Your Wishlist

โปรแกรมเมอร์ธรรมดา (ซื้อรถคันนี้)

Author: เพื่อนคนหนึ่ง

ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง

จำนวนตอน :

ซื้อรถคันนี้

  • 26/05/2565

วันอาทิตย์

 

ทุกคนอยู่บ้าน วันเสาร์เมื่อวานนี้ หม่ากั๋วหมิงไปเที่ยวในเมือง ส่วนคนในบ้านนั้นก็ขึ้นเขา แต่ก็กลับลงมาในตอนเย็นวันนั้นไม่ได้ค้างคืน 

 

สำหรับการสร้างบ้านใหม่นั้นไม่ได้ตอกเสาเข็ม เพียงฝังเสาเท่านั้น บ้านสร้างบนเนินดิน ทั้งยังยกพื้นสูง

 

หม่ากั๋วหมิงได้มาดูทำเลสร้างบ้าน มันอยู่ห่างจากน้ำตก 1 กม. หันข้างซ้ายให้น้ำตก คาดคิดว่าตอนกลางคืน คงยังได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ 

 

น้ำตกแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มาก กว้างเพียงสองเมตรเท่านั้น เป็นน้ำตกเล็กๆ เป็นส่วนกลางๆของน้ำตก เมื่อเดินขึ้นไป ยังมีต้นน้ำที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก ส่วนปลายน้ำก็คือไหลผ่านกลางหมู่บ้าน

 

หม่ากั๋วหมิงหันไปดูที่สำหรับสร้างบ้าน ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะสั่งรื้อหรือเปล่า เพราะอยู่ใกล้กับแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติมากเกินไป แต่ไหนๆจะสร้างแล้วก็สร้างไป หากสั่งรื้อ ก็แค่รื้อ แล้วไปสร้างใหม่เท่านั้นเอง

 

เมื่อวานนี้ตอนดูหนังจบ หม่ากั๋วหมิงยังพาพรรคพวกไปเดินดู เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านอยู่ครู่หนึ่ง สั่งซื้อโต๊ะตู้เตียงมาชุดหนึ่ง วันจันทร์เขาถึงจะนำมาส่ง และหม่ากั๋วหมิงยังขอเบอร์ร้านและแคตตาล็อกเอาไว้ เมื่อตอนเย็นได้ถามบิดาว่าสั่งเฟอร์นิเจอร์เอาไว้หรือยัง ปรากฏว่ายังไม่ได้สั่ง เมื่อคืนหม่าจือฉุนก็ดูแคตตาล็อกเฟอร์นิเจอร์อยู่นาน วันนี้ บิดาและมารดาจึงคิดว่าจะพากันเข้าเมืองเพื่อไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ แต่หม่ากั๋วหมิงคิดว่ายังเร็วไป เพราะบ้านยังไม่เสร็จ และที่หม่ากั๋วหมิงสั่งซื้อมา เพราะกะว่าจะใส่ไว้ในมิติของลูกบอลหยกเพลิง 

 

แต่หม่าจือฉุนนั้นอยากจะเข้าไปเที่ยวในเมืองบ้าง ทุกคนจึงเข้าเมืองในวันนี้

 

 

กว่าจะถึงตัวจังหวัดต้องใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมง และตอนกลับอีกเกือบสองชั่วโมง เท่ากับเสียเวลาไปสามชั่วโมงกว่าๆสำหรับการเดินทาง เพราะรถเมล์ต้องจอดตามป้ายรถเมล์ตลอด แถมบางครั้งก็จอดรอคน ระยะทางจากอำเภอไปตัวจังหวัดแค่ 50 กม. เท่านั้น แต่นั่งรถเมล์นานขนาดนี้ คิดดูว่าช้าขนาดไหน

 

เมื่อวานนี้หม่ากั๋วหมิงก็นั่งรถเมล์กันจนเมื่อยเหมือนกัน ตอนไปนั้นลู่เสว่ฉียังนั่งห่างๆกับหม่ากั๋วหมิง แต่ตอนกลับนั้น ก็นั่งพิงไหล่และหลับกลับมา ทั้งยังจับมือกันไว้อีกด้วย จึงดูเหมือนคู่รักวัยหนุ่มสาวคู่หนึ่ง

 

สำหรับคนอื่นๆนั้น ก็จับคู่หนุ่มสาวนั่งกันกลับโดยไม่รู้ตัว เหมือนเป็นเดทหมู่ เหลือแต่เย่จุนกับจางฮั่นหยา ที่ยังเป็นชายโสดอยู่ แต่พวกเขาก็ยังดีใจ อย่างน้อยวันนี้ พวกเขาได้รองเท้าคู่ใหม่คนละสองคู่ คราวนี้เขาจะบ่นว่าอุปกรณ์ไม่ดี ก็เลยเล่นไม่ดี ไม่ได้แล้ว

 

 

ในห้างวันนี้ คนเยอะกว่าวันปกติ บางบ้านก็พาบุตรหลานมาเที่ยวเล่น บางคนก็มาเที่ยวเล่นกับเพื่อนตัวเอง เหมือนกับหม่ากั๋วหมิงกับเพื่อนๆเมื่อวานนี้

 

หลังจากดูเฟอร์นิเจอร์และเลือกของแต่งบ้านแล้วนั้น หม่ากั๋วหมิง จึงชวนทุกคนไปที่โซนไอที บิดาจึงซื้อแท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว ให้คนละเครื่อง หม่ากั๋วหมิงจึงขอแท็บเล็ตและมือถืออีกชุดหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นของใช้สิ้นเปลือง แต่หม่ากั๋วหมิงคิดว่าจะเอามาใช้สำหรับทดสอบแอปของเขาพอดี กะว่าจะให้ลู่เสว่ฉีเอาไว้ใช้งานทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 

 

ส่วนโน๊ตบุ๊คนั้นยังไม่จำเป็น เข้ามหาลัยก่อนแล้วค่อยซื้อก็ยังไม่สาย

 

หลังจากกินข้าวในร้านอาหาร ทุกคนก็พากันเดินเที่ยวห้าง และแวะร้านทอง ซึ่งบิดาก็ซื้อทองให้มารดาสิบตำลึง

 

หม่ากั๋วหมิงจึงใช้โอกาสนี้ซื้อสร้อยคอเส้นเล็กๆตันๆให้ตัวเองเส้นหนึ่ง และสร้อยเส้นเล็กๆตันๆสำหรับผู้หญิงอีกเส้นหนึ่งพร้อมจี้ไว้เป็นของขวัญให้ลู่เสว่ฉี หม่าจือฉุนก็เลือกเอาจี้และสร้อยคอเส้นหนึ่งด้วยเหมือนกัน สร้อยขนาดสองสลึงตันๆก็ดูไม่ได้ใหญ่อะไร ใหญ่กว่าเส้นด้ายนิดเดียว ส่วนจี้ก็เล็กๆพอๆกับหัวเข็มหมุด

 

นักเรียนนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่เครื่องประดับในโรงเรียน แต่ในวันธรรมดา อย่างวันไปเที่ยว หรือไม่ได้อยู่ในโรงเรียนก็ใส่ได้

 

ทั้งสร้อยของตัวเองและสร้อยของลู่เสว่ฉีนั้น ก็ยังเป็นเงินของหม่ากั๋วเทาจ่าย เพราะถึงยังไง หากเขาเอาเงินตัวเองจ่าย ยังไงก็เป็นเงินของหม่ากั๋วเทาอยู่ดี นอกเสียจากเขาจะทำเงินได้ด้วยตัวเองก่อน ถึงจะซื้อของทุกอย่างได้อย่างไม่ละอายและภาคภูมิใจ แต่คาดว่าคงไม่นาน 

 

เดินไปเดินมา ก็ได้พบกับโซนโชว์รูมรถยนต์ แต่เป็นรถยนต์ญี่ปุ่นกับรถยนต์เกาหลี ส่วนรถยุโรปนั้น ส่วนใหญ่จะมีโชว์รูมรถยนต์อยู่ต่างหาก ไม่ได้อยู่ในห้าง

 

แต่วันนี้เป็นกิจกรรมพิเศษ เพราะเป็นงานมอเตอร์โชว์ แถมยังเป็นวันแรก จึงมีส่วนลดอะไรมากมาย จึงมีรถหลายยี่ห้อมาโชว์ตัว รวมทั้งรถยุโรปด้วย

 

รถยนต์ของจีนนั้น ก็พอๆกับรถยนต์เกาหลี แต่ยังห่างชั้นกับรถยนต์ของญี่ปุ่นพอสมควร ในโซนนี้ทุกคันล้วนเป็นรถปิ๊กอัพ คงเพราะส่วนใหญ่คนบ้านนอกซื้อรถไว้ขนของ อย่างดีก็มีสี่ประตู แล้วด้านหลังก็เอาไว้ขนของ แต่ในการใช้งานจริงนั้น หากใครไม่มีโรงรถ รถพวกนี้ในตอนหน้าหนาวนั้นจะเต็มไปด้วยหิมะจนเต็มหลังกระบะ ต้องหาอะไรมาปิดไว้ และเมื่อเดินไปเดินมา ก็เจอรถยุโรปกับเขาด้วยเหมือนกัน แต่เป็นเก๋ง ซึ่งรถเก๋งก็ไม่เหมาะกับพื้นที่ของถนนแถวบ้านด้วยเหมือนกัน เพราะยังเป็นถนนลูกรัง มีหลุมมีบ่ออยู่มากมาย คงไม่เกินสองปี คงต้องเปลี่ยนโซ๊คและทำช่วงล่างใหม่

 

เมื่อเห็นรถสปอร์ต พลันหม่ากั๋วหมิงก็หวนคิดไปถึงชาติก่อน ในโลกก่อนนั้นในช่วงวัยรุ่น บิดาของเขา หม่ากั๋วเทาได้ซื้อรถสปอร์ตให้เขา เขาก็ขับไปแข่งกับเพื่อน โดยเอารถเป็นของพนัน และก็แพ้จนเสียรถ สรุปแล้วรถสปอร์ตราคาหลายสิบล้าน ก็หายวับไปกับตาภายในวันเดียว แต่พออีกวันหม่ากั๋วเทาก็ซื้อรถให้เขาอีกคัน แต่นับแต่นั้น เขาก็ไม่ขับรถไปแข่งอีกเลย

 

"พี่ชอบรถสปอร์ตเหรอ" หม่าจือฉุนเอ่ยถาม

 

"ฮึ่ มันนั่งได้น้อยไปหน่อย" 

 

"จริงด้วย" หม่าจือฉุนก็พยักหน้าว่าเห็นด้วย คิดว่าพี่ชายมีเหตุผล

 

เซลล์ขายรถ ทำหน้าตาเหยียดหยามเล็กน้อย คนบ้านนอกก็ทำเป็นปากดีแบบนี้ หากอยากได้รถที่บรรทุกคนได้เยอะๆ คงต้องไปซื้อรถตู้แล้ว

 

 

หม่ากั๋วเทานั้นคิดว่าอยากจะซื้อรถไว้ใช้ซักคัน แต่เมื่อลูกสาวถามลูกชายว่าชอบรถปิ๊กอัพไหม ก็ติว่าไม่เหมาะ เมื่อถามว่าชอบรถเก๋งไหม ก็บอกว่ามันเตี้ยไปหน่อย กระทั่งรถสปอร์ตยังบอกว่าขนคนได้น้อย แล้วซื้อรถแบบไหนถึงจะดี หรือว่าต้องซื้อรถตู้

 

เมื่อเดินๆไปทั่วงาน ก็ได้กับพบรถรุ่นอื่นๆ ผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ของห้างนี้ จัดแบบแยกตามประเภท รถเก๋งก็ไว้แต่รถเก๋ง รถปิ๊กอัพก็ไว้แต่รถปิ๊กอัพ โดยจอดคละยี่ห้อกัน เมื่อถึงโซนรถตู้ มันก็มีแต่รถตู้ หลากหลายยี่ห้อ แต่ดูแล้วมันก็ใหญ่ไป ช่วงล่างก็สูงพอๆกับรถเก๋ง เจอหลุมเจอบ่อคงต้องค่อยๆหยอด แต่มันสามารถนั่งได้เป็นสิบคน 

 

พอหม่ากั๋วหมิงนึกถึงเพื่อนๆนับสิบที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อวาน เขาก็มองดูรถตู้อยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อคิดว่าคงไม่ได้ไปเที่ยวกันบ่อย และเดี่ยวตัวเองจะไปเรียนมหาลัยแล้ว จึงละสายตาไปที่โซนรถมินิแวนและรถเอนกประสงค์ 

 

รถเอนกประสงค์นั้นนั่งได้ 7 คน ส่วนรถมินิแวนนั้นนั่งได้ 11 คน แต่ถ้านั่งเบียดๆกันรถเอนกประสงค์ก็น่าจะเบียดได้ 9 คน ส่วนรถมินิแวนก็ได้ประมาณ 14 คน รถมินิแวนนั้นเหมาะให้บิดาเอาไว้ใช้ที่บ้าน ส่วนตัวเองก็ขับรถเอนกประสงค์ไป ถึงแม้จะดูสิ้นเปลืองไปหน่อย แต่บิดาก็แค่นำโสมป่ามาขายต้นเดียวก็ได้แล้วมิใช่หรือ แต่เมื่อคิดไปคิดมา มันไม่ควรสิ้นเปลืองมากเกินไป เดี่ยวจะถูกเพ่งเล็งได้

 

"พ่อครับ ครอบครัวเราซื้อรถไว้ใช้ซักคันดีไหมครับ"

 

"เอาคันไหนดีละเจ้าลูกชาย"

 

"รถเอนกประสงค์ดีไหมพ่อ นั่งได้สามตอน ตอนที่สามหากไม่นั่งก็พับเก็บไว้ใส่ของได้อีก ทั้งในรถก็มีฮีตเตอร์อีกด้วย สามารถขับหน้าหนาวได้ ทั้งยังมีแอร์ ขับหน้าร้อนก็ได้" หม่ากั๋วหมิงชี้ไปรถเอนกประสงค์ยี่ห้อหนึ่ง…

 

เซลล์ที่ขายรถ พอได้ยิน รู้สึกว่าหนุ่มน้อยผู้นี้ พูดจาใหญ่โตไปหน่อยหรือเปล่า

 

แต่ถึงกระนั้นจิตวิญญาณการขาย ของนักขายจึงเข้ามาแนะนำทันที เพราะคนบ้านนอกเอง ก็มีหลายคนที่เป็นเจ้าของที่ดิน และมีทรัพย์สมบัติกันอยู่ไม่น้อย จึงไม่แปลกหากจะซื้อรถดีๆไว้ใช้ซักคัน

 

"คุณผู้ชายท่านนี้ ไม่ทราบว่าสนใจรถรุ่นไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ"

 

หม่ากั๋วหมิง กำลังยืนดู Land Cruiser ของ Toyota แล้วก็ต้องตกใจกับราคา 1.3 ล้านหยวน ส่วนรถ Land rover รุ่น evoque ราคาอยู่ที่ 1.2 ล้านหยวน ในตัวทอปเหมือนกัน รถฟอร์ด ก็อยู่ที่ 1.1 ล้านหยวน

 

รถ Land rover นั้นดูหล่อๆ ส่วน Land Cruiser นั้นดูแข็งแรงบึกบึนดี ส่วนรถฟอร์ด ดูดีมีชาติตระกูล เสียดายจีนไม่ทำรถเอนกประสงค์ออกมา ไม่งั้นก็จะอุดหนุนซักคัน หม่ากั๋วหมิงดึงประตูรถโตโยต้าดู ก็พบว่าเปิดไม่ได้ ซึ่งเซลล์ขายรถได้ล็อครถเอาไว้

 

นาทีนี้ต้องมาแล้ว เซลล์ที่พูดเหยียดหยาม แล้วตัวเอกอย่างเรา ก็ตอกหน้าเซลล์ด้วยการซื้อรถเงินสด 

 

"ฮึ่ย นั่นมันมังงะจีน ในโลกความจริงไม่ได้มีอะไรแบบนั้น เพราะคนเป็นเซลล์ก็ถูกอบรมมาก่อน ว่าลูกค้าคือพระเจ้า และห้ามดูคนที่ภายนอก" หม่ากั๋วหมิงคิดในใจ

 

เซลล์เกิร์ลรู้สึกอายเล็กน้อย จึงไปขอกุญแจกับผู้จัดการ แล้วมาเปิดกุญแจ

 

ภายในรถ ก็เป็นเหมือนกับที่ลูกชายได้บอกเอาไว้ เป็นรถสามตอน ด้านหลังมีเบาะนั่งสำหรับเด็กและผู้หญิงตัวเล็กๆ สามารถพับขึ้นได้ ถ้าอยากขนของ ก็ใส่ของได้ ตอนหน้าก็กว้างขวาง ตอนกลางก็โอ่อ่า และรถก็ยังยกสูง ขับเคลื่อนสี่ล้อ ดูแข็งแรง ไม่ต้องกลัวลงหลุมลงบ่อ เหมาะกับภูมิประเทศบ้านนอกอย่างเมืองรุ่งอรุณ

 

แล้วเหมือนหม่ากั๋วหมิงจะพึ่งนึกอะไรขึ้นมาได้

 

"พ่อ พ่อมีใบขับขี่หรือเปล่าครับ"

 

หม่ากั๋วเทาก็ยืดอกขึ้นแล้วว่า "มีสิ จะขับกลับวันนี้เลยก็ได้" 

 

เมื่อก่อนนั้น เขาก็เคยทำงานขับรถบรรทุกส่งของมาก่อน จนเมื่อแต่งงานก็เลยไม่ได้ขับรถอีก และใบขับขี่ของเขาก็ยังไปต่ออายุอยู่ตลอดเฝื่อได้ใช้ เขาสามารถขับกลับบ้านได้เลย

 

"พี่สาว มีรถวันนี้เลยหรือเปล่าครับ" หม่ากั๋วหมิงหันไปหาเซลล์เกิร์ล

 

"ถ้านำรถออกวันนี้ ต้องจ่ายเงินสดค่ะ" เซลล์เกิร์ลรีบบอกทันที

 

"ไม่มีปัญหา" หม่ากั๋วเทาก็เอ่ย

 

"แล้วมีส่วนลดเงินสดหรือของแถมอะไรหรือเปล่าครับ"

 

"ลูกค้าสามารถเลือกได้ค่ะ ว่าจะเป็นส่วนลดเงินสด หรือบัตรเติมน้ำมัน หรือบัตรกำนัล 10,000 หยวน"

 

หม่ากั๋วหมิงก็รู้สึกว่าโอเค เพราะรถญี่ปุ่นก็พยายามตีตลาดจีน จึงพยายามให้ส่วนลดมาก เพื่อลดเพดานภาษีลง

 

"พ่อ แม่ คิดว่าไงครับ" ถึงยังไงก็ต้องถามคนจ่ายตังค์ก่อน ชาตินี้เขาพยายามจะทำดีกับพ่อและแม่ให้มากๆ ไม่อยากจากกันแบบรู้สึกเสียใจภายหลัง

 

หม่ากั๋วเทาหันมาทางจางซินอวี่

 

จางซินอวี่ นั้นไม่มีความคิดเห็น เพราะเธอเป็นคนง่ายๆ และค่อนข้างตามใจสามี อีกอย่างก็ได้คุยเรื่องนี้เอาไว้แล้วว่าจะซื้อรถ จึงไม่ได้กล่าวแย้งอันใด

 

"ก็ดีนะ" นางกล่าวออกมาสั้นๆง่ายๆ เป็นอันว่าเห็นพ้อง

 

"ถ้างั้นก็เอาคันนี้แหละ" หม่ากั๋วเทาก็สรุป

 

"ถ้างั้นคุณผู้ชายเชิญทางนี้ค่ะ" เซลล์เกิร์ลก็กระตือรือร้นทันที หากขายได้เธอก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น 3,000 หยวน ซึ่งเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนของเธอ

 

หม่ากั๋วหมิงคิดว่ารถญี่ปุ่น คงเสียภาษีมากกว่ารถยุโรป จึงแพงกว่าหลายแสน ในรถประเภทเดียวกัน เพราะคนจีนส่วนใหญ่ไม่ชอบคนญี่ปุ่น และไม่ส่งเสริมสินค้าของญี่ปุ่น จึงเพิ่มภาษีสังคมขึ้นอีกหลายแสน และเป็นการสกัดกั้นไม่ให้คนซื้อของแพง ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงซื้อ Land rover มากกว่า

 

หม่าจือฉุนรู้สึกตื่นเต้น ที่ครอบครัวจะได้มีรถใหม่ จึงนั่งจิ้มนั่นจิ้มนี่ดูว่า มันสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่เสียดายมันไม่ได้บิดกุญแจ จึงไม่รู้ว่ามันต้องเปิดวิทยุยังไง หม่ากั๋วหมิงก็ขอกุญแจมาจากเซลล์เพื่อทดสอบเปิดวิทยุ และเปิดซันรูปบนหลังคา

 

 

การทำเอกสารและจ่ายเงินนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด เพียงหม่ากั๋วเทาไปเบิกเงินมาก็ใช้ได้แล้ว และในห้างก็มีธนาคาร 

 

แต่แล้วก็พบกับปัญหา เพราะว่าการเบิกเงินสดหนึ่งล้านหยวนนั้นต้องบอกธนาคารก่อนล่วงหน้า อย่างน้อยหนึ่งวัน ดังนั้นแล้วจึงใช้เป็นโอนเงินเอา แต่สุดท้ายก็โอนไม่ได้ เพราะห้ามโอนเกินหนึ่งล้านหยวนต่อวันด้วยเช่นกัน อีกทั้งวันนี้หม่ากั๋วเทาก็ใช้จ่ายไปแล้วสำหรับซื้อของและอื่นๆ ใช้จ่ายไปแล้วสองแสนกว่าหยวน หม่ากั๋วเทาก็เลยต้องให้ธนาคารปลดล็อคขีดจำกัดให้เป็นสิบเท่าไปเลย เฝื่อครั้งหน้าจะเปย์ให้หนำใจ แต่ยังไงก็ต้องรออยู่ดีไม่สามารถใช้ได้วันนี้ ดังนั้นจึงโอนก่อน เจ็ดแสนหยวน แล้วทำสัญญาค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ อีกห้าแสนหยวน วันพรุ่งนี้ และฝ่ายขายก็ใจกว้าง ให้หม่ากั๋วเทานำรถออกไปก่อนได้ เพราะถึงยังไง ก็มีคนซื้อเงินผ่อน จ่ายแค่ 10% ก็นำรถออกไปก็มี ส่วนของหม่ากั๋วเทา ถือว่าผ่อนสองงวดสองวัน และยังได้สิทธิ ได้บัตรเติมน้ำมันอีก 10,000 หยวน

 

ถึงแม้ว่าคันนี้จะเป็นตัวโชว์ แต่ก็ยังถือว่าเป็นรถใหม่ และที่สำคัญยังมีน้ำมันติดถังครึ่งถัง สามารถวิ่งกลับบ้านได้ถึงปั้มกลางทาง ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หม่ากั๋วหมิงก็พึ่งนึกสังเกตเห็นว่า มันเป็นเครื่องยนต์แปดสูบ 4.7 ลิตร คงจะกินน้ำมันน่าดู หรือเพราะอย่างนี้ก็เลยให้ค่าน้ำมันมาด้วยหนึ่งหมื่นหยวน 

 

วันนี้คนในบ้านได้ซื้อของเยอะพอสมควร ดังนั้นจึงนำไปไว้ในรถด้านหลัง และหม่ากั๋วเทา ก็เป็นสารถีในการขับกลับบ้านครั้งนี้

 

จางซินอวี่ รู้สึกดีมาก ที่ได้นั่งรถที่สามีขับอีกครั้ง ทั้งในครั้งนี้ยังเป็นรถของตัวเอง ไม่ใช่รถบริษัทหรือรถโรงงาน…

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป