ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
การซ้อมเล่นบาสนั้น ก็เป็นปกติธรรมดา แต่ครั้งนี้เป็นการแข่งกระชับมิตร
หม่ากั๋วหมิงก็ลงแข่งเป็นกัปตันทีม โดยให้คนที่ไม่ได้เล่นบอล ลงเล่นบาส
และผลการแข่งขัน ก็ไม่ได้หวือหวา คะแนนต่างกันไม่มาก เพราะหม่ากั๋วหมิงไม่ได้แสดงฝีมือที่แท้จริง เขาเพียงตั้งใจชี้แนะให้เพื่อนในทีมเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็แย่งลูกมาแล้วส่งต่อ ให้คนอื่นทำคะแนน เมื่อแย่งลูกมาได้บ่อยๆ และส่งบ่อยๆ คะแนนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเอง ถึงแม้คนอื่นๆจะซู๊ตไม่ลงในห้าครั้ง แต่สิบครั้งต้องเข้าซักสาม แค่นี้ก็สามารถชนะได้แล้ว…
ส่วนลู่เสว่ฉี ก็ถือโอกาสนี้ วิ่งรอบสนาม เพื่อฝึกวิ่ง ส่วนผู้หญิงในห้องก็เซียร์กันตามอัธยาศัย
…
หลังจากเล่นบาสเสร็จ หม่ากั๋วหมิงก็ส่งลู่เสว่ฉีกลับบ้าน โดยปั่นจักรยานพาเธอไปส่ง
อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้าน แต่ยังพอมีเวลา ทั้งสองจึงนั่งคุยเล่นกันก่อน ยามนั้น หม่ากั๋วหมิงก็เอ่ยออกมา
"เสว่ฉี เธอเอาเสื้อที่ฉันซื้อให้วันนั้นให้คุณน้าหรือยัง"
"อื้อ ให้แล้ว"
"ท่านชอบไหม"
"อืม ก็ชอบอยู่นะ"
"แล้วเธอล่ะ ชอบหรือเปล่า"
"อืม ก็ชอบอยู่นะ…"
"ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน"
ลู่เสว่ฉี หยิกเอวหม่ากั๋วหมิงไปทีหนึ่ง แล้วว่า
"นายไม่ต้องให้อะไรฉันอีกแล้วก็ได้…" เธอกลัวว่าหากเขาไม่อยู่แล้วเธอจะรู้สึกไม่ดี หากต้องพึ่งพาหม่ากั๋วหมิงมากเกินไป
หม่ากั๋วหมิงยังไม่อยากคุยเรื่องปรัชญา ในการดำเนินชีวิตกับเธอ ไม่ผิดหากเธอจะเกรงใจ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
"เสว่ฉี ฉันกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ เป็นแผนการณ์ที่ทำเพื่ออนาคต เธอสนใจหรือเปล่า"
"อะไรเหรอ จริงจังหรือเปล่า
"จริงจังสิ ตอนนี้ฉันกำลังแต่งเพลงอยู่"
"หา… แต่งเพลง"
"อื้อ ใช่แล้ว ฉันจะลงเพลงในเว็บฟังเพลง เพื่อขาย แล้วเราก็จะหารายได้จากเว็บนี้ได้"
ลู่เสว่ฉีรู้สึกอึ้งอยู่บ้าง การทำเพลงขาย ไม่ใช่ว่าไม่มีใครทำ มีค่ายเพลงอยู่มากมายที่ออกซิงเกิ้ลใหม่อยู่ตลอด และก็มีศิลปินอิสระที่พยายามออกซิงเกิ้ลของตัวเองด้วยเช่นกัน ถึงเธอจะไม่มีเครื่องเล่นเพลง แต่ก็เคยฟังเพลง ในร้านอาหาร หรือได้ยินจากในทีวี
"นาย… นายอยากเป็นศิลปินเหรอ"
"ฮึ่ ฉันทำเพื่อเงิน และเงินนั้นก็จะใช้เป็นต้นทุน และก็ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพวกเรา"
"หือ พวกเรา หมายความว่ายังไง นายอธิบายมาให้กระจ่างหน่อยได้ไหม"
"พวกเรา ก็หมายความว่า ฉันเล่นกีตาร์ น้องเล็กเล่นคีย์บอร์ด ส่วนเธอก็ร้องเพลง รวมแล้วเรียกว่า พวกเรา"
"เอาจริงหรือ พวกเราตั้งใจเรียนไม่ดีกว่าหรือ ฉันยังคิดว่าจะขอให้นายติวให้ฉันบ้างซักหน่อย หรือว่านายคิดว่าตัวเองเรียนเก่งแล้ว ก็เลยหาอะไรที่มันท้าทาย มันจะไม่เป็นการทำหลายอย่าง แล้วไปไม่สุดซักทางหรือเปล่า"
"ฮึ่ การทำเพลง ก็เพื่อทำทุนเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของฉันก็คือนำทุนนั้นมาใช้ประโยชน์ สร้างแฟลตฟอร์มวีดีโอสั้นและไลฟ์สด…"
เมื่อเห็นลู่เสว่ฉีทำหน้าสนใจและทำหน้างงๆ หม่ากั๋วหมิงก็อธิบายเพิ่มเติม
"ในประเทศของเราตอนนี้ เด็กมัธยมปลายต่างก็พยายามแข็งขันกันเรียน เพื่อจะสอบเกาเข่าได้คะแนนดีๆ แต่ใครบ้างจะมีเงินเรียนโรงเรียนกวดวิชา โดยเฉพาะเด็กยากจน ตามชนบท เหมือนอย่างโรงเรียนเรา ที่ให้นักเรียนแข่งกีฬา เพราะคิดว่าส่วนใหญ่ คงสอบเกาเข่าไม่ได้ แต่จริงๆแล้วนักเรียน ต่างก็ขวนขวายที่จะเรียนต่อ เพื่อที่จะได้ทำงานดีๆ แต่ในอำเภอของเรา ก็มีโรงเรียนกวดวิชาไม่กี่ที่ แถมยังมีคิวแน่นตลอด"
"ฉันก็เลยคิดว่าจะทำแอปไลฟ์สด ติวออนไลน์"
ลู่เสว่ฉี ทำหน้างงๆ แล้วเหมือนจะคิดได้ ทำหน้าเอียงอายเล็กน้อย
"นายก็บอกว่า นักเรียนจนๆ แล้วนักเรียนจนๆนั้นจะมีเงินซื้อคอมพิวเตอร์ แล้วต่อเน็ตเพื่อดูไลฟ์สดเหรอ"
ลู่เสว่ฉีกล่าว และนักเรียนจนๆที่ว่าก็รวมตัวเธอด้วย เพราะเธอก็ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ มีแค่โทรศัพท์ 2G ที่เป็นของเก่าของแม่ หลังจากแม่ซื้อโทรศัพท์ใหม่ และยังไม่ใช่สมาร์ทโฟนด้วยซ้ำ
"ฮึ่ ไม่ใช่แค่ไลฟ์สดทางคอมพิวเตอร์ แต่ยังไลฟ์สดในมือถือ เป็นแอปในมือถือ"
ลู่เสว่ฉีก็ทำหน้าแบบคาดไม่ถึงออกมา ขนาดคอมพิวเตอร์ว่ายากแล้ว ยังบอกว่าไลฟ์สดในมือถืออีก ในประเทศมีคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือแรงๆกี่คนกัน
"แล้วคนไม่มีมือถือล่ะ ทำยังไง"
"ถ้าไม่มีมือถือ ก็ดูจากในคอมพิวเตอร์ไง ดูในร้านเน็ตก็ได้ เหมือนกับเด็กอเมริกันที่ดูยูทูป เพราะสามารถดูย้อนหลังได้ ในประเทศจีนเรา มีนักเรียนมากมาย ที่ไม่ได้ยากจนถึงขนาดไม่มีสมาร์ทโฟน และก็มีเงินมากพอที่จะเข้าร้านเน็ต"
จะว่าไปแล้ว ตัวเขาเองแต่ก่อนก็ไม่มีมือถือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ และไม่ค่อยมีเงินเข้าร้านเน็ต และเพื่อนในห้องเรียนในตอนนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้น และก็รวมลู่เสว่ฉีด้วย เพราะหม่ากั๋วหมิงเคยไปบ้านของเธอมาแล้ว บ้านเธอไม่ได้ต่างอะไรกับบ้านของเขาสมัยที่บิดายังไม่ขายโสมเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเป็นแค่บ้านเช่าอีกด้วย
หม่ากั๋วหมิงไม่อยากให้ลู่เสว่ฉีรู้สึกไม่สบายใจ จึงว่า
"แฟลตฟอร์มไลฟ์สดที่ฉันจะสร้าง ไม่ได้มีประโยชน์แค่นั้นนะ ยังมีประโยชน์สำหรับครูที่ต้องการสอนนักเรียนด้วย โอเค อาจจะเป็นครูที่สอนไม่เก่ง แต่ก็ยังเป็นครูใช่ไหม และได้ผ่านมหาลัยมาแล้ว ย่อมมีพื้นฐานที่ดี ในการเรียน"
"ในแฟลตฟอร์มของเรา จะเปิดโอกาสให้ครูมาสมัครสอน โดยมีทั้งสอนตัวต่อตัว จับคู่สอน หรือสอนแบบกลุ่ม ก็ได้ โดยอาจจะเป็นครูที่อยู่เหอเป่ย แต่นักเรียนอาจจะเป็นคนที่อยู่ตงเป่ย อยู่กันคนละทิศละทาง ถึงห่างกันเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตร แต่สามารถเชื่อมต่อกันได้ ผ่านแฟลตฟอร์มของเรา แล้วไลฟ์สดสอน"
"ครูจะได้ประโยชน์สามทาง คือฟรีเซนต์ตัวเอง ได้เงินเดือนสอนเสริม ได้ของรางวัลจากนักเรียนและผู้ปกครอง เป็นค่าสอนผ่านของขวัญ ของขวัญพวกนั้นถือเป็นรางวัล จากนักเรียนหรือผู้ปกครองที่เติมเงิน เพื่อซื้อของรางวัลให้ครู และวีดีโอก็จะบันทึกไว้ในโปรไฟล์ของครู นักเรียนที่เรียนโดยตรงสามารถเปิดดูย้อนหลังได้ และคนที่สมัครสมาชิกคนอื่นๆที่สมัครเรียนกับครูคนนั้น ก็สามารถมาเปิดดูย้อนหลังได้เช่นกัน โปรไฟล์แต่ละคนสามารถกำหนดความเป็นส่วนตัวของแต่ละโพสต์ได้ เฉพาะบุคคล เฉพาะกลุ่ม เฉพาะตัวเอง หรือเปิดสาธารณะ"
"เหมือนอย่างคุณน้า แม่ของเธอใช่ไหม ถึงแม่เธอจะสอนมัธยมต้น แต่ก็มีทักษะอยู่ไม่น้อย อาจจะตั้งติวเด็กมัธยมต้นออนไลน์ด้วยก็ได้"
"และที่สำคัญที่สุด แฟลตฟอร์มนี้ยังมีการเติบโตขึ้นได้ด้วย เพราะในแฟลตฟอร์ม จะไม่ได้มีแค่การเรียนการสอนที่น่าเบื่อ แต่จะมีหมวดหมู่อื่นๆ เช่นบันเทิง เพลง เกม กีฬา การใช้ชีวิต แสดงผลงาน บันทึกและแบ่งปัน เหมือนกับว่ามันเป็นขุมสมบัติ เจ้าของช่องทุกคนเป็นสมบัติ และคนอื่นๆที่เข้ามาดูก็เหมือนได้ขุดสมบัติ"
"ลองคิดดูสิ ประเทศเรามีผู้มีความสามารถมากมาย ทั้งเต้นท์ ทั้งร้อง ทั้งรำ ทั้งเล่นเครื่องดนตรี วาดภาพ เขียนพู่กัน หรือไม่ก็คนชอบท่องเที่ยว ไปเจอที่เที่ยวสวยๆ วิวงามๆ คนเหล่านั้นสามารถที่จะถ่ายวีดีโอไลฟ์สด หรือถ่ายวีดีโอแล้วโพสต์ขึ้นแฟลตฟอร์มของเรา สร้างโมเม้นท์ดีๆ เพื่ออวดโฉมให้ชาวโลกได้รับรู้ได้"
"และยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่มีความสามารถ ที่งำประกาย เช่น สอนแต่งหน้า สอนทำผม รีวิวเครื่องสำอาง รีวิวหนังสือ รีวิวผลิตภัณฑ์ รีวิวเกม หรือแม้กระทั่งเคสเกม หรืออ่านหนังสือให้คนอื่นฟัง บรรดาผู้หญิงเหล่านี้ ก็จะมีรายได้ ทั้งเยาวชนที่กำลังหารายได้เสริม และคนวัยกลางคนที่ต้องเลี้ยงดูตัวเอง ก็จะได้มีอาชีพเสริม"
"ขอโทษนะ ฉันกำลังจะบอกว่า บางทีอาจจะเป็นอย่างคุณน้า ที่เป็นหม่าย ก็สามารถที่จะหารายได้จากแฟลตฟอร์มของเราได้ และเด็กนักเรียนอย่างพวกเราก็สามารถหารายได้ อย่างการแข่งขันกีฬา ให้คนอื่นๆนั้นเข้ามาสนับสนุนทีม โดยการส่งของขวัญให้ทีมของเรา ผ่านแฟลตฟอร์ม"
"เธอคิดว่าไง…"
ลู่เสว่ฉีพยายามจะคิดตาม ยังคิดว่าความคิดของหม่ากั๋วหมิงก็ไม่เลว แถมยังคิดการใหญ่ และคิดเฝื่อใครหลายคน เหมือนความคิดของผู้ใหญ่ ไม่ใช่ความคิดของเธอมัธยมปลาย หากสามารถทำได้จริงๆละก็ ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมครบวงจรเลยทีเดียว แล้วก็มาสะดุดตรงข้อดีข้อสุดท้าย ผู้หญิงสามารถหารายได้จากแฟลตฟอร์มนี้ได้ เธอหน้าแดงเล็กน้อย แล้วจึงว่า
"หากทำได้จริง ก็ดีมากเลย"
"ทำได้สิ เหมือนอย่างยูทูปของอเมริกา มันเป็นแฟลตฟอร์มแชร์วีดีโอ ก็หารายได้จากโฆษณา ยูทูปเบอร์คนหนึ่งๆที่มีคนติดตามเยอะ มีรายได้ต่อเดือนเป็นล้านก็มี แต่รู้ไหมยูทูปได้สองในสามส่วน หากยูทูปเบอร์ได้หนึ่งล้าน แสดงว่าเงินโฆษณาจริงๆนั้นคือสามล้าน ยูทูปหักส่วนแบ่งเอาไว้ก่อนจ่ายให้ยูทูปเบอร์ มันจึงเหมือนยูทูปเบอร์ทำงานให้ยูทูป เราก็จะทำแบบเขามั่ง เป็นเจ้าของตลาด ดีกว่าเช่าแฝงขายของในตลาด และยูทูปก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ที่สำคัญคือมันใหญ่เกินไป และส่วนใหญ่เขาจะเน้นวีดีโอแบบยาวๆ เป็นชั่วโมง หลายชั่วโมง เน้นตลาดบันเทิงเป็นหลัก"
"แต่ในแฟลตฟอร์มของเรา จะเน้นวีดีโอสั้นๆ คลิปสั้นๆ บันทึกและแบ่งปัน ช่วงเวลาดีๆ หากเป็นวีดีโอโมเม้นท์ก็ ห้าวินาที สิบวินาที หนึ่งนาที สามนาที หากเป็นไลฟ์สด การเรียนการสอน การแข่งขันกีฬา การแข่งขันเกม ก็ยาวหน่อย สามารถไลฟ์ตั้งแต่ต้นจนจบ และสามารถดูย้อนหลังได้…"
ยิ่งพูด หม่ากั๋วหมิงก็เปล่งประกายเจิดจ้า ลู่เสว่ฉีจึงรู้สึกว่าเขามีอุดมการณ์อันสูงส่ง
"แล้ว ฉันต้องช่วยยังไง"
"ไม่ยาก กลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อน พวกเรามาร้องเพลงด้วยกัน และก็ช่วงนี้เธอก็ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา กระชับมิตร รวมทั้งกีฬาสี กีฬาโรงเรียน รวมทั้ง การติวหนังสือเรียนออนไลน์"
ลู่เสว่ฉีรู้สึกหน้าแดงเล็กน้อย รู้สึกว่าเรื่องที่เขาบอกมานั้น ล้วนต้องใช้อุปกรณ์ อย่างน้อยๆก็ต้องมีมือถือสเปกสูงๆและเน็ตเร็วๆ
เหมือนรู้ใจ หม่ากั๋วหมิงก็นำของบางอย่างออกจากกระเป๋าเป้ของเขา
"ฉันเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้เธอแล้ว มีมือถือและก็แท็บเล็ต ส่วนคอมพิวเตอร์ฉันจะซื้อให้วันหลัง"
"แน่นอนว่าตอนนี้ฉันยังเขียนแอป สร้างแฟลตฟอร์มยังไม่เสร็จ เมื่อเสร็จแล้วจะต้องให้เธอช่วยทดสอบ ช่วงนี้เธอก็ฝึกใช้อุปกรณ์ไปก่อน และฉันจะใช้แฟลตฟอร์ม ติวให้เธอ และก็อัดไว้ในแฟลตฟอร์ม เพื่อเป็นเคสตัวอย่าง แน่นอนว่า บางวีดีโอ ก็สามารถกำหนดได้ว่า ให้ดูได้เฉพาะพวกเรา เป็นส่วนตัว และที่สำคัญ หากคิดถึงฉัน เธอก็สามารถโทรหาฉันได้ตลอดเวลา"
ลู่เสว่ฉีรู้สึกแปลกๆ หน้าแดงระเรื่อ ความจริงเธอไม่อยากรับของจากหม่ากั๋วหมิงเท่าไหร่นัก เพราะจะเกิดภาวะพึ่งพา หรือได้รับมากเกินไป เมื่อพึ่งพามากๆ จะเกิดความเกรงใจ และไม่กล้าปฏิเสธหากเขาร้องขออะไรที่เธอไม่เต็มใจ ที่สำคัญหากในอนาคต เลิกกัน จะเพราะเหตุใดอะไรก็ตาม เขาอาจจะเอาเธอไปนินทาได้ เหมือนอย่างที่เคยอ่านในนิยาย และเคยดูในละคร แต่เธอก็หวังว่า ความสัมพันธ์นี้จะยืนยาว และไม่มีทางเลิกกัน
"ยังเกรงใจฉันอีกเหรอ ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันแล้วนะ ฉันให้ของขวัญแฟน ก็นับว่าสมควร อีกอย่าง นี่ยังเป็นอุปกรณ์ ที่พวกเราใช้มันเป็นต้นทุน สำหรับแผนการณ์ของพวกเราในอนาคต"
"ในอนาคตของนาย…"
"ไม่ใช่ ในอนาคตของพวกเรา"
"อนาคตของฉันก็จะมีเธอ ในอนาคตเธอก็จะมีฉันอยู่ข้างๆ ฉันจะคอยเป็นกำลังใจและคอยสนับสนุนเธอ และเธอก็คอยสนับสนุนฉัน"
"นี่คืออนาคตของพวกเรา"
ระหว่างที่พูด หม่ากั๋วหมิงยังจับมือลู่เสว่ฉีเอาไว้ ลู่เสว่ฉีหน้าแดงเรื่อ รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แล้วว่า
"ฉันจะสนับสนุนนาย"
หม่ากั๋วหมิงรู้สึกดีที่เห็นเธอยิ้มอย่างเอียงอาย ยังไงเธอก็ยังเป็นสาวน้อยไม่ประสีประสาในเรื่องความรัก ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี
"เช่นนั้น ฉันจะขอรับการสนับสนุนจากเธอด้วยความยินดี"
"ต้องทำยังไงเหรอ"
"หอมแก้มทีหนึ่ง"
"หือ ยังเร็วไป เด็กอย่างพวกเราไม่ควรทำเรื่องพวกนี้"
"ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นฉันหอมมือเธอ ได้ไหม"
"ถ้าหอมแล้วกลับบ้านไปเลยนะ ฉันก็อายเป็นนะ"
"อืม จุ๊บ ขอบใจเธอมากนะ ที่สนับสนุนฉัน"
ลู่เสว่ฉีอายจนหูแดง เธอเอียงตัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าสะบัดมือออก
"เอาล่ะ ตอนนี้ก็มืดแล้ว นายกลับไปก่อนเถอะ"
"อืม เธอก็เข้าบ้านเถอะ เธอเข้าบ้านก่อน ฉันถึงจะไป"
"อืม โอเค"
ยามนั้นทั้งสองก็เดินอีกหน่อยก็ถึงบ้าน ลู่เสว่ฉี หม่ากั๋วหมิงจูงจักรยาน ลู่เสว่ฉีก็เดินข้างๆ ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แต่ก็ยังมีแสงอยู่ ตรงทิศตะวันตกนั้น ก็เกิดเป็นภาพงดงามประการหนึ่ง ลู่เสว่ฉีเดินเข้าประตูบ้านไป แล้วหันกลับมามองหม่ากั๋วหมิง ที่ยืนยิ้มแล้วโบกมือให้ ก่อนจะปิดประตูบ้านด้วยใจที่เต้นแรง...
ลู่เสว่ฉีรู้สึกเอียงอายเหมือนสาวน้อย รู้สึกอิ่มเอมใจและเขินอายอย่างบอกไม่ถูก…