ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ยามเมื่อถึงเวลา
วันอาทิตย์ตอนเช้า ครอบครัวหม่า ก็พากันลงจากภูเขา
การได้มาเดินป่า ตั้งแคมป์ในครั้งนี้ ก็ทำให้คนในครอบครัว ได้ฉุกคิดอะไรได้หลายอย่าง โดยเฉพาะหม่ากั๋วหมิง ที่เดินทางข้ามเวลาและเป็นคนจากต่างโลก ที่มีประสบการณ์ชีวิตในชาติก่อน อยู่กับความร่ำรวย จับจ่ายใช้เงินโดยไม่ต้องคิดมากอะไร หยิบจับอะไรล้วนเป็นเงินเป็นทอง แม้นขาดทุนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะล่มจม
แต่พอมาโลกนี้ชาตินี้ ทำอะไรก็ไม่ได้ราบรื่นมากนัก พอลงนิยายไปก็มีคนอ่านไม่มาก และไม่น่าจะทำเงินได้ ทำเพลงไป ก็มีคนโหลดไปฟังไม่มาก และไม่พอจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ พอสร้างแฟลตฟอร์มไลฟ์สด ถึงจะมีผู้ใช้งานเยอะมากก็จริง แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่เยอะมากตามไปด้วย และกว่าจะสร้างผลกำไรก็คงต้องลงทุนกันอีกนาน เพราะในยุคนี้เป็นยุคอดีต ไม่ได้หวือหวาเหมือนในยุคใหม่ในโลกอนาคตที่เขาเคยจากมา มันจะต้องรอช่วงเวลาอันเหมาะสม หรือลมตะวันออกเสียก่อน ตอนนี้ถือว่าเป็นเพียงการทดสอบน่านน้ำ
และที่สำคัญ ในชาตินี้ เขาก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยเงินจากบิดาเหมือนกับชาติที่แล้ว ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
และเมื่อคำนวนค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายออกไป เงินจำนวนนั้น คนในครอบครัวนี้สามารถใช้จ่ายได้ทั้งชีวิต โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ดังนั้น มารดาของหม่ากั๋วหมิงจึงได้พูดว่า จะทำอะไรมากมายให้ตัวเองลำบากทำไม มิสู้ใช้ชีวิตแบบธรรมดา เรียนมหาลัยธรรมดา จบแล้วก็กลับบ้านมาทำฟาร์มเกษตรธรรมดา หาภรรยาซักคนแต่งงานด้วย ใช้ชีวิตแบบสงบสุขจนแก่เฒ่าไม่ดีกว่าหรือ…
แต่จะว่าไปแล้ว การที่เขาได้พบเจอเรื่องราวมหัศจรรย์อย่าง ลูกบอลหยกเพลิง มันก็ไม่มีทางให้เขาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาได้อยู่แล้ว ดังนั้นการสร้างอิทธิพลในโลกอินเตอร์เน็ต ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องจำเป็น จะเป็นยังไง หากมีคนรู้ว่า ในครอบครัวนี้ ต่างก็เป็นผู้ฝึกตน ที่เป็นเหมือนผู้มีพลังวิเศษ อาจจะถูกจับตัวไปทดลอง หรือทำงานให้รัฐบาล อะไรทำนองนั้น เหมือนในหนังในละครหรือเปล่า… ดังนั้น การสร้างบริษัทหรือสร้างตัวตนให้ทรงพลัง มีอิทธิพล มันก็สำคัญเหมือนกัน
…
เมื่อคิดไปคิดมา ทุกคนในครอบครัว ก็พากันเดินมาถึงจุดที่เคยขุดเหอโสว่อู ที่มีอายุหลายพันปีขึ้นมา ในครั้งก่อน
เมื่อคิดๆดูแล้ว ในโลกนี้น่าจะมีผู้ฝึกตน เพียงแต่ไม่รู้ว่า คนเหล่านั้น พากันซุกซ่อนตัวกันอยู่ที่ไหน หรือพากันตกตายกันไปหมดแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ในเมื่อครอบครัวนี้ยังสามารถพบเจอ ลูกบอลหยกพลังธาตุได้ คนอื่นๆ ก็อาจจะพบเจอกับโชคลาภวาสนาของพวกเขาด้วยก็เป็นไปได้ และพากันซุ่มซ่อนฝึกตนอยู่
สำหรับความเป็นไปได้ที่ว่า โลกนี้มีผู้วิเศษ หรือผู้ที่สามารถใช้พลังวิเศษ มีของวิเศษ อะไรประมาณนั้นที่เหมือนกับลูกบอลหยกพลังธาตุ น่าจะมีประมาณห้าสิบๆ และมันก็อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป หากได้เจอกับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ เพราะไม่รู้ว่าพลังวิเศษพวกนี้ สามารถส่งต่อหรือถูกแย่งไปได้หรือเปล่า…
…
"พ่อ พวกเราควรแกะรอยงูยักษ์ตัวนั้นไปที่ถ้ำจำศีลของมันดีหรือเปล่า" หม่ากั๋วหมิง หันไปถามบิดา บางทีมันอาจจะมีไข่งู หรือสมบัติอื่นๆเหมือนกับลูกบอลหยกพลังธาตุ อะไรพวกนี้ หากตามไปที่ถ้ำของมัน
"วันนี้ยังพอมีเวลา แต่ถ้าหากมันไกลเกิน เราก็คงต้องแกะรอยมันวันหลัง" หม่ากั๋วเทาก็เอ่ยตอบ เดิมทีเขาก็คิดว่าจะตามไปดูถ้ำของมันเหมือนกัน ถึงแม้จะเสี่ยงอยู่บ้าง ที่จะเจองูยักษ์อีกตัวที่เป็นคู่ของมัน แต่ถ้าป้องกันดีๆก็น่าจะไม่มีปัญหา และก็อาจจะเจออะไรดีๆในรังของมัน ก็เป็นไปได้
เมื่อกล่าวจบ เขาก็เดินนำหน้าและแกะรอยงูยักษ์วันนั้น หลายอาทิตย์แล้ว หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ร่อยรอยก็สูญหายไปบ้าง แต่งูมันตัวใหญ่มาก จึงพอมีร่องรอยหลงเหลืออยู่บ้าง อีกทั้งหม่ากั๋วเทาก็มีความชำนาญในการแกะรอย ทั้งยังมีพลังธาตุไม้ จึงตามรอยของงูยักษ์ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร เมื่อดูจากรอยบนหญ้าและต้นไม้ต้นเล็กๆต่างๆพวกนั้น
หม่ากั๋วหมิง เดินรั้งท้าย คอยระวังหลัง ใจส่วนหนึ่งเขายังคิดเสียดายอยู่บ้าง วันนั้นเขาเก็บหยกเขียวได้ก่อนหยกแดง แต่ไม่ได้ผูกติดหยกเขียว ไม่งั้นเขาก็คงมีพลังธาตุไม้ เหมือนกับบิดา สามารถดูดพลังชีวิตจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปเพิ่มพลังชีวิตให้ต้นอื่นได้อย่างโสมภูเขา และขายทำเงิน นี่มันนิ้วทองคำ สกิลโกงของพระเอกในนิยายชัดๆ แถมดูเหมือนว่า จะสามารถถ่ายเทพลังชีวิตให้กับสัตว์ได้ด้วย ไม่แน่ก็อาจมีผลต่อคนด้วย เช่นนั้นก็สามารถกลายเป็นหมอเทวดา หากินได้ทั้งเรื่องในนิยาย กลายเป็นพระเอกได้เลย
แต่ตอนนี้เขามีพลังธาตุไฟ ถึงแม้มันจะรุนแรงในด้านการโจมตีและป้องกัน แต่ในด้านอื่นนั้นนับว่าอ่อนด้อย ที่สำคัญใช้หาเงินไม่ได้ แถมยังต้องปกปิด หลบซ่อนพลัง ไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์อะไร หรือว่าจะเอาไว้เล่นกลหาเงิน
…
ต้องใช้เวลาพอสมควร หม่ากั๋วเทาถึงได้ตามรอยงูยักษ์ตัวนั้น มาถึงจุดที่มันเลื้อยออกมาจากใต้ดิน มันเป็นโพรงขนาดใหญ่คล้ายถ้ำ คล้ายท่อระบายน้ำ อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพียงแต่มันไม่ใหญ่พอที่จะเดินเข้าไป มันต้องคลานหรือก้มมุดเข้าไปข้างใน เพราะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ ใหญ่พอๆกับลำตัวของงูยักษ์ตัวนั้น แต่ไม่ใหญ่พอจะให้คนตัวใหญ่เดินได้ คาดว่านี่น่าจะเป็นรูของงูยักษ์ตัวนั้น และมันน่าจะมุดออกมาจากใต้ดิน และใต้ดินนั้นอาจจะมีถ้ำของมันด้วยก็เป็นไปได้
หม่ากั๋วเทาดูเวลา แล้วจึงว่า
"ถ้าเราเปิดปากถ้ำให้ใหญ่กว่านี้ พวกเราก็สามารถเข้าไปได้ เพียงแต่วันนี้คงไม่ทันแล้ว"
หม่ากั๋วหมิง พอได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้เขาจะอยากเข้าไปสำรวจ ผจญภัยในถ้ำใต้ดินก็ตาม แต่มันคงต้องใช้เวลา คงจะดีหากมีเวลาเพิ่มอีกวันหรือสองวัน เพื่อขุดถ้ำให้ใหญ่กว่านี้
พอเห็นดังนี้ ทำให้เขานึกถึงโดรนตะขาบและโดรนแมงมุมในชาติก่อน ที่ใช้สำรวจถ้ำ หากมีโดรนแบบนั้นในโลกนี้ก็สามารถสำรวจถ้ำได้เลย เสียดายที่โลกนี้ยังไม่มี
แต่พอมาคิดๆดู ลูกบอลหยกเพลิงของเขา เขาก็สามารถบังคับการบินของมันได้ มันก็น่าจะใช้งานได้เหมือนโดรน หากเขาติดตั้งกล้องให้มัน ก็สามารถใช้มันเข้าไปสำรวจถ้ำได้ หรือว่ามันอาจง่ายกว่านั้น หากเขาสามารถเชื่อมจิตวิญญาณเข้ากับลูกบอลหยกเพลิงโดยตรง สามารถได้ยินและเห็นผ่านลูกบอลหยกเพลิงโดยตรง ระหว่างที่มันบิน ไม่รู้ว่าสามารถทำได้หรือเปล่า แต่ตามหลักการแล้วในนิยายส่วนใหญ่มันก็น่าจะทำได้ เพียงแต่เขาไม่รู้วิธีทำ หรือว่าต้องรอให้มีพลังปราณวิญญาณมากกว่านี้ เขาก็อาจจะสามารถทำได้เลยก็เป็นไปได้…
"วันพรุ่งนี้เด็กๆต้องไปโรงเรียน เอาไว้วันหลังเถอะ" จางซินอวี่ ผู้เป็นมารดาก็เอ่ยออกมาบ้าง
"โอเค ครับ เอาไว้สอบเสร็จปิดเทอมแล้วก็ได้ครับ" หม่ากั๋วหมิงเอ่ย
"โอเค ถ้างั้นกลับกันก่อน" หม่ากั๋วเทาก็สรุป หากิ่งไม้มาปิดโพรงถ้ำเอาไว้ และเดินนำหน้า พาทุกคนลงจากภูเขาไป
…
พอใกล้จะถึงบ้านแล้วนั้น หม่ากั๋วเทาก็ให้ภรรยากับลูกสาวกลับไปก่อน ส่วนตัวเองและลูกชายก็พากันตัดไม้ไผ่หรือต้นไผ่ เพื่อเอาลงเขาไปด้วย การขึ้นเขามาในครั้งนี้ ไม่เพียงมาแคมปิ้งธรรมดา แต่ยังมาเก็บฟืนและตัดต้นไผ่ลงเขาไปด้วย ไผ่พวกนี้สามารถเอาไปทำอะไรได้หลายอย่าง สามารถสร้างบ้านหรือกระท่อมไว้เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ได้
หม่ากั๋วเทาใช้มีดฟันต้นไผ่อย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้หม่ากั๋วหมิงเก็บเข้ามิติช่องว่างของเขาในลูกบอลหยกเพลิง
"เอ่อ พ่อ พลังธาตุของแม่นี่เป็นธาตุทอง ธาตุโลหะ ใช่ไหม ผมสงสัยว่า แม่น่าจะสามารถควบคุมพวกโลหะอย่างมีดที่ทำจากเหล็กอะไรพวกนี้ได้หรือเปล่าครับ"
"ไม่รู้นะ แม่ยังไม่ได้ลอง แต่วันก่อน แม่ได้ลองควบคุมทองแล้ว ผลปรากฏว่าสามารถทำได้ สามารถเปลี่ยนทองเป็นมีดเล่มเล็กๆและสั่งให้มันบินได้" หม่ากั๋วเทาตอบออกมาแทนภรรยาตน เพราะเขาเคยได้เห็นภรรยาลองทำแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ลองในโลหะอื่น สงสัยกลับไปต้องให้ภรรยาลองทำหน่อยแล้ว
หม่ากั๋วหมิงพอได้ยิน ก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย คงจะดีหากเขาสามารถควบคุมธาตุทองได้ อย่างเข็มทอง ที่สามารถใช้ฝังเข็มรักษาผู้ป่วยได้ มันก็จะหาเงินได้ และก็สามารถใช้เป็นอาวุธลับได้
"เอ่อผมว่านะ น้องเล็กเอง ก็น่าจะสัมผัสหยกหรืออัญมณีที่อยู่ในก้อนหินได้ ไม่แน่ว่าหากพวกเราพาน้องเล็กไปพนันหิน อาจเจอหยกดีๆอีกหลายก้อน…"
"พ่อว่าไม่ดีหรอก มันเสี่ยงมากเกินไป พลังวิเศษแบบนี้ล้วนมีแต่คนต้องการ อาจร้ายมากกว่าดี และตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา รอให้พวกเราแข็งแกร่งกว่านี้ พอที่จะดูแลตัวเองได้ ค่อยขยับขยาย…"
"โอเคครับพ่อ ถ้างั้นผมก็จะระวังด้วยเช่นกัน" หม่ากั๋วหมิงก็เห็นด้วย
หลังจากนั้น หม่ากั๋วหมิงและบิดาก็พากันตัดไผ่จนใกล้ค่ำ ถึงได้พากันลงจากเขาไป…