Your Wishlist

โปรแกรมเมอร์ธรรมดา (ลองท่องโลกอื่น)

Author: เพื่อนคนหนึ่ง

ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง

จำนวนตอน :

ลองท่องโลกอื่น

  • 26/05/2565

บางครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไม่ได้เป็นดั่งใจเราทุกอย่าง…

 

……

 

เมื่อกลับถึงบ้าน หลังจากทำธุระเสร็จ หม่ากั๋วหมิงก็เข้านอน เขาเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา หลังจากที่เขาได้ทดลองหลายอย่าง ทำให้รู้ว่าภายในนี้เวลาไม่เท่ากับภายนอก อยู่ภายในนี้สิบชั่วโมง แต่พอออกไป มันกลับผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น นั่นเท่ากับต่างกันสิบเท่า และไม่เพียงถอดจิตเข้ามา แต่เป็นการเข้ามาทั้งตัว

 

แต่นั่นคือการทดลองเป็นชั่วโมง เขายังไม่ได้ทดลองเป็นวัน เดือน ปีหรือหลายปี แต่คาดว่าน่าจะไม่ต่างกัน นั่นคือเวลาต่างกันสิบเท่า

 

สิ่งนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเขาสามารถเข้ามาซุ่มฝึกฝีมือฝึกตนในนี้ได้ และมีเวลามากขึ้น ข้อเสียคือ อะไรก็ตามที่นำเข้ามาเก็บไว้ในนี้ มันจะเก่าเร็วมาก และก็ไม่แน่ว่า หากเขาเข้ามาอยู่ในนี้ แล้วเผลอหลับไป เวลาอาจจะผ่านไปเป็นเดือนหรืิอเป็นปี พอออกไป ก็จะกลายเป็นชายแก่ทันทีก็เป็นไปได้ 

 

ดูอย่างไม้ไผ่ที่ตัดมาจากบนเขา ที่ตอนใส่เข้าไปมันยังเขียวๆ เมื่อเอาออกไปวางในลานบ้าน มันกลับกลายเป็นไม้ไผ่ที่คล้ายตัดมาแล้วหลายวัน คาดว่าภายในมิติช่องว่างของเขา มันจะดูดน้ำหรือความชื้นออกจากไม้ไผ่ไปด้วย คล้ายไม้ไผ่ที่ถูกย่างด้วยเปลวไฟ

 

 

ในนี้มันไม่ได้เหมือนพื้นที่มิติในนิยายส่วนใหญ่ ที่เวลามันจะหยุดนิ่งลง แต่กลับกลายเป็นเวลาเดินเร็วขึ้นแทน 

 

ในนี้นั้นเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นศูนย์กลางของพื้นที่มิติ ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็จะเป็นศูนย์กลางของพื้นที่ตลอด แต่จะว่าไปแล้ว เหอโสว่อูที่เขาเก็บไว้ในพื้นที่มิติแห่งนี้ ที่ขุดมาจากบนเขา ที่เป็นหัวหลักของมัน แทนที่มันจะแห้งเหี่ยว กลายเป็นโสมแห้ง แต่มันกลับดูเหมือนยังมีชีวิตอยู่ ต้นและใบมันยังเขียวขจีและยังงอกใบอ่อนออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่มีกระถางดิน หรืออะไรก็ตาม แต่ดูเหมือนจะยังมีชีวิตอยู่ หากเอาไปปลูกที่อื่น มันก็อาจจะมีชีวิตต่อไปก็เป็นไปได้

 

เป็นไปได้หรือไม่ว่า หากปลูกสมุนไพรอย่างอื่นในนี้ ก็สามารถทำได้ แม้ว่ามันจะไม่มีแสงอาทิตย์หรือรดน้ำก็ตาม และในนี้ มันก็ยังช่วยเพิ่มอายุสมุนไพร เหมือนกับที่บิดาช่วยเร่งการเจริญเติบโตของโสมภูเขาสิบเท่า 

