”

 

“เพราะท่านไร้ประโยชน์ นั่นคือเหตุผลที่พี่สะใภ้คนรองจำต้องลำบากไปกับท่านด้วย และแม้แต่ลูกๆของท่านก็ต้องพลอยรับเคราะห์ จำต้องกล้ำกลืนฝนทนอยู่ในบ้านนั้นเหมือนคนรับใช้ แต่ถ้าท่านแข็งแกร่งพวกเขาก็จะไม่สามารถรังแกท่านได้”

 

เซี่ยเอ้อจูตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของหลู่เจียว เขาหันไปมองหลู่เจียวอย่างว่างเปล่า

 

"ถ้าข้าขัดขืนพวกเขา ข้าจะถูกชาวบ้านตำหนิอย่างแน่นอน และทุกคนก็จะบอกว่าข้าไม่กตัญญู" 

 

หลู่เจียวพูดช้าๆ “ถ้านางไร้เหตุผล คนอื่นก็กล้าหาว่าท่านไม่กตัญญูหรือ เหมือนอย่างเซี่ยหยุนจินและข้าที่ขัดแย้งกับพวกเขา ข้าไม่กตัญญูหรือเปล่า นั่นเพราะนางไร้เหตุผล และคนอื่นก็ไม่สามารถต่อว่าพวกเราได้?” 

 

 

หลังจากนางพูดจบ หลู่เจียวก็ใช้โอกาสนี้สอนเด็กๆทั้งสี่ มองไปที่พวกเขาแล้วเอ่ยออกมา "พวกเจ้าก็เช่นเดียวกัน เมื่อเกิดเป็นลูกผู้ชาย พวกเจ้าจะต้องเข้มแข็งและมีความสามารถ ถึงจะได้สามารถปกป้องคนที่เจ้าห่วงใยได้ในอนาคต" 

 

หลังจากฟังคำพูดของหลู่เจียว เด็กๆทั้งสี่ก็ยืดหน้าอกของเขาแล้วพูดออกมาว่า "แม่พวกเราเข้มแข็งและเราจะปกป้องแม่ในอนาคต"

 

หลู่เจียวหันกลับมามองเซี่ยเอ้อจูด้วยรอยยิ้ม "เจ้าเห็นไหม ขนาดเด็กลูกชายยังรู้ปกป้องข้า แต่ท่านไม่รู้วิธีปกป้องภรรยาและลูกสาวของท่าน ท่านคิดว่านี่เป็นความผิดของใคร?"

 

มีใครในหมู่บ้าน ที่ไม่รู้ว่า เซี่ยเอ้อจูทำงานหนักเพียงใดในครอบครัว และเขาก็เชื่อฟังพ่อแม่ของเขามากที่สุด และเพราะอย่างนี้เขาจึงถูกกดขี่ข่มแหง และเขาก็ไม่กล้าต่อต้านอะไร จนลืมสิทธิ์ของตัวเองไป

 

คำพูดของหลู่เจียวถือได้ว่าเป็นเครื่องเตือนใจอย่างดี เมื่อเป็นดังนี้ เซี่ยเอ้อจูก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ แต่โชคดีที่คำกล่าวนี้ช่วยตักเตือนเขาขึ้นมาได้ 

 

เซี่ยเอ้อจูครุ่นคิด ว่าเขาอ่อนแอเกินไป กระทั่งหลู่เจียวยังกล้าเผชิญหน้ากับแม่สามีเมื่อเจอเรื่องไม่เป็นธรรม และกล้าโต้แย้งกับพี่สะใภ้ แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ยังสบายดี และคนในหมู่บ้านก็เห็นใจนาง ไม่ได้ซุบซิบนินทานาง ตรงกันข้ามทุกคนกลับเห็นใจ และกลับกลายเป็นช่วยต่อว่ามารดาของเขาแทน เป็นอย่างที่นางพูด หากว่าแม่ของเขามีเหตุผลและเขาเป็นฝ่ายผิด เขาก็ยินดีจะถูกตำหนิและทุบตี แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วเขาจะยอมให้นางข่มแหงต่อไปได้ยังไง

 

ตอนนี้เขาเริ่มจับใจความสำคัญของหลู่เจียวเข้าใจ ไม่มีใครช่วยเหลือเขาได้ นอกจากเขาที่ต้องช่วยตัวเอง รวมทั้งเขาต้องปกป้องภรรยาและลูกๆของเขาด้วย

 

เซี่ยเอ้อจูเมื่อคิดได้แล้ว เขาจะกลับไปคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ 

 

"เมื่อข้ากลับไป ข้าจะบอกพวกเขาว่าจะไม่ยอมให้พวกเขารังแกพวกเขาในอนาคต"

 

หลู่เจียวมองเขาด้วยดวงตาสีดำ “ท่านกำลังจะกลับ มองหาปัญหาเพิ่มหรือไม่ท่านจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะฟัง และไม่รังแกท่านอีก” 

 

หลังจาก หลู่เจียวพูดจบ นางมองไปที่ เซี่ยเอ้อจูและพูดว่า "เอาล่ะ ในเมื่อท่านมานี่แล้ว ก็อยู่กินข้าวเย็นที่บ้านเราก่อน" 

 

บนเตียง เซี่ยหยุนจินก็พูดกับเซี่ยเอ้อจูว่า "พี่รอง พักทานอาหารด้วยกันก่อน ตอนนี้อย่าใจร้อน อย่าประมาท เมื่อมีโอกาสท่านก็อย่าลังเล"

 

