เกิดใหม่ เป็นแม่ของตัวร้าย ในช่วงวัยเด็กในนิยาย แถมสามียังเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แต่พวกเขากลับอยากฆ่านาง นางจะอยู่สอนเด็กๆให้เป็นคนดีไม่กลายเป็นตัวร้ายในอนาคต หรือจะจากไปดี แต่เด็กพวกนี้ก็น่ารักจริงๆ...
เกิดใหม่ เป็นแม่ของตัวร้าย ในช่วงวัยเด็กในนิยาย แถมสามียังเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แต่พวกเขากลับอยากฆ่านาง นางจะอยู่สอนเด็กๆให้เป็นคนดีไม่กลายเป็นตัวร้ายในอนาคต หรือจะจากไปดี แต่เด็กพวกนี้ก็น่ารักจริงๆ...
เด็กน้อยทั้งสี่ตามโกวจื่อไปและรีบหยิบลูกสุนัขตัวหนึ่งไว้อย่างรวดเร็วกลัวว่าโกวจื่อจะเปลี่ยนใจซึ่งเป็นสุนัขสีดำปุกปุยที่มีขนสีดำทั่วทั้งตัวและมีขนสีเหลืองเป็นวงกลมรอบคอต้าเป่ากอดอยู่ในอ้อมแขนของเขาและดูมีความสุขมากเด็กๆอีกสามคนก็มองอย่างตื่นเต้นเมื่อมองไปที่ลูกสุนัขตัวนั้น
บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ติดตามมาด้านหลังและเดินตามเด็กน้อยอย่างไม่รีบร้อนอันใด
เมื่อเห็นว่าสมบัติใหญ่อุ้มเอาลูกหมาไว้ตัวหนึ่งหลู่เจียวจึงหันไปพูดกับย่าสามอย่างเขินอายว่า
“ท่านย่าสามนี่มันน่าอายจริงๆ”
ย่าสามยิ้มและโบกมือ"ข้าไม่สามารถเลี้ยงลูกสุนัขแบบนี้ไว้ที่บ้านได้อยู่แล้วข้าก็กำลังถามคนอื่นๆอยู่พอดีว่าจะมีใครต้องการหรือเปล่าถ้าเจ้าต้องการเจ้าก็เอาไปได้"
หลู่เจียวเลิกคิ้วมองไปที่ท่านย่าสามแล้วถามว่า"ท่านต้องการแจกลูกสุนัขตัวอื่นด้วยหรือไม่"
ท่านย่าสามมองมาที่นางหากนางอยากจะได้อีกซักตัวนางก็ไม่ปฏิเสธเพราะจริงๆนางก็ไม่ได้ต้องการเลี้ยงหมามากขนาดนั้นหมาครอกนี้คลอดลูกมาสี่ตัวเหลือไว้ซักสองตัวก็คงไม่มีปัญหาอะไรที่จะเลี้ยงดู
"เจ้าสามารถเลือกได้อีกตัวถ้าเจ้าต้องการ"
หลังจากได้ยินเรื่องนี้แฝดสี่มองดูหลู่เจียวด้วยความประหลาดใจ"ท่านแม่พวกเราเลี้ยงสองตัวเหรอ"
หลู่เจียวยิ้มและมองไปที่เด็กน้อยทั้งสี่"พวกเจ้าต้องการมันหรือเปล่า"
“ต้องการ”
เด็กน้อยทั้งสี่หันไปมองโกวจื่อซึ่งดูเหมือนเขาจะลังเลเล็กน้อยแต่โกวจื่อเป็นเด็กฉลาดเขาจึงหันไปหาต้าเปาแล้วพูดว่า
“ข้าให้อีกตัวได้แต่ถ้าป้าสามทำอะไรสนุกๆอีกในอนาคตพวกเจ้าจะต้องให้ข้าอันหนึ่ง”
ต้าเป่าคิดเกี่ยวกับมันและพยักหน้าทันที“ตกลง”
เด็กๆบรรลุข้อตกลงและเข้าไปกอดลูกสุนัขสีขาวที่มีจุดดำเล็กน้อยมาอีกตัว
หลังจากที่เด็กๆได้ลูกสุนัขหลู่เจียวก็พาเด็กน้อยทั้งสี่เตรียมจะจากไปก่อนจากไปนางขอให้พวกเขาบอกลาท่านย่าสามและป้าเจียงด้วย
นับจากนี้ไปนางจะไม่เพียงแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีของเด็กน้อยทั้งสี่เท่านั้นแต่ยังต้องสอนพวกเขาให้สุภาพกับผู้อื่นด้วย
แม้ว่านางต้องการญาติดีกับเซี่ยหยุนจินแต่ก็คงมากเท่าที่นางสามารถญาติดีด้วยได้แต่สำหรับเด็กๆนั้นนางก็ต้องสอนให้พวกเขาเป็นคนดีด้วย
….
แม่และลูกชายอุ้มลูกสุนัขสองตัวกลับบ้านไปแน่นอนว่าโกวจื่อก็ตามมาด้วยเช่นกันเพราะเขากำลังจะไปเอาแมลงปอไม้ไผ่
หลู่เจียวขอบคุณย่าสองถ้าไม่ใช่ท่านย่าสองนางคงไม่กล้าไปบ้านท่านย่าสามเพื่อขอลูกสุนัขส่งผลให้นางไม่เพียงต้องได้ลูกสุนัขสองตัวเท่านั้นแต่นางยังยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับย่าสามซึ่งเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ…
เด็กๆทั้งสี่กอดลูกสุนัขทั้งสองอย่างมีความสุขและกลับไปอวดเซี่ยหยุนจิน
เซี่ยหยุนจินที่อยู่ที่บ้านไม่ได้คาดคิดว่าหลู่เจียวจะยอมให้เด็กๆนำลูกสุนัข2ตัวมาเลี้ยงทุกวันนี้ผู้คนแทบไม่สามารถหาอาหารพอกินได้แต่นางถึงกับให้เด็กๆเลี้ยงสุนัขสองตัว…
เซี่ยหยุนจินเลิกคิ้วและมองไปที่สี่แฝดกล่าวว่า"แม่พวกเจ้าไม่โกรธเหรอ?"
หลู่เจียวเพิ่งเข้ามาและเมื่อนางได้ยินคำพูดของเซี่ยหยุนจินนางเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจ
"ข้าให้พวกเขาเอามาเองทำไมเจ้าคิดว่าข้าใจแคบเกินไป"
นางไม่สนใจเซี่ยหยุนจินและมองไปที่ต้าเป่า"แมลงปอไม้ไผ่เอาไว้โกวจื่อหรือยัง"
โกวจื่อพอมาถึงก็ได้รับแมลงปอไม้ไผ่แล้วเขายกขึ้นในมือของเขา"ป้าสามอยู่นี่แล้ว"
เขามองดูของเล่นในมืออย่างมีความสุข
หลู่เจียวเลิกคิ้วขึ้นและกำลังคิดว่านางน่าจะทำของเล่นให้เด็กๆทั้งสี่คนเพิ่มอีกซักหน่อยเพราะในยุคนี้มีกิจกรรมบันเทิงน้อยเกินไปสำหรับเด็ก
แต่ในขณะนี้ในบ้านก็มีลูกสุนัขสองตัวน่าจะพอทำให้เด็กๆมีกิจกรรมเพิ่มได้…
หลู่เจียวมองดูเด็กๆทั้งสี่อย่างครุ่นคิดและพูดอย่างจริงจังว่า
"พวกเจ้าจะต้องเลี้ยงลูกสุนัขสองตัวนี้ต่อไปในอนาคตการเลี้ยงสุนัขไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกสนานแต่เลี้ยงมันเหมือนเป็นเพื่อนเป็นครอบครัวสุนัขก็จะเป็นเพื่อนที่ดีของพวกเจ้าเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจจะเลี้ยงมันพวกเจ้าต้องรักษาความสะอาดให้มันให้อาหารมันและทำความสะอาดคอกสุนัขด้วยเข้าใจไหม…"
เสี่ยวซือเป่าพยักหน้าอย่างจริงจังในทันทีอย่างมั่นใจ"แม่เราจะดูแลเสี่ยวเฮยและฮัวฮัวอย่างดีแน่นอน"
หลู่เจียวรู้สึกประหลาดใจพวกมันมีชื่อแล้ว…
“เสี่ยวเฮยกับฮัวฮัว?”
ต้าเป่ากอดสุนัขสีดำ"นี่คือเสี่ยวเฮย"
เอ้อเป่ากอดสุนัขสีขาว"นี่คือฮัวฮัว"
“เอาล่ะก็ตามนั้นพวกเจ้าอย่าลืมให้อาหารและเราต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัยเมื่อสุนัขชินกับบ้านเราจะต้องอาบน้ำให้พวกมันก่อนจะกอด”
ด้านข้างโกวจื่อก็เดินออกมาทันทีและกล่าวว่า“ป้าสามหมาไม่ต้องอาบน้ำก็ได้มันลงไปแม่น้ำและอาบน้ำเองได้”
หลู่เจียวเลิกคิ้วและอธิบายว่าเหตุใดนางจึงต้องอาบน้ำให้สุนัข
“ถ้าเจ้าไม่อาบน้ำให้สุนัขหมัดก็จะขึ้นบนตัวสุนัขตอนนี้สุนัขยังเล็กอยู่และถ้าไม่สะอาดมันจะมีหมัด”หลังจากอธิบายนางก็หันไปกล่าวกับหยุนจินแล้วออกไป
“ดูพวกเด็กๆด้วยข้าจะออกไปปลูกผัก”
เซี่ยหยุนจินเฝ้าดูการจากไปของนางและมองไปที่เด็กสี่หรือห้าคนที่มีความสุขในห้องรู้สึกซับซ้อนมาก
เพียงไม่กี่วันเท่านั้นในบ้านไม่เพียงแต่มีอาหารเพียงพอแต่ยังมีลูกสุนัขอีกด้วยเจ้าตัวน้อยทั้งสี่ที่เคยขี้อายและขี้ขลาดมาก่อนไม่เพียงมีความสุขมากขึ้นแต่พวกเขายังมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ถูกเปลี่ยนโดยผู้หญิงคนนี้…
เซี่ยหยุนจินอดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีถ้าผู้หญิงคนนี้ดูแลเด็กน้อยทั้งสี่คนต่อไป…
….
นอกบ้านหลู่เจียวพบท่อนไม้ขนาดเล็กหนาๆหนึ่งท่อนไม่รู้เป็นไม้อะไรนางเอามาทำเป็นด้ามจอบและเริ่มแพ้วถางหญ้าและขุดยกร่องแปลงผักเพื่อเตรียมปลูกผัก…
นางไม่ได้ขอเมล็ดพันธุ์ผักหรืออะไรจากคนอื่นเลยในพื้นที่มิติของนางมีหัวหอมกระเทียมผักชีกะหล่ำปลีผักใบเขียวผักโขมกระเทียมเมล็ดพืชทุกชนิดแม้แต่ถั่วฝักยาวรังบวบมะเขือยาวมะเขือเทศก็ยังมี…
เดิมทีนางต้องการจะปลูกสิ่งเหล่านี้ในพื้นที่มิติแต่ภายหลังพบว่าในพื้นที่มิติมีพื้นที่น้อยเกินไปจึงไม่เป็นการดีที่จะเสียพื้นที่ไปนางจึงไม่ปลูกในนั้นเพิ่มแต่นำเมล็ดที่อยู่ในบ้านไม้ไผ่ในพื้นที่มิติมาปลูกข้างนอกแทนอีกทั้งยังสามารถบอกที่มาของผักได้หากนางหยิบเอาผักในพื้นที่มิติมาบ่อยๆคนก็จะสงสัยเอาได้ว่านางไปหาผักมาจากไหน…
สิ่งของในพื้นที่มิติก็ไม่เลวสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานดังนั้นเมล็ดพืชจึงไม่มีปัญหาใดๆถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันอยู่มานานแค่ไหนแต่มันก็น่าจะยังนำมาใช้ปลูกได้…
….
ในครึ่งวันหลู่เจียวได้ขุดดินสองผืนที่สวนหน้าบ้านแล้ววิ่งไปที่หลังบ้านและขุดพลิกผืนดินสองผืนออกมา
นางมีพละกำลังมากมายและการพลิกผืนดินด้วยจอบก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับนางและถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง
หลังจากแพ้วถางและพลิกผืนดินแล้วนางก็โรยเมล็ดพืชเมื่อเมล็ดถูกโรยและรดน้ำนางเอาน้ำพุจิตวิญญาณจากบ่อน้ำพุจิตวิญญาณมาราดรดลงไปแล้วนางก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้น
หลังจากที่รดน้ำพุจิตวิญญาณลงแปลงผักเมล็ดผักพวกนี้ก็จะงอกขึ้นเองในไม่ช้าแต่นางไม่กล้ารดน้ำพุจิตวิญญาณมากเกินไปเพราะกลัวว่ามันจะผิดปกติมากเกินไปและดึงดูดความสนใจจากคนอื่นๆมากเกินไปหลังจากนี้คงต้องรดน้ำธรรมดาในแปลงผัก…
ตอนเที่ยงนางกินข้าวและหั่นหัวหมูหมักจานหนึ่งแต่เซี่ยหยุนจินกินหัวใจหมูและเขาไม่กล้ากินมากเกินไปนอกจากนี้นางยังตุ๋นคัสตาร์ดไข่นุ่มๆหนึ่งชามให้เขาพร้อมทั้งน้ำซุบไข่
เด็กน้อยทั้งสี่คนดื่มน้ำซุปไข่คนละชามช่วยเติมโปรตีนในร่างกายพวกเขา
หลังอาหารซือเป่าน้อยตบท้องของเขาและพูดกับหลู่เจียวอย่างร่าเริงว่า"แม่ท้องของข้าเหมือนกลองเลย"
หลู่เจียวกลัวว่าเขาจะปวดท้องและให้เขายืนขึ้นและออกไปเดินย่อยอาหาร
“พาเสี่ยวเฮยและฮัวฮัวไปเดินเล่นในสวน”
ซือเสี่ยวจือรู้สึกมีชีวิตชีวาเมื่อได้ยินเรื่องนี้และเขาก็รีบพาลูกสุนัขสองตัวออกไปเดินเล่นอย่างมีความสุขแต่เมื่อลูกสุนัขมาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยครั้งแรกมันก็ขี้อายมากไม่กล้าเล่นมากเกินไปลูกสี่คนก็พาสุนัขสองตัวนั้นไปสร้างคอกสุนัขสำหรับพวกมัน
ในห้องนั้นหลู่เจียวป้อนอาหารเซี่ยหยุนจินและกล่าวว่า“เจ้าตัวเล็กทั้งสี่จะงีบหลับในภายหลังข้าวางแผนที่จะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเอาเหยื่อและนำมันกลับไปที่บ้านแม่ของข้าในวันพรุ่งนี้คงไม่ดีเท่าไหร่หากกลับไปมือเปล่า"
เซี่ยหยุนจินอดคิดไม่ได้ว่าดูเหมือนว่าหลู่เจียวจะทำงานไม่หยุดทั้งวัน
เมื่อมองดูเขาก็พบว่าหลู่เจียวดูเหมือนจะผอมลงเล็กน้อยและไม่เพียงนางจะผอมลงผิวของนางก็ดีขึ้นเรื่อยๆและตอนนี้นางก็อยู่ใกล้เขามากจนเขาได้กลิ่นที่หอมหวานบนร่างกายของนางซึ่งดีมาก…