 

หม่ากั๋วหมิง อยากทดลองและศึกษาเรื่องนี้ แต่คงต้องรอหลังจากนี้

 

ในพื้นที่มิติแห่งนี้ คล้ายห้องๆหนึ่ง ที่มีลักษณะทรงกลม คล้ายกำลังอยู่ในลูกบอลหยกเพลิงก้อนนั้น และมันยังคล้ายห้วงอวกาศ อันมืดมนอนธการ เมื่อเขาสามารถควบคุมแสงสว่างภายในได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาก็สามารถควบคุมสนามพลังของพื้นที่มิติได้ด้วย หม่ากั๋วหมิงพยายามเพ่งจิตตัวเอง ว่าตัวเขากำลังลอยตัวขึ้น เหมือนตัวเขาหลุดจากแรงโน้มถ่วงของพื้นดิน

 

หลังจากการทดลองอยู่หลายรอบ ผลปรากฏว่าเขาสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงหรือสนามพลังภายในพื้นที่มิติแห่งนี้ได้จริงๆ เขาสามารถแหวกว่ายอากาศอยู่ภายใน เหมือนดั่งกับกำลังว่ายน้ำ ลอยตัวตีลังกาได้ เหมือนกับอยู่ในห้วงอวกาศ หรืออยู่ในยานอวกาศที่ไม่ได้มีเครื่องกำเนิดแรงโน้มถ่วงเสมือน

 

แน่นอนว่า สิ่งของอย่างอื่นที่อยู่ในนี้นั้นก็ลอยเคว้งคว้างบนอากาศอยู่ด้วยเหมือนกัน 

 

หลังจากทดลองอยู่หลายนาที เขาก็สั่งให้ทุกอย่างกลับที่เดิมและเป็นเหมือนเดิม ดูเหมือนว่า เขายังคิดไม่ออกว่าจะใช้พื้นที่มิตินี้ทำอะไรได้บ้าง หม่ากั๋วหมิงรีบออกมา เมื่อไม่ได้ทำอะไรในนั้นแล้ว เพราะกลัวว่าตัวเองจะแก่เร็วเกินไป…

 

 

ก่อนเข้านอน เขานั่งเข้าฌานและโคจรลมปราณไปตามจุดชีพจรต่างๆ ตามที่เขาได้ศึกษามาจากลัทธิเต๋าในโลกก่อน พยายามสร้างตันเถียนตัวเองขึ้นมา หาจุดกึ่งกลางชีวิตของตัวเอง ในทะเลจิตของเขาในตอนนี้ ไม่ได้มีแต่เฉพาะสีขาว สีดำ เท่านั้น แต่มันยังมีแสงหลากสี และมีสีแดงที่ค่อนข้างโดดเด่น อยู่ท่ามกลางสีทั้งหลาย สีหลากสีพวกนั้น พวกมันต่างดิ้นรนไปมา ไม่สามารถก่อรวมเป็นหนึ่งได้ โชคดีที่สีแดง ไม่ได้ดิ้นรน หรือกระพริบล่องลอยไปมา แต่มันกลับหยุดนิ่ง 

 

หม่ากั๋วหมิงจึงได้จับสีแดงเพ่งให้มันกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังงาน และกลายเป็นตันเถียนของตัวเองในที่สุด 

 

ดูเหมือนว่า เจ้าก้อนกลมสีแดงนี้ มันจะเป็นลูกบอลหยกเพลิงของเขานั่นเอง หม่ากั๋วหมิงเพ่งจิตเข้าไปในตันเถียนสีแดงนั้น แล้วจิตของเขาก็หลุดเข้าไปมิติของลูกบอลหยกเพลิง การหลุดเข้ามาในครั้งนี้ ไม่ใช่หลุดเข้ามาทั้งตัว แต่เป็นการหลุดเข้ามาเฉพาะจิตวิญญาณ อยู่ในร่างจิตวิญญาณ โปร่งใสโปร่งแสง เขาไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะไม่มีร่างกาย จึงคล้ายไม่มีประสาทสัมผัสทั้งห้า แต่สัมผัสที่หก หรือพลังจิตนั้น กลับแข็งแกร่งขึ้นมาก เขาสามารถรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง คล้ายว่าในตันเถียนของเขานั้นจะมีประตู อยู่หลายประตู อยู่โดยรอบ เขาไม่รู้ว่า ประตูพวกนั้นมีไว้ทำอะไร ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงลองเข้าไปในประตูบานหนึ่ง 

 

 

หลังออกจากประตู หม่ากั๋วหมิงรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ารอบด้านมืดสนิทคล้ายกำลังจมอยู่ใต้ดิน เขาครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วพยายามลอยขึ้นไปด้านบนเหนือพื้นดิน และแล้วมันก็เป็นไปอย่างที่ได้คิดเอาไว้ นี่เป็นป่าแห่งหนึ่ง และพื้นดินที่เขาพึ่งลอยขึ้นมานั้น ก็มีต้นเหอโสว่อูอยู่ต้นหนึ่ง นั่นคือเหอโสว่อูต้นเดียวกันเขาเคยขุดมาจากในป่าหรือเปล่า เขาก็ไม่แน่ใจ และเมื่อเขามองดูโดยรอบแล้วนั้น ทำให้เขารู้ว่า นี่ไม่ใช่โลกเดียวกันกับที่เขาอยู่

 

ด้วยการที่เขาเป็นนักเดินทาง จากโลกหนึ่งไปอีกโลกหนึ่งมาครั้งหนึ่ง ทำให้เขาเข้าใจได้ในที่สุด นี่มันอาจจะเป็นอีกโลกหนึ่ง ที่มีความจริงต่างกันต่างมิติ ในโลกนี้ ก็อาจจะมีหม่ากั๋วหมิงอีกคน เพียงแต่ไม่รู้ว่าหม่ากั๋วหมิงในโลกนี้ จะร่ำรวยหรือยากจน แต่เมื่อดูจากที่ยังไม่มีใครมาขุดต้นเหอโสว่อู ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า หม่ากั๋วหมิงในโลกนี้ ยังไม่ได้มาเจอที่นี่

 

 

เพื่อความชัวร์ หม่ากั๋วหมิงทดสอบมุดลงไปใต้ดิน มุดเข้าไปในลูกบอลหยกเพลิง เมื่อมองหาประตูอีกครั้ง เขาก็สัมผัสได้ถึงประตูที่กลับไปที่พื้นที่มิติของเขาได้ เขาทดลองกลับออกไปเข้าร่าง ผลปรากฏว่า การเดินทางนั้นไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ไปๆมาๆได้ นั่นเท่ากับว่า ในตอนนี้นั้น เขาสามารถเดินทางข้ามจักรวาล ไปยังความจริงอื่นหรือมิติอื่นได้ด้วย

 

สิ่งนี้มันล่อตาล่อใจให้อยากรู้อยากเห็น หม่ากั๋วหมิงจึงย้อนกระบวนการ ถอดจิตมุดเข้าไปในตันเถียนของตัวเอง ที่สร้างมาจากลูกบอลหยกเพลิง เขามองหาประตูอีกประตู แล้วเปิดประตูมิติเข้าไป 

 

 

ในอีกโลกนั้น 

 

หม่ากั๋วหมิง กลับไม่ได้มุดออกมาจากใต้ดิน เพราะเข้าอีกประตู เขาจึงมุดออกมาจากก้อนกลม ลูกบอลหยกเพลิง ที่วางอยู่ในห้องๆหนึ่ง คาดว่าในโลกนี้ น่าจะมีคนขุดเหอโสว่อูขึ้นมาแล้ว และเก็บลูกบอลหยกเพลิงมาด้วย หรือว่าจะมีคนซื้อมาเพราะคิดว่ามันเป็นหยกสีเลือดที่มีคุณภาพดี ซื้อมาเก็บไว้ตกแต่งบ้าน ก็เป็นไปได้

 

หม่ากั๋วหมิงล่องลอยเหมือนภูติผี และสำรวจโดยรอบ ก็พบว่า ลูกบอลหยกเพลิงนี้ คล้ายอยู่ในห้องนอน ขนาดใหญ่แต่หยกก็ตั้งวางไว้โชว์ เขายังพบลูกบอลหยกเขียวอีกก้อน ที่อยู่ไม่ไกล แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีลูกบอลหยกธาตุอื่น 

 

หม่ากั๋วหมิงล่องลอยออกมาจากห้องโถง ก็พบว่า ตัวเองนั้นกำลังอยู่ในบ้านที่คล้ายคฤหาสน์ขนาดใหญ่ เมื่อลอยออกมานอกคฤหาสน์ ก็พบว่าอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล ที่หรูหราอลังการกว้างใหญ่ไพศาล แต่เงียบสงบ แต่เขาก็ที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะไม่มีจุดสังเกตอะไรเลย น่าจะเป็นคฤหาสน์ส่วนตัว

 

หม่ากั๋วหมิง บินล่องลอยสำรวจโดยรอบ

 

ในห้องโถงที่มีสมบัติตั้งโชว์นั้น มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ดูเหมือนว่ามันจะมีกล้องวงจรปิด และยังมีแสงเลเซอร์ตรวจจับความร้อน และตรวจจับความเคลื่อนไหว แต่หม่ากั๋วหมิงก็สามารถข้ามผ่านพวกมันไปได้ เพราะว่าเขาอยู่ในรูปแบบจิตวิญญาณ มันจึงคล้ายๆกับภูติผีปิศาจ 

 

หม่ากั๋วหมิงทะลุห้องนั้นห้องนี้ สำรวจโดยรอบ ก็พบว่า มีผู้พักอาศัยอยู่เพียงไม่กี่คน นี่น่าจะคล้ายกับเป็นบ้านเศรษฐีบ้านหนึ่ง

 

หม่ากั๋วหมิงทะลุห้องหลายห้อง แล้วก็มาเจอกลับห้องๆหนึ่งที่อยู่ข้างกัน ที่มีคนอาศัยอยู่ ภายในห้องนั้นมีชายหญิงสองคน กำลังนัวเนียกันอยู่ น่าจะเป็นคนรักหรือผัวเมียกันหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่อสังเกตดีๆ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูไม่ค่อยมีสติ เหมือนคนเมาเหล้าหรือถูกวางยา ผู้ชายค่อนข้างขี้เหร่เตี้ยๆอ้วนๆ สูงน่าจะ 175 แต่น่าจะหนักเกือบร้อยโล น้ำหนักส่วนใหญ่ไปอยู่ที่พุง ขาใหญ่แขนใหญ่ มองไปคล้ายหมีดำ แต่ตัวขาวน่าจะเรียกว่าคล้ายหมีขาว หน้าตาเหมือนอาเสี่ยหื่นกาม ส่วนผู้หญิงนั้นงดงามเหมือนดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ 

 

หุ่นของเธอก็ดีอีกด้วย เหมือนคนที่ออกกำลังกายเสมอ ตอนนี้เสื้อผ้าของเธอกำลังถูกฉุดกระชากถอดทิ้ง แต่ถึงแม้จะดูเหมือนคนเมา ไม่รู้ว่าเมายาหรือเมาเหล้า แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังพยายามปกป้องตัวเองอยู่ คล้ายว่าไม่สมยอม ไม่เต็มใจ เท่าไหร่นัก แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ที่จะต้านทานเอาไว้ได้

 

ชายอ้วนผู้นั้น เมื่อดูจากการแต่งตัว ก็ดูเหมือนจะเป็นลูกคนรวยรุ่นที่สอง น่าจะเป็นลูกของบ้านนี้หรือเปล่า อายุประมาณสามสิบต้นๆ ส่วนผู้หญิงนั้นน่าจะอายุน้อยกว่า น่าจะยี่สิบต้นๆหรือยี่สิบกลางๆ

 

ด้านนอกของห้องนั้น มีบอดี้การ์ดอีกสองคน คอยเฝ้าอยู่นอกประตู และมีผู้หญิงอีกคนที่พยายามจะเข้ามา และทำร้ายการ์ดหน้าประตูจนสลบ แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เพราะประตูนี้แน่นหนามาก และต้องเปิดจากด้านในเท่านั้น สตรีนางนั้น จึงค่อยข้างร้อนรน ทุบประตูตึงตังๆ ร้องเรียกให้คนข้างในเปิดประตู

 

 

หม่ากั๋วหมิงครุ่นคิด ตามหลักแล้วในโลกนี้ก็น่าจะมีหม่ากั๋วหมิงอีกคน เขาก็น่าจะเข้ายึดครองร่างของตัวเองในต่างโลกได้

 

แต่มันพอจะเป็นไปได้ไหม หากเขาจะสามารถสิงร่างคนอื่น ที่ไม่ใช่หม่ากั๋วหมิงได้ด้วย

 

หม่ากั๋วหมิงพยายามที่จะสิงร่างชายคนนั้น เพื่อทดลองดู ผลปรากฏว่า ไม่ได้ผลแต่อย่างใด เพียงทะลุผ่านธรรมดา ชายหนุ่มคนนั้น เพียงรู้สึกว่ามีอะไรหวิวๆผ่านกายเท่านั้น แต่ไม่สามารถสิงร่างเขาได้ และเมื่อลองสิงร่างของบอดี้การ์ด ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ทั้งที่พวกมันสลบไปแล้ว เมื่อเห็นดังนี้ หม่ากั๋วหมิงจึงเลิกสนใจ เพราะยังไงก็ทำอะไรไม่ได้

 

ในตอนนี้ชายอ้วนก็กำลังละเลงอย่างเมามันส์ ดูดยอดปทุมถันของเธออย่างหื่นกระหาย ทั้งบีบทั้งคลึง ทั้งไซร์ซอกคอ มองไปคล้ายชายอ้วน ก็กำลังเมายาอยู่เหมือนกัน แถมอาการหนักกว่าฝ่ายผู้หญิงเสียอีก 

 

หม่ากั๋วหมิงไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป ก็เลยลอยออกไปข้างนอก ล่องลอยสำรวจโลกนี้ต่อไป 

 

แต่เมื่อลอยออกจากคฤหาสน์เรื่อยๆแล้วนั้น มันเหมือนกับมีกำแพงบางๆกั้นขวางเอาไว้ และเหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้ ไม่ให้เขาไปได้ไกลกว่านี้ และเมื่อคำนวนจากระยะทางแล้ว น่าจะไปได้ไม่เกินสิบกิโลเมตร จากตำแหน่งของลูกบอลหยกเพลิง ที่เป็นจุดศูนย์กลาง

 

นั่นหมายความว่า เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะไม่สามารถค้นหาหม่ากั๋วหมิงในโลกนี้เจอ แล้วเข้ายึดร่างตัวเองในต่างโลก เมื่อไม่มีร่าง ตัวเองก็คล้ายภูติผี จับต้องอะไรไม่ได้ 

 

หม่ากั๋วหมิง จำต้องล่องลอยบินกลับมาที่คฤหาสน์

 

 

เหมือนมีอะไรดลใจ หม่ากั๋วหมิง จึงล่องลอยทะลุเข้าไปยังห้องที่กำลังเกิดเรื่อง และพอกลับมาอีกครั้งก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ สตรีที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วยสตรีอีกนางที่อยู่ในห้อง ก็เข้ามาในห้องเป็นผลสำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าชายอ้วนผู้นั้นได้ข่มขืนเธอสำเร็จหรือเปล่า แต่ตอนนี้มันใส่กางเกงอยู่ คาดว่าน่าจะไม่สำเร็จ ดูเหมือนสตรีนางนั้น จะยังมีโชคอยู่บ้าง

 

ชายอ้วนถูกสตรีนางนั้นที่เข้ามาช่วย เตะจนกระเด็น และถูกแตะอีกหลายครั้งจนสบักสบอม แล้วถูกสตรีนางนั้นทุบตีด้วยกำปั้น และใช้เท้าเหยียบคอของเขาเอาไว้ ชายอ้วนพยายามจะเอาเท้าของเธอออก แต่ทำไม่ได้ เป็นอะไรที่น่าอนาถและอดสูมาก แล้วมันก็เงียบเสียงไปหยุดดิ้นรน ไม่รู้ว่าสลบหรือว่าตกตายไปแล้ว และไม่รู้ว่าเธอได้นำมีดมาจากไหน แล้วเธอก็ปักมีดเสียบหน้าอกทะลุหัวใจ และยังเสียบอีกสองสามครั้ง ตรงท้อง คาดว่าแทงเพื่อความชัวร์หรือความแค้นก็ไม่อาจรู้ได้ คาดว่าชายอ้วนคนนั้นไม่น่ารอด แล้วสตรีที่เข้ามาช่วยก็ใส่เสื้อผ้าให้สตรีนางนั้น อย่างลวกๆ แล้วแบกพาเธอออกไป…

 

เธอสามารถกระโดดจากหน้าต่าง ลงจากชั้นสาม โดยที่กำลังแบกคนเอาไว้ และแลนดิ้งลงบนพื้นได้อย่างสบายๆโดยไม่บาดเจ็บ และกระโดดอีกสองสามครั้ง เคลื่อนที่ไปได้ไกลนับสิบเมตร กระโดดออกนอกกำแพง แล้วหายวับไป เธอน่าจะเป็นผู้วิเศษหรือผู้ฝึกตน มีกำลังภายในอะไรประมาณนั้นหรือเปล่า ไม่อาจทราบได้

 

 

จะว่าไปแล้ว ยามในบ้านนั้น แม้นมีหลายคน แต่หากยังไม่ตายก็สลบไสล สตรีคนเมื่อครู่นั้นค่อนข้างเก่งพอตัว และการ์ดพวกนี้ไม่มีใครสู้สตรีนางนั้นได้เลย

 

หม่ากั๋วหมิงนั่งดูชายอ้วนผู้นั้น และรอดูว่ามันจะมีวิญญาณอะไรออกมาจากร่างมันหรือเปล่า ผลปรากฏว่า มีเพียงกลุ่มควันสีดำ ลอยออกมาจากกลางลำตัว เขาว่ากันว่าวิญญาณสีดำ น่าจะเป็นวิญญาณขุ่นมัว หากออกมาจากปลายเท้า ก็คือมืดมนมาก หากออกมาจากกลางลำตัว แสดงว่าทำชั่วมาไม่น้อยแต่ชีวิตก็เคยทำความดีมาบ้าง หากออกมาทางหน้าผากหรือศีรษะ คือทำบุญมามาก หากมีสีขาวก็ยิ่งนักว่ามีบุญมาก ถือได้ว่าเป็นจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ แต่คนแบบนั้นน่าจะมีหนึ่งในล้านคน ส่วนใหญ่จะเป็นวิญญาณสีเทาลอยออกมาจากกลางลำตัว

 

กลุ่มควันสีดำ หรือจิตวิญญาณนั้นดูเหมือนจะโชคร้ายซ้ำสอง มันลอยมาทางหม่ากั๋วเทาพอดี เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ แล้ววิญญาณมันก็ถูกเปลวไฟของหม่ากั๋วหมิงเผาไหม้สูญสลายหายไป หรือถูกวิญญาณของหม่ากั๋วหมิงกลืนกินก็ไม่อาจรู้ได้ ตอนแรกหม่ากั๋วหมิงรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ที่วิญญาณสีดำพุ่งมาชน 

 

แต่เมื่อวิญญาณสีดำนั้นสูญสลายหายไป หม่ากั๋วหมิงก็รู้สึกแปลกๆ คล้ายวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้น หรือว่านี่ จะเป็นอีกหนึ่งวิธี ที่จะทำให้จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น

 

และไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจ หม่ากั๋วหมิง ลองทดสอบสิงร่างชายอ้วนอีกครั้ง อาจเป็นไปได้ว่า หากคนที่ใกล้ตายหรือตายแล้ว มันถึงจะสามารถสิงร่างได้ ก็เป็นไปได้

 

ในตอนนั้นเอง เมื่อหม่ากั๋วหมิงได้สิงร่างชายอ้วน มันกลับพบว่าสามารถสิงร่างได้เป็นผลสำเร็จ ถึงแม้จะยังไม่สามารถควบคุมร่างได้อย่างสมบูรณ์ทุกส่วน แต่เขาก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนใกล้ตาย รู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลออกไปจากร่าง แถมหัวใจก็เต้นช้ามาก พร้อมจะหยุดเต้นได้ตลอดเวลา คาดว่าหัวใจน่าจะถูกกระตุ้นเมื่อซักครู่ ตอนเขาเข้าสิงร่าง มันจึงกลับมาเต้นอีกครั้งอย่างแผ่วเบา

 

หม่ากั๋วหมิงพยายามดิ้นรนออกจากร่าง คงไม่ดีแน่หากร่างที่สิงสู่ ตายแล้วเขาเกิดตายตามไปด้วย วิญญาณสูญสลายหายไป คงเป็นอะไรที่ซวยมากๆ และเมื่อพยายามออกจากร่าง แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ เขาจึงตะเกียกตะกาย ลุกขึ้นพยายามเดินไปหาลูกบอลหยกเขียว 

 

ในห้องโถงที่โชว์สมบัตินั้น มีกระจกขวางกั้นอยู่ เขาหาอะไรแถวนั้นพังกระจก แล้วหยิบเอาลูกบอลหยกเขียวออกมา แล้วหม่ากั๋วหมิงก็หยดเลือดใส่เข้าไปเพื่อผูกติด แล้วทุบช่องข้างๆที่มีเห็ดหลินจือแดงอยู่ ใช้ลูกบอลหยกเขียวดูดซับพลังจากเห็ดหลินจือแดงดอกนั้น เท่ากับว่าตอนนี้ลูกบอลหยกเขียว มีพลังมากพอจะเปิดใช้งาน เขาเพ่งจิตเข้าไปเชื่อมประสาน เข้าไปในมิติช่องว่างของลูกบอลหยกเขียว และออกมา เขาเห็นเถาวัลย์ หรือรากไม้อะไรซักอย่างที่ตั้งโชว์ในกระจก เมื่อทุบเอามันออกมา ก็ให้ลูกบอลหยกเขียวดูดพลังจากมัน ถึงแม้มันจะเป็นไม้ที่ตายมานานแล้ว แต่มันก็น่าจะหลงเหลือพลังวิญญาณเอาไว้ไม่น้อย

 

โชคดีที่เขาคิดถูก รากไม้นั้นอยู่มาเป็นพันปี ทั้งยังเป็นของวิเศษ จึงมีพลังปราณวิญญาณอยู่ไม่น้อย เมื่อดูดพลังเสร็จลูกบอลหยกเขียวก็ส่งแสงสีเขียวเจิดจ้า เขารีบบังคับลูกบอลหยกเขียวให้บินกลับมา แล้วทำการเยียวยารักษาร่างกายให้ตัวเอง แทบเรียกได้ว่า ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด…

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป