Your Wishlist

โปรแกรมเมอร์ธรรมดา (อยู่เฉยๆดีกว่าไหม)

Author: เพื่อนคนหนึ่ง

ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง

จำนวนตอน :

อยู่เฉยๆดีกว่าไหม

  • 26/05/2565

ระหว่างกินข้าวเย็น ทุกคนก็ได้พูดคุยกัน

 

"พ่อพึ่งค้นพบอะไรบางอย่าง" 

 

ลูกสาวพอได้ยินพ่อบอกแบบนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

 

"อะไรเหรอคะพ่อ" 

 

"หลายวันมานี้พ่อทดลองทำอะไรหลายอย่าง อยู่ดีๆพ่อก็ค้นพบว่า พ่อสามารถย้ายพลังชีวิตจากต้นไม้ต้นหนึ่ง ไปใส่ต้นไม้อีกต้นที่ใกล้ตายให้มีชีวิตขึ้นมาได้" หม่ากั๋วเทาเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น 

 

"โอ้โห พ่อเจ๋งมาก แล้วพ่อสามารถรักษาสัตว์ได้หรือเปล่าคะ" ลูกสาวเอ่ยถาม

 

"เอ่อ อันนี้พ่อยังไม่ได้ลอง ไม่รู้มันจะข้ามสายพันธุ์ได้หรือเปล่า"

 

"น่าจะได้นะครับ โดยหลักการแล้ว พลังชีวิตของพืช ก็คือพลังวิญญาณเหมือนกัน เพียงแต่ไม่สามารถชุบชีวิตได้เหมือนไม้ แต่รักษานั้นก็น่าจะพอทำได้ เพราะนักพรตเต๋า มีการฝึกใช้พลังปราณธาตุไม้ที่ใช้ในการรักษาได้ ผมเคยอ่านเจอ"

 

"ถ้างั้นพ่อจะลองทำดู" 

 

"คิก ถ้าพ่อทำสำเร็จ พ่อก็เป็นหมอรักษาคนไข้ได้เลย" 

 

"เป็นหมอสมัยใหม่คงเป็นไปไม่ได้หรอก หมอแผนจีนก็ต้องเรียนเรื่องปรุงยา เรื่องจุดชีพจร แต่พ่อแค่ใช้ฝ่ามือรักษาแบบโต้งๆ เดี่ยวคนเขาจะหาว่าพ่อเป็นภูติผีปิศาจ" 

 

"พ่อ ถ้างั้นเอางี้สิ พ่อก็เรียนฝังเข็ม แล้วใช้พลังปราณวิญญาณส่งเข้าเข็ม ไปตามจุดชีพจรต่างๆ เหมือนพวกหมอเทวดาไง เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพราะต้องอ่านหนังสือเรื่องจุดชีพจร และบางทีอาจต้องไปเรียนโดยตรง เพราะให้ได้ใบประกอบวิชาชีพแพทย์แผนจีน" 

 

"เอางั้นเหรอ พ่อแก่เกินไปหรือเปล่าที่จะไปเรียน"

 

"ไม่แก่หรอกพ่อ พ่อก็เคยบอกนี่ว่า คนเราไม่แก่เกินเรียน" 

 

"เอางี้สิ พ่อกับแม่ก็ไปเรียนแพทย์แผนจีนด้วยกันไปเลย เพราะยังไงตอนนี้พวกเราก็รวยแล้ว อยู่ว่างๆก็ไปศึกษาหาความรู้อะไรใหม่ๆ"

 

"คิก แม่ก็ต้องไปด้วยเหรอ" จางซินอวี่ หัวเราะคิกเอ่ยออกมา

 

"แม่ครับ ธาตุทองนั้นก็เป็นพลังในการรักษาเหมือนกัน แต่เป็นพลังในการเยียวยา ผมเคยอ่านเจอ กระทั่งคนบาดเจ็บใกล้ตาย ก็มีอาคมธาตุทองสามารถรักษาคนผู้นั้นให้รอดตายได้"

 

"ที่บอกว่าอ่านมานี่ มันเป็นการ์ตูนหรือเปล่า"

 

"ฮึ่ ไม่ใช่นะแม่ ผมอ่านมาจากหนังสือ การฝึกตนบำเพ็ญเพียรของนักพรตเต๋า และของพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับยิ่งใหญ่อะไร ในวัดหรืออารามเต๋าก็มีให้ศึกษา บรรดาคนแต่งนิยายหรือมังงะ ก็เอาจากตำราพวกนี้แหละมาดัดแปลง จิตนาการเสริมแต่งเข้าไป เรื่องราวมันจึงดูน่าเหลือเชื่อมากเกินไป และที่เห็นในการ์ตูนจึงไม่ใช่เรื่องที่ผู้แต่งจินตนาการขึ้นมาทั้งหมด อย่างน้อยก็มีความจริงอยู่สามส่วน"

 

พ่อและแม่เมื่อได้ยินก็พากันมองหน้ากัน แล้วอมยิ้ม คาดว่าคงจะไม่ค่อยเชื่อลูกชายเท่าไหร่ หม่ากั๋วหมิงจึงไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม เพราะพ่อและแม่ก็คงเข้าใจในแบบของท่าน แต่ก็คงสามารถปรับตัวให้เข้ากับพลังของตัวเองได้ในไม่ช้า เพราะทุกคนสามารถมีพื้นที่มิติเก็บของ และความสามารถอื่นๆอีกหลายอย่าง หากจะเพิ่มอีกซักอย่างสองอย่าง ก็คงไม่แปลกใจอะไรอีกแล้ว…

 

"แล้วตอนนี้โปรแกรมอะไรของลูกไปถึงไหนแล้ว" ผู้เป็นมารดาถามออกมาบ้าง

 

"ก็มีสมาชิกหลายแสนคนแล้วครับแม่ เพียงแต่ตอนนี้ก็มีค่าใช้จ่ายพอสมควร ต้องเปิดให้ใช้ฟรีซักสองถึงสามปี ถึงจะเริ่มหารายได้… หรือมีสมาชิกซัก 5-10 ล้านคนขึ้นไป ก็น่าจะรับโฆษณาในแฟลตฟอร์มได้แล้ว… แต่ถ้าหากเราอยากเงินสนับสนุนเร็วๆ ผู้ใช้แค่หนึ่งล้านคน ก็น่าจะพอเลี้ยงตัวเองได้…" 

 

พอได้ยินผู้เป็นมารดารู้สึกแปลกๆ หันไปดูผู้เป็นสามี แล้วหันกลับมาเอ่ย

 

"เราทำงานก็เพื่อหาเงิน เพื่อความร่ำรวย จะดีกว่าไหม หากเรามีเงินและเรารวยแล้ว ก็ไม่ต้องทำงานหรือทำอะไรใหม่ๆพวกนั้นให้มันวุ่นวายใจ เมื่อเรามีเงินแล้ว เราก็อยู่เงียบๆ ไม่ดีกว่าเหรอ และลูกก็จะได้มุ่งเน้นไปที่การเรียน ลูกลองคิดดูดีๆนะ"

 

หม่ากั๋วหมิงก็เข้าใจทันทีในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก คือตอนนี้ทางบ้านพอมีเงินบ้างแล้ว ไม่เดือดร้อน อยากให้เขาตั้งใจเรียนมากกว่า จะได้ไม่เหนื่อยมาก ใจจริงเขาก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน แฟลตฟอร์มแบบที่เขาสร้าง แม้ว่าเขาจะไม่ได้สร้างขึ้นมา ในโลกนี้ ก็จะมีคนสร้างมันขึ้นมาอยู่ดี ในอนาคต เพียงแต่จะมาในชื่ออื่น แต่เขาชอบสร้างสรรอะไรใหม่ๆขึ้นมาแบบนี้มากกว่า ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการหารายได้ไปซะทุกอย่าง เขามีความสุขที่ได้ทำ เพียงแต่ต้องบอกให้แม่สบายใจซักหน่อย

 

"ไม่เป็นไรครับแม่ ผมจะแบ่งเวลาอย่างดี และเดี่ยวผมจะให้พ่อช่วยตั้งบริษัทและหาผู้ช่วยมาช่วยงาน"

 

หม่ากั๋วเทาคิดอยากจะพูดอะไรซักหน่อย แต่ไม่อยากขัดภรรยา จึงไม่พูดอะไร เขาคิดว่าเป็นการดีที่จะให้ลูกได้หัดทำธุรกิจ แม้ว่าจะสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่เมื่อคิดว่าเป็นเงินที่ซื้อประสบการณ์ มันก็คุ้มค่าที่จะลงทุน ในอดีตเขาไม่ได้มีบิดาร่ำรวย เขาถึงลำบาก เขาไม่อยากให้ลูกของตัวเองลำบากเหมือนเขา จนเกิดความน้อยต่ำใจแบบเด็กๆ เขาจึงเห็นด้วยที่หม่ากั๋วหมิงจะหัดลงทุนทำธุรกิจ เหมือนกับลูกคนรวยรุ่นสอง…

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป