ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
หลายวันผ่านไป
เป็นวันเสาร์อีกวัน ซึ่งเสาร์ อาทิตย์หน้า ก็จะมีการแข่งขันกีฬาชั้นปี
ในตอนนี้ โรงเรียนออกนโยบายใหม่ ไม่ให้มีการรบกวนนักเรียนอ่านหนังสือ และเรียนหนังสือ จึงจัดแข่งกีฬาชั้นปีแค่สองวัน แถมยังเป็นเสาร์อาทิตย์ ดังนั้น กีฬาบางประเภท จึงต้องมีการจัดตารางเวลาใหม่ อย่างเช่นบาสเกตบอลก็แข่งวันเสาร์ ส่วนฟุตบอลก็แข่งวันอาทิตย์ และตัดสินกันภายในวันนั้นเลย ซึ่งหากจะไปถึงรอบชิงชนะเลิศ นั่นหมายความว่า จะต้องแข่งสามรอบ กีฬาอย่างอื่นๆก็มีการแข่งคล้ายๆกัน
มีการแข่ง รอบคัดออก รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ
เสาร์อาทิตย์นี้ หลายห้องจึงพากันซ้อมใหญ่ แต่สำหรับห้อง 5 นั้น ไม่ได้จัดให้มีการซ้อม เพราะทุกคนต่างก็มั่นใจ และอยากพักผ่อนมากกว่า จึงต่างคนต่างอยู่บ้าน ต่างคนต่างทำธุระของตัวเอง
ส่วนหม่ากั๋วหมิงและครอบครัว วันนี้พากันขึ้นเขา ถือเป็นกิจกรรมในครอบครัวอย่างหนึ่ง…
…
การขึ้นเขาในครั้งนี้ ต่างจากครั้งก่อนหน้า ไม่ใช่เพื่อหาสมุนไพร แต่เพื่อท่องป่าล่องไพรโดยเฉพาะ การเตรียมตัวนั้นสามารถนำทุกอย่างขึ้นเขาไปได้ เพราะว่าทุกคนสามารถนำบางอย่างที่แบกไม่ได้ใส่เอาไว้ในพื้นที่มิติของใครของมันได้
ในพื้นที่มิติของหม่ากั๋วหมิง ก็เป็นเหมือนห้องส่วนตัวของเขา มีเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่าง โต๊ะตู้เตียงเก้าอี้ เสื้อผ้าหลายตัว เพียงแต่ไม่มีคอมพิวเตอร์ เพราะมันไม่มีไฟฟ้าใช้ คงต้องคิดหาเครื่องสำรองไฟ หรือเครื่องปั่นไฟซื้อเก็บเอาไปไว้ข้างใน หรือซื้อโน็ตบุ๊คอันเล็กๆซักอันจะได้สะดวก ว่างๆเมื่อเข้าเมืองอีกครั้ง เขาคิดว่าจะซื้อหาของพวกนี้เอาไว้ทั้งหมด…
การเข้าป่าในครั้งนี้ ก็เพราะว่าตอนนี้เหอโสว่อู ได้ผ่านกรมวิธีการนึ่ง กลั่นยาเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นหัวลูกหัวหลานของมัน ยังไม่ใช่หัวหลัก ที่อายุหลายพันปี เมื่อทดลองกิน มันกลับส่งผลทางร่างกายพอสมควร เพราะมันอัดแน่นไปด้วยพลังปราณ
สำหรับคนทั่วไปกินแล้ว อาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่สำหรับครอบครัวนี้ ที่ฝึกพลังปราณ จึงต้องฝึกในการดูดซับพลัง และกักเก็บพลัง จากเหอโสว่อู ถือเอาโอกาสนี้ในการเรียนรู้ร่วมกัน
…
หลังจากเดินป่าเข้าไปลึกพอสมควร ก็พากันตั้งเต็นท์พักแรม และทำอาหาร ในตอนเย็น
เมื่อสอนวิธีการดูดซับพลัง แล้วนำพลังไปกักเก็บไว้ในจุดตันเถียน ผู้ที่สามารถทำสำเร็จได้คนแรกกลับเป็น หม่าจือฉุน คาดว่าเธอจะมีพรสวรรค์ในการฝึกตน และคงมีรากวิญญาณ อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า
เมื่อมีพลังมากขึ้น ในตอนนี้ หม่าจือฉุนสามารถทำให้ก้อนหินขนาดเท่าลูกฟุตบอลกลายเป็นก้อนดินเหนียว และปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของมันออกมาได้ตามใจ เหมือนปั้นดินเหนียว
คนที่สองก็คือหม่ากั๋วเทา เขาสามารถควบคุมท่อนไม้ที่ใหญ่เท่าขา และยาวมากกว่าสามเมตร ให้กลายเป็นไม้อ่อนดัดเป็นรูปร่างได้เช่นเดียวกัน
ส่วนมารดา จางซินอวี่ นั้น ก็สามารถปรับแต่งรูปร่างของทองคำแท่ง หนึ่งกิโลกรัม ให้ปรับเปลี่ยนกลายเป็นรูปร่างต่างๆได้ ซึ่งคุณสมบัตินี้ไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก เพราะช่างทองทั่วไปก็ทำได้เช่นกัน และคงจะดีหากเธอสามารถหาสายแร่ทองบนภูเขาได้ เพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงทองใต้พื้นดิน
สำหรับหม่ากั๋วหมิง ก็สามารถสั่งไฟให้กลายเป็นรูปร่างต่างๆได้เหมือนกับการเล่นกลไฟ
เพียงแต่ บิดา มารดา และน้องสาว ยังไม่สามารถสั่งให้ของที่ตัวเองเสกสร้างขึ้นมา บินได้ตามใจเหมือนกับลูกบอลหยก เหมือนหม่ากั๋วหมิง มีเพียงหม่ากั๋วหมิง ที่สามารถสั่งให้ลูกไฟบินได้ นั่นอาจจะเป็นเพราะ ไฟนั้นมีน้ำหนักหรือมวลที่เบากว่า แต่คาดว่าไม่นานทุกคนก็น่าจะทำได้
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันบินได้ด้วยหลักการอะไรก็ตาม แต่หม่ากั๋วหมิงก็ไม่ได้สนใจเหตุผลอะไรมากนัก เพียงรู้ว่ามันบินได้ก็พอ
หม่ากั๋วหมิงลองปรับเปลี่ยนไฟให้เป็นรูปร่างลูกศรหน้าไม้ แล้วฝึกควบคุมมัน และลองเปลี่ยนเป็นลูกบอลเท่าลูกเทนนิส หลายลูกให้มันบินโคจรรอบตัว และบินออกไปทำตามคำสั่ง พวกมันก็สามารถทำได้ตามสั่ง ทำการโจมตี พุ่งชนทำลาย คล้ายการปาระเบิดเพลิงใส่เป้าหมาย ส่วนเป้าในการฝึกก็เป็นก้อนหินแถวนั้น
แต่ปัญหาก็คือพอมันกระทบถูกเป้าหมาย มันก็จะลุกไหม้ แล้วสูญสลายไปหากไม่มีเชื้อเพลิง เขาจะต้องเสกออกมาใหม่จากลูกบอลหยกเพลิงที่อยู่ในร่างกาย…
…
หม่าจือฉุนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ที่ไม่สามารถควบคุมก้อนหินให้บินได้ เธอจึงเปลี่ยนมาเล่นกับลูกบอลหยกดำของเธอแทน
เมื่อเห็นน้องสาวอารมณ์ไม่ดี หม่ากั๋วหมิงจึงเข้าไปคุยกับเธอ
…
"น้องเล็ก น้องก็ลองทำแบบนี้สิ ลองขว้างก้อนหินออกไป แล้วลองควบคุมทิศทางของมันก่อน ให้มันบินไปซ้ายไปขวา แล้วลองบังคับให้มันโจมตีให้ตรงเป้า…"
"ลองดูนะ"
"อื้อ"
หม่าจือฉุน ก็ลองทำเหมือนดั่งพี่ชายว่า นำก้อนหินก้อนเหมาะๆขึ้นมาหลายก้อน ขว้างปาออกไปทีละก้อน ใส่ต้นไม้ในระยะสามเมตร
เสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ก้อนหินโดนต้นไม้ทุกลูก แต่ไม่รู้ว่าเป้าที่แท้จริงเป็นแบบไหน
"เดี่ยวก่อน เดี่ยวพี่ทำเป้าให้" กล่าวจบก็นำมีดไปวางวงกลมบนต้นไม้ ให้หม่าจือฉุนปา
เสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ หม่าจือฉุนปาได้เข้าเป้าทุกลูก ตอนแรกหม่ากั๋วเทาก็เฝ้ามองอยู่ ว่าจะมาแนะนำซักหน่อย แต่เมื่อเห็นลูกสาวปาแม่นขนาดนั้น คงไม่ต้องแนะนำแล้ว
"ไหนลองยืนไกลกว่าเดิมสิ" หม่ากั๋วหมิงจับหม่าจือฉุนให้เดินออกมาไกลกว่าเดิมระยะห้าเมตร ในระยะนี้มีบางครั้งพลาดเป้าไปเล็กน้อย เพียงแต่มีปัญหาคือต้องหาก้อนหินมากองๆเอาไว้ จะได้ปาได้เรื่อยๆ
เมื่อเห็นการปาแม่นของน้องสาว หม่ากั๋วหมิงคิดว่าในอนาคต จะลองให้น้องสาวปาก้อนหินใส่เขา แล้วเขาก็ฝึกหลบหลีก น่าจะเป็นการฝึกทั้งสองฝ่าย แต่การฝึกแบบนี้ดูเหมือนจะป่าเถื่อนอยู่บ้าง แต่ก็น่าจะลองดู
…
หม่ากั๋วหมิง หันมาฝึกควบคุมไฟเหมือนเดิม ตอนนี้เขาสามารถให้มันปรับเปลี่ยนเป็นรูปงูจงอาง ขนาดใหญ่กว่าเดิม ตอนนี้มันมีขนาดเท่าแขน เท่ากับงูจงอางทั่วไป เพียงแต่งูไฟนี้มีท่าโจมตีแค่การฉกกัด และรัดตัว หม่ากั๋วหมิงก็ฝึกควบแน่นไฟให้เล็กลงเท่าเชือก ยาวหนึ่งเมตร แต่มีความหนาแน่นของไฟมากกว่าเดิม และให้มันกลายเป็นเชือก ให้มันพุ่งโจมตีแบบงูแล้วรัดศัตรูเอาไว้ อย่างน้อยก็ทำให้เป้าหมายลุกเป็นไฟได้ และสามารถตรึงศัตรูได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ก้อนหินที่หม่ากั๋วหมิง นำมาเป็นเป้านั้น มันจึงเกิดรอยไหม้ของไฟในแบบต่างๆ หากคนทั่วไปมาพบ ก็คงคิดว่าเป็นรอยไหม้ของสัตว์ร้ายอะไรซักอย่าง
"มากินข้าวได้แล้ว" เสียงมารดาร้องเรียกอยู่ไม่ไกล
"ครับ"
"เย้ กินข้าว" หม่าจือฉุนก็รีบวิ่งไปที่กองไฟ…