อย่ามองว่าหลู่เจียวเพียงโมโห แต่นางมีสติและแผนการณ์

 

หลังจากฟังคำพูดของหลู่เจียวและเซี่ยหยุนจินจบลง เซี่ยเอ้อจูก็หันไปมองที่โต๊ะและรู้สึกอับอายทันทีที่เห็นหลู่กุ้ยอยู่ที่นี่ด้วย

 

“ข้า กลับไปกินที่บ้านดีกว่า”

 

หลู่เจียวพูดอย่างอ่อนโยน “พี่รอง ไหนๆก็มาแล้ว ข้าทำอาหารอีกสองสามจาน เพราะน้องชายข้ามาเยี่ยม ตอนนี้เมื่อท่านมาแล้วก็กินซักหน่อยค่อยไปทำงาน ในสภาพอากาศแบบนี้ จะเป็นลมเอาไว้ถ้าท่านไม่กินให้อิ่ม”

 

เซี่ยหยุนจินกล่าวต่อ "กินอะไรซักหน่อย หากท่านกลับไปบ้านคงไม่มีส่วนของท่านแบ่งเก็บเอาไว้ให้อย่างแน่นอน"

 

อย่างไรก็ดี เมื่อคำพูดของเซี่ยหยุนจินเพิ่งจบลง ก็มีใครหลายคนเข้ามาในห้องกลับกลายเป็นเอ้อเกาลูกชายของเซี่ยต้าเฉียงที่ทำหน้าคล้ายหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อมองเห็นหลู่เจียว

 

เขามองไปรอบๆแล้วเอ่ยออกมา "อารอง พวกเรากลับบ้านกันเถอะ"

 

หลู่เจียวรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อเห็นเอ้อเกา แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา "เจ้ากล้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้พวกเราหรือ ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร"

 

เอ้อเกาตกใจมากหันหลังกลับและวิ่งหนีไปไม่กล้าที่จะพาเซี่ยเอ้อจูกลับบ้านไปด้วย

 

หลู่เจียวไม่สนใจเขาและคดข้าวใส่ชามให้เซี่ยเอ้อจูนั่งลงกินข้าว

 

วันนี้เนื่องจากการมาเยี่ยมของหลู่กุ้ยทำให้หลู่เจียวทำอาหารหลายอย่าง เมื่อ เซี่ยเอ้อจูเห็นว่า มันมากพอที่เขาจะกินได้ด้วย เขาจึงนั่งลงอย่างช้าๆ

 

เซี่ยหยุนจินเตือนเขาว่า "พี่รอง ตอนที่ท่านกลับไป ท่านอย่าพึ่งขัดแย้งกับพวกเขาทันทีที่ท่านกลับไป รออีกไม่นาน เมื่อถึงโอกาสอันเหมาะสม ท่านก็อย่าลังเลที่จะกบฏกับพวกเขา"

 

เซี่ยเอ้อจูเห็นด้วย "ตกลง" ตอนนี้เขาและครอบครัวตกต่ำจนไม่รู้จะตกต่ำยังไงแล้ว ถือได้ว่ารอโอกาสสวนกลับ ถือว่าเป็นลูกโป่งที่รอวันระเบิด แต่เมื่อเขากลับไปก่อกบฏทันที บิดามารดาของเขาก็อาจจะคิดว่าเขาได้รับการเสี้ยมจากน้องสามและภรรยาของเขา ซึ่งคนอื่นๆอาจจะเข้าใจผิดคิดไปอย่างนั้น

 

หลังจากที่ เซี่ยเอ้อจูออกไปแล้ว หลู่กุ้ยก็พาเด็กๆตัวน้อยทั้งสี่ไปที่ห้องนอนทางทิศตะวันตกเพื่อเล่นกับธนูและดาบไม้ ในขณะที่ หลู่เจียวทำความสะอาดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและตะเกียบบนโต๊ะ

 

ในห้องเซี่ยหยุนจินคิดถึงใบหน้าที่ไม่ดีของหลู่เจียว เมื่อนางจ้าวมาคุยกับนางก่อนหน้านี้ เขาถามหลู่เจียวออกไปด้วยความกังวล

 

“ที่พี่สะใภ้มาหาเจ้าก่อนหน้านี้ คุยอะไรกันหรือ”

 

หลู่เจียววางชามและตะเกียบในมือของนางและมองไปที่เซี่ยหยุนจินแล้วกล่าวว่า "พี่สะใภ้เห็นว่าพี่สะใภ้รองสอนพี่สะใภ้ใหญ่และน้องสามี ให้รู้จักสมุนไพร  ข้าได้ยินแล้วจึงรู้สึกไม่มีความสุข"

 

นางหยุดแล้วกล่าวว่า "ข้าไม่ชอบคนที่ไม่ชอบข้า แต่มาหาผลประโยชน์จากข้า"

 

"หากข้าเต็มใจ ข้าคงให้พี่สะใภ้ใหญ่และเซี่ยหลานเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไปแล้ว ข้าไม่เคยยินยอมมาก่อน เช่นนั้นจะไปเป็นศัตรูกันทำไม ตอนนี้ก็ดีแล้ว พี่สะใภ้รองกลับไปสอนพวกเขา"

 

เมื่อหลู่เจียว พูดจบ ใบหน้าก็มืดคล้ำลง แล้วนางก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ถ้าครั้งต่อไปที่พี่รองและพี่สะใภ้รองของเจ้ากล้าทำสิ่งที่ขัดกับความปรารถนาของข้า อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้พวกเขาใช้ประโยชน์จากข้าอีกต่อไป"

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป