Your Wishlist

เมียคนธรรมดา ภาค 2 (รับลูกศิษย์)

Author: หยูเสี่ยวถง

ภาคต่อของเมียคนธรรมดา

จำนวนตอน :

รับลูกศิษย์

  • 13/05/2565

หลู่เจียวไม่ได้ซ่อนความตั้งใจของนาง ต่อเจ้าของเป่าเหอถังผู้นี้ เมื่อเห็นว่า ฉีเหล่ย และเขามีความสัมพันธ์ที่ดี แม้ว่านางจะไม่พูดอะไร ฉีเหล่ย จะบอกคนผู้นี้อย่างแน่นอน

 

หลู่เจียวจ้องไปที่ชายที่อยู่ตรงข้ามนาง คิ้วและตาของผู้ชายคนนั้น อธิบายไม่ได้ และดวงตาของเขาก็เฉียบคม แม้ว่าท่าทางของเขาจะเย็นชา แต่เขาก็ดูเป็นคนมีเกียรติ และสง่างามมากจนใครๆ ก็สามารถบอกได้ทันทีว่าเขามีภูมิหลังที่ดี

 

เพียงแต่ว่า หลู่เจียวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เนื่องจากคนๆนี้ น่าจะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา แต่ทำไมเขาถึงมาเมืองเล็กๆ เช่นเมืองฉีหลี่แห่งนี้ เพื่อเปิดร้านขายยา

 

หลู่เจียวไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก นางหันไปมองฉีเหล่ย และพูดว่า 

 

"หมอฉี เจ้าคิดว่า เราจะเริ่มกันวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่"

 

ฉีเหล่ยเหลือบไปที่จ้าวหลิงเฟิง แล้วจ้าวหลิงเฟิงก็พยักหน้าเห็นด้วย 

 

"ตกลง แต่หากพวกเราช่วย เจ้าต้องสัญญากับเราอย่างหนึ่งได้หรือไม่"

 

หลู่เจียวหันไปมอง จ้าวหลิงเฟิง "เชิญบอกได้เลย"

 

"มาที่เป่าเหอถังของเรา เป็นหมอที่นี่ และสอนการผ่าตัดให้กับฉีเหล่ย"

 

หลู่เจียวหัวเราะและกล่าวว่า "พวกท่านขออย่างอื่นได้หรือไม่?”

 

ฉีเหล่ย เมื่อได้ยินว่า หลู่เจียวไม่เต็มใจที่จะสอนการผ่าตัดให้เขา เขาก็รู้สึกผิดหวังอย่างสุดจะพรรณนา แต่เขาไม่อยากทำให้หลู่เจียวลำบากใจ 

 

เขาจึงพูดออกไปเบาๆว่า "ไม่เป็นไรท่านหญิงหลู่ ข้าไม่ต้องเรียนศัลยกรรมกับท่านก็ได้ ท่านแค่มาเป็นหมอหรือให้คำปรึกษาทางการแพทย์ให้กับผู้ป่วยที่เป่าเหอถังของพวกเราก็ได้"

 

หลู่เจียวหันไปมองที่ฉีเหล่ย คนผู้นี้เกิดมาเพื่อเป็นหมอจริงๆ อย่างแรกเลย เขามีรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนและเป็นมิตร และประการที่สอง เขาปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยรอยยิ้มเสมอ และนางก็เห็นว่าฉีเหล่ย เป็นหมอที่ดี ดังนั้น ก็ไม่เป็นไรหากจะสอนเขา เพียงแต่ว่า…

 

“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าไม่ได้สอนเจ้า”

 

ฉีเหล่ยตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มีความสุขและพูดอย่างสุภาพกับหลู่เจียวว่า “ฉีเหล่ยขอคาราวะท่านอาจารย์”

 

หลู่เจียวตกตะลึง อาจารย์?

 

ดูเหมือนว่าเขาจะแก่กว่านาง แต่ตอนนี้นางกลับได้เป็นอาจารย์ของเขาแล้ว

 

เดิมที หลู่เจียวต้องการจะปฏิเสธเรื่องนี้ แต่แล้ว เมื่อนางนึกดูดีๆ ในยุคนี้ผู้ชายกับผู้หญิงจะเข้มงวดมาก ถ้าไม่มีตำแหน่งอาจารย์และศิษย์ ระหว่างนางกับเขา และเมื่อมีใครเห็นนางกับฉีเหล่ยบ่อยๆ อาจจะมีเรื่องซุบซิบนินทากันได้ ตรงกันข้าม หากทุกคนรู้ว่าพวกเขาเป็นเพียงศิษย์กับอาจารย์ ทุกคนก็จะไม่พูดมากเท่าไหร่นัก

 

อย่าลืมว่านางยังมีแผนที่จะหย่ากับเซี่ยหยุนจิน และใช้ชีวิตของตัวเอง ดังนั้นอาจจะอยู่ในเมืองและหากินโดยการเป็นหมอในเป่าเหอถัง ก็นับว่าเป็นทางเลือกอีกสายหนึ่ง

 

หลู่เจียวไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป นางแค่โบกมือแล้วพูดว่า "สำหรับเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน"

 

ฉีเหล่ย นั่งลงด้วยรอยยิ้มในอารมณ์ที่ดี ไม่ใช่เพราะ หลู่เจียวอายุน้อยกว่าเขาหรือว่านางเป็นผู้หญิง เพราะเขาไม่ได้คิดมากอันใดอยู่แล้ว เหมือนดั่งคำโบราณที่ว่า เมื่อมีคนเดินมาสิบคน หนึ่งในนั้นอาจเป็นอาจารย์ของเขาคนหนึ่ง หมายความว่า คนเราต้องหัดที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคนเป็นหมอ

 

ดังนั้น เขาจึงมีความสุขมาก…

 

เป็นเรื่องที่ดีมากที่เขาจะได้เรียนรู้การผ่าตัด เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสที่ดีอย่างนี้ 

 

ฉีเหล่ยรู้สึกตื่นเต้น จ้าวหลิงเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เหลือบมองมาที่เขา และเขาก็พอจะเข้าใจฉีเหล่ย 

 

ในตอนนั้นเอง หลู่เจียวก็หันไปมองจ้าวหลิงเฟิง แล้วพูดออกมาว่า  

 

"ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการมาที่เป่าเหอถัง เพื่อเป็นหมอ หรือให้คำปรึกษาทางการแพทย์ แต่ในครอบครัวของข้า มีคนป่วยอยู่ที่บ้าน ทั้งยังมีลูกเล็กๆอีกสี่คน ข้าไม่สามารถวิ่งเข้ามาในเมืองได้ทุกวัน"

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ นางเคยคิดที่จะไปเริ่มต้นใหม่ ในหมู่บ้านซิงหัว ของพ่อแม่ของนาง แต่เนื่องจากนางมีความขัดแย้งกับครอบครัวหลู่ก่อนหน้านี้ นางจึงไม่มีความคิดนี้อีกต่อไป

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากนางกลับไปอยู่ในหมู่บ้านซิงหัว อาจถูกพูดเสียๆหายๆ เหมือนกับเสิ่นซิ่วที่กลับไปอยู่กับแม่ม่ายหลี่ และอาจทำให้ครอบครัวหลู่เดือดร้อนเป็นขี้ปากชาวบ้านไปด้วย

 

ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้เป็นหมอในเป่าเหอถัง และในอนาคต มันก็จะทำให้นางทำงานสะดวกมาก ในการทำสิ่งต่างๆ ในเมือง แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะเท่าไหร่นัก

 

หลู่เจียวมองไปที่ จ้าวหลิงเฟิง อย่างครุ่นคิดและกล่าวว่า "การมาที่โรงหมอทุกวันเป็นไปไม่ได้ก็จริง แต่ข้าสามารถมาที่นี่ได้เป็นครั้งคราว"

 

หลู่เจียว ต้องการตกลงกับจ้าวหลิงเฟิงก่อน หากมีฉีเหล่ยอยู่ในโรงหมอ แล้วหากมีเคสที่ฉีเหล่ยรักษาไม่ได้ ค่อยไปหานาง แบบนั้น ก็ยังพอเป็นไปได้

 

จ้าวหลิงเฟิงกำลังจะพูด แต่หลู่เจียวก็พูดก่อน "แต่ถ้าท่านต้องการให้ข้ารักษาคนไข้ พวกท่านต้องปฏิบัติตามกฎของข้า"

 

จ้าวหลิงเฟิง ขมวดคิ้วและนางมองไปที่หลู่เจียวและกล่าวว่า "ท่านหญิงหลู่ มีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง" 

 

หลู่เจียวจึงกล่าวว่า "ข้าจะไม่รักษา คนที่ทำให้ข้าไม่มีความสุข ข้าไม่รักษาคนที่มีจิตใจชั่วร้าย และคนจากครอบครัวที่ยากจน จะต้องรักษาฟรี ส่วนคนร่ำรวยหรือผู้ที่มีเงิน จะต้องจ่ายพันตำลึง และแน่นอนว่า ผู้ที่มีเงินมาก อย่างพวกขุนนาง และหากมีโรคหรืออาการป่วย รักษายากๆ ก็ต้องจ่ายสองหมื่นตำลึง ข้าถึงจะยอมรักษาให้" 

 

ชายสองคนมองนางด้วยเส้นสีดำบนใบหน้า อันดับแรกๆพอจะฟังเข้าใจแต่อันหลังฟังดูเหมือนปล้นกันชัดๆ ผู้ที่มีเงินเยอะยิ่งต้องจ่ายเยอะ เป็นพันเป็นหมื่น

 

เมื่อเห็นว่าชายสองคนไม่ได้พูด หลู่เจียวพูดด้วยใบหน้างุนงง 

 

"มีปัญหาอะไร"

 

ฉีเหล่ยพูดก่อนเลยว่า "ท่านต้องการเงิน 20,000 ตำลึงเลยหรือ ถึงจะยอมรักษาให้้"

 

หลู่เจียวยิ้ม  "เจ้าคิดว่าเงินเยอะไหม แล้วชีวิตเจ้าล่ะ?"

 

ทันทีที่นางพูด ชายทั้งสองก็ไม่มีอะไรจะพูด ถ้ามันเป็นโรคที่คุกคามถึงชีวิต ไม่ต้องพูดถึงเงินแค่ 20,000 ตำลึง พวกเขาจะเต็มใจยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง ให้ด้วยซ้ำ

 

หลู่เจียวเพิกเฉยต่อกิริยาของชายทั้งสอง และกล่าวสืบต่อ 

 

"ทุกครั้งที่ข้ารักษาผู้ป่วย ข้าจะแบ่ง 50% กับเป่าเหอถัง เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้หรือไม่" 

 

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวหลิงเฟิง ก็ตกลงตามเงื่อนไขของหลู่เจียว

 

"ตกลง เอาตามนั้น" 

 

"ตกลงตามนั้น" หลู่เจียวไม่คิดว่าการมาในเมืองครั้งนี้ จะได้รับสัญญาธุรกิจครั้งใหญ่ นับว่าไม่เลวเลย เช่นนั้น ในตอนนี้ เท่ากับนางได้ผูกติดกับเป่าเหอถังไปแล้ว เมื่อมองแวบแรก นางก็พอจะรู้ว่า เจ้าของร้านยาหรือโรงหมอนี้ มีภูมิหลัง ไม่ธรรมดา หากนางคบหากับเขาเป็นคู่ค้า และทำงานด้วยกัน แม้ว่านางและเซี่ยหยุนจินจะหย่ากันในอนาคต นางก็จะมีงานทำและมีรายได้

 

หลู่เจียวมองไปที่ฉีเหล่ยซึ่งอยู่ด้านข้างและพูดว่า "เอาล่ะ มาคุยกันเรื่องผ่าตัด ในวันพรุ่งนี้"    

 

"ตกลง"    

 

ยามนั้น หลู่เจียวก็เริ่มคุยกับฉีเหล่ย เกี่ยวกับแผนการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการจัดการด้านห้องที่แยกอิสระ และปลอดเชื้อ แล้วเตรียมเตียงผ่าตัด หากไม่มีเตียงผ่าตัด อย่างน้อยก็หาเตียงเล็กๆที่เหมือนเตียงผ่าตัด ส่วนห้องปลอดเชื้อ ก็ต้องทำการฆ่าเชื้อ และทำให้ปลอดเชื้อ    

 

หลู่เจียวบอกฉีเหล่ย เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด และฉีเหล่ย ก็ตอบอย่างเคารพในทันที

 

“อาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการสิ่งเหล่านี้ให้เอง”    

 

หลู่เจียวเหลือบมองเขา และพบว่าผู้ชายคนนี้เคารพนางในฐานะอาจารย์จริงๆ ตอนนี้ ใบหน้าและดวงตาของเขาไม่มีการดูหมิ่น หรือรังเกียจที่นางเป็นสตรี เช่นนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน…    

 

“ตกลง เช่นนั้น ข้าก็ขอรบกวนเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้”    

 

หลังจากหลู่เจียวพูดจบ นางหยิบยาฆ่าเชื้อออกจากตะกร้าแล้วพูดกับฉีเหล่ย

 

"ก่อนที่ข้าจะมาถึง ในตอนเช้าพรุ่งนี้ เจ้าควรฆ่าเชื้อในห้องและอย่าปล่อยให้ใครเข้าไปเด็ดขาดเพราะจะทำให้ห้องปนเปื้อน"

 

"ตกลงครับอาจารย์" ฉีเหล่ยรับยาฆ่าเชื้อ หลู่เจียวลุกขึ้นและบอกลาจ้าวหลิงเฟิง 

 

“นายน้อย ข้าไปก่อน”

 

หลู่เจียวเพิ่งพูดจบ จ้าวหลิงเฟิง กล่าว “จ้าวหลิงเฟิง”

 

หลู่เจียวดูงุนงง และจ้าวหลิงเฟิงก็พูดอีกครั้ง “ข้าชื่อจ้าวหลิงเฟิง ท่านหญิงหลู่ ก็ต้องไม่เกรงใจ เรียกข้าว่าหลิงเฟิงก็ได้"

 

หลู่เจียวไม่ได้เรียกชื่อ จ้าวหลิงเฟิง แต่พูดอย่างสุภาพว่า "เช่นนั้น ข้าจะเรียกท่านจ้าวก็แล้วกันและข้าคงต้องไปแล้ว"

 

จ้าวหลิงเฟิง ก็เลิกคิ้วแล้วมองไปที่ผู้หญิงที่พึ่งเดินจากไป นางอ้วนมากก็จริง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ทั้งไม่ถ่อมตัว และไม่เย่อหยิ่ง กิริยามารยาทดี ดูมีความมั่นใจ และใจกว้าง เพียงแต่นางเป็นสาวบ้านนอก มีฝีมือทางการแพทย์สูงเป็นพิเศษ เมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างเขา นางกลับไม่มีเจตนา ของการปีนป่ายขึ้นที่สูงหรือพยายามเข้าหาเขา

 

ผู้หญิงคนนี้แตกต่างจากผู้หญิงที่มีดวงดาบนศีรษะที่อยู่เมืองหลวง

 

จ้าวหลิงเฟิงครุ่นคิด ว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่จริงๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นเรื่องแปลกแต่จริง และเป็นเรื่องเข้าใจยาก อยู่ตรงหน้าเขา…

 

ยามนั้นฉีเหล่ยก็ส่งหลู่เจียวออกไป

 

ทั้งสองเดินๆไป หลู่เจียวก็อธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัดในเช้าวันพรุ่งนี้ และข้อควรระวังในการจัดเตรียมห้อง ทบทวนให้ฉีเหล่ยฟังอีกครั้ง…

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป