ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
โรงเรียนมัธยมต้นรุ่งอรุณ
ตอนนี้นักเรียนโรงเรียนมัธยมต้นได้เลิกเรียนแล้ว สนามฟุตบอลและสนามบาสจึงว่างลง
เด็กมัธยมต้นยังไม่ได้เล่นกีฬาอย่างจริงจัง หลายคนจึงรีบกลับบ้านหลังเลิกเรียน และชาวบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สนามในตอนเย็น สนามจึงยังคงว่างอยู่
วันนี้หม่าจือฉุนปั่นจักรยานใหม่ของเธอมาโรงเรียนด้วย หม่ากั๋วหมิงจึงบอกให้เธอ ปั่นจักรยาน จากโรงเรียนมัธยมปลายมามัธยมต้นมาเอง หลังเลิกชมรม แล้วค่อยกลับพร้อมกัน ซึ่งระยะทางก็ไม่ไกล แค่ครึ่งทางระหว่างบ้านและโรงเรียน คิดซะว่าเป็นการฝึกกลับบ้านด้วยตัวเองของหม่าจือฉุน
ซึ่งเธอก็รับคำอย่างว่าง่าย ว่าเลิกชมรมแล้วจะรีบปั่นรถไป วันนี้เธออยากจะขอคำชี้แนะจากครูที่ปรึกษาชมรม เรื่องคอร์ดของคีย์บอร์ด เธอจึงขออยู่ที่ชมรมดนตรีสากลก่อน
…
สำหรับนักเรียน ม.6/5 ที่แห่กันไปที่โรงเรียนมัธยมต้นนั้น บางคนก็มีจักรยาน บางคนก็ไม่มี แต่หม่ากั๋วหมิงก็สละจักรยานให้กับลู่เสว่ฉี สำหรับนักกีฬาบาสและนักฟุตบอลคนอื่นๆ ก็สละจักรยานให้เพื่อนผู้หญิงด้วยเช่นกัน พวกเธอบ้างก็ปั่นซ้อนกัน บ้างก็ปั่นคนเดียว เพราะมีจักรยานหลายคัน
ส่วนนักบาส นักบอลนั้นก็พากันวิ่งเหยาะๆ ถือเป็นการวอร์มไปในตัว
ซือฮัวเจ๋อ ได้ขอบิดาเรื่องสนามฟุตบอลและสนามบาสเอาไว้แล้ว สามารถใช้งานสนามได้วันนี้เลย ดังนั้นสนามในโรงเรียนมัธยมปลายจึงยกให้ห้องอื่นไป
บิดาของซือฮัวเจ๋อ ก็ตามใจและส่งเสริมลูกพอสมควร และเขาก็มีสิทธิในการให้ยืมใช้สนามฟุตบอลและสนามบาสได้เต็มที่ ยังได้ยินว่า ซือฮัวเจ๋อก็มีน้องสาวคนหนึ่งชื่อซือฮั่วหยู เรียน อยู่มัธยม 4-4 ด้วยเหมือนกัน ทั้งยังอยู่ห้องเดียวกันกับหม่าจือฉุน
หม่ากั๋วหมิงไม่รู้ว่าน้องสาวรู้จักและเป็นเพื่อนกับซือฮั่วหยูหรือเปล่า คงต้องลองถามดูอีกที แต่ปกติแล้วหากพี่ชายเป็นเพื่อนกัน น้องสาวที่อยู่ชั้นเดียวกัน ก็มักได้รับอิทธิพลพี่ชาย เป็นเพื่อนกันด้วย แบบนี้ก็ยิ่งดี เพราะน้องสาวจะได้มีเพื่อนผู้หญิง อนาคตจะได้ไม่เงียบเหงาเกินไประหว่างเรียน…
…
ไม่รู้ว่า เป็นเพราะคนส่วนใหญ่มาหรือเปล่า ทุกคนในห้องจึงพากันแห่มากันหมด ทั้งเพื่อนผู้หญิงผู้ชาย
หม่ากั๋วหมิงจึงใช้โอกาสนี้ซื้อใจเพื่อนนักเรียน แวะซื้อน้ำและขนมจำนวนมากจนครบคน ไปด้วย กระทั่งซื้อกระติกน้ำแข็ง เพื่อใส่ผ้าเย็น น้ำดื่ม น้ำอัดลมโดยเฉพาะ สำหรับใช้ในอนาคต สำหรับผ้าเย็นและน้ำดื่มนั้นให้นักกีฬา ส่วนน้ำอัดลมนั้นให้พวกสาวๆ ส่วนพวกขนมนั้นให้พวกสาวๆเหมือนกัน คิดซะว่าเป็นกองเซียร์
แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายพวกนี้ มาจากป๋าสายเปย์ที่เป็นบิดาของหม่ากั๋วหมิง นับตั้งแต่บิดาขายโสมป่าไป เขาก็เพิ่มค่าขนมต่อวัน ลูกสาว 50 หยวน และลูกชาย 100 หยวน และยังฝากเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้หม่ากั๋วหมิงอีกหนึ่งล้านหยวน สำหรับเรียนมหาลัย และอีกหนึ่งแสนหยวนสำหรับค่าใช้จ่าย ให้ใช้ระหว่างเรียนมัธยม กระทั่งหม่าจือฉุนก็มีสมุดบัญชีหนึ่งล้านหนึ่งแสนนอนอยู่ในบัญชีด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ฝากอยู่ที่มารดา หากเธอจะใช้ค่อยขออีกที ตอนนี้ก็ใช้เงินค่าขนมไปก่อน ซึ่งก็นับว่าเพียงพอแล้ว
ส่วนของหม่ากั๋วหมิงนั้น สามารถเบิกใช้ได้เลย หากอยากได้เงิน ในเรื่องนี้ หม่ากั๋วหมิงก็บอกบิดาไว้แล้วว่า ช่วงนี้มีแข่งกีฬา และเขาเป็นกัปตันทีม บางทีอาจต้องเลี้ยงลูกทีม ก็เลยต้องใช้เงิน ก็เลยขอบัตรเอทีเอ็มไว้ใช้แล้ว
…
ความจริงแล้วในห้องเรียน ห้อง 5 มีนักเรียนชายแค่ 20 คน เมื่อแบ่งแยกทีมบาสออกไป 6 คนที่ไม่ได้ลงเล่นฟุตบอล จึงเหลือ 14 คน ที่ลงเล่นฟุตบอล จึงสามารถแบ่งข้างได้ข้างละ 7 คน ดังนั้น จึงไม่ค่อยครบทีมเท่าไหร่ ความจริงแล้ววันนี้จะเล่นกับห้องอื่นในสนามโรงเรียน แต่หม่ากั๋วหมิงเสนอให้มาใช้สนามโรงเรียนมัธยมต้น มันก็เลยดูขาดๆเกินๆไป บางทีอาจจะต้องฝึกซ้อมอย่างอื่น ไม่ได้เล่นเตะบอลกัน
สนามบาสของมัธยมต้นนั้นไม่ได้เล่นอยู่ในยิม ไม่มีหลังคา พื้นเป็นปูน แต่ก็ตีเส้นและมีแป้นบาสถูกต้องตามมาตรฐาน เสียอย่างเดียวไม่มีไฟ พอเล่นใกล้ๆมืดก็ต้องเลิก กลับบ้านใครบ้านมัน
สนามฟุตบอลนั้นก็เหมือนกัน เป็นสนามหญ้า และลานดิน ลานพื้นแข็ง ยังดีหน่อยตรงที่มีเสาโกลตามมาตรฐานสากล ส่วนเส้นต่างๆนั้นก็ กะเอา เพราะตอนนี้มีแต่หญ้าขึ้นรก เพราะภารโรงยังไม่ได้ตัดหญ้าในเดือนนี้
การเล่นบอลนั้นไม่เหมือนกับอเมริกันฟุตบอลที่หม่ากั๋วหมิงเล่นในมหาลัยในชาติก่อน
เพราะมันต้องใช้ขาเตะและเท้าเลี้ยงบอล ส่วนอเมริกันฟุตบอลนั้น ใช้มือหอบหิ้วลูกบอล และใช้บ่าใช้ตัวพุ่งชนคนที่มาขวางหน้า แต่หม่ากั๋วหมิงก็เคยเล่นฟุตบอล และเล่นเป็น ถึงเล่นไม่เก่งเหมือนบาส เพียงแต่เท่านี้ก็เพียงพอจะเรียกได้ว่าเก่งกว่าเพื่อนในห้อง หรือเก่งกว่าทั้งโรงเรียนแล้ว
แต่เรื่องแผนการเล่น แผนการฝึกนั้น หม่ากั๋วหมิงไม่ถนัด จึงปล่อยให้ ซือฮัวเจ๋อ เป็นกัปตันทีมเหมือนเดิม ไม่ได้คิดจะแย่งเขา หากเป็นไปได้ เขาอยากจะเล่นโกลมากกว่า เขามั่นใจว่า เขาสามารถรับได้ทุกลูก และสามารถป้องกันโกลเอาไว้ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากเล่นโกล
เมื่อบอกตำแหน่งที่หม่ากั๋วหมิงอยากเล่น ซือฮัวเจ๋อ และคนอื่นๆก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ตอนแรกพวกขาคิดว่า หม่ากั๋วหมิงวิ่งเร็ว และเล่นบาสเก่ง แสดงว่าเรื่องการหลบหลีก สับขาหลอก เลี้ยงบอล เขาต้องยืนหนึ่ง คิดว่าเขาจะเล่นกองหน้าซะอีก
"ทำไมนายไม่เล่นกองหน้าล่ะ" ซือฮัวเจ๋อ ถามออกมา
"ฉันไม่ค่อยถนัดเรื่องฟุตบอล" หม่ากั๋วหมิงเอ่ย หากมีการลงเงินลงขันกัน เขาอาจจะเล่นกองหน้า เพราะไม่อยากเสียเงิน แต่หากเล่นชนะแล้วไม่ได้อะไรเลย เขาก็อยากเล่นตำแหน่งที่เล่นสบายๆ และไม่เหนื่อยจนเกินไป
"..."
แต่หากจะว่าไปแล้ว ตำแหน่งนายทวารประตูนี้ ก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญ อย่างน้อยๆเขามั่นใจว่า ไม่มีใครยิงบอลได้เร็วพอจะทำประตูได้ หากเขาเป็นนายทวารประตู เพราะเขามีจิตสัมผัสที่เฉียบคมกว่าคนทั่วไป ทั้งยังมีความว่องไว กว่าเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน แม้แต่นักกีฬาทีมชาติ ก็ใช่ว่าจะทำประตูได้ หากเขาเป็นโกล ถึงแม้ว่าในทีมของเขาจะทำประตูได้แค่หนึ่งลูก ก็ยังเป็นฝ่ายชนะได้ เพราะฝ่ายตรงข้าม จะไม่มีทางทำประตูฝั่งนี้ได้แน่นอน แต่ถ้าหากต่างฝ่ายต่างทำประตูไม่ได้ นั่นก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
เมื่อเห็นสายตาสงสัยของเพื่อนร่วมชั้น หม่ากั๋วหมิงจึงว่า
"หากพวกนายคงไม่เชื่อ ว่าฉันเป็นโกลเก่ง ถ้างั้นให้ทุกคนมายิงประตู หากใครสามารถยิงเข้าประตูที่ฉันเป็นโกลได้ ฉันจะให้ 100 หยวนต่อลูก..."
เมื่อได้ยินดังนั้น ซือฮัวเจ๋อก็ตบมือทันที
"ได้เลย ถ้างั้น ทุกคนเตรียมตัว" ซือฮัวเจ๋อ เรียกเพื่อนๆร่วมชั้น และเพื่อนๆในทีมฟุตบอลมารวมตัว บอกความประสงค์ของหม่ากั๋วหมิงออกไป
"จริงหรือเปล่า หากยิงเข้าได้ 100 หยวน" หลายคนก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
หม่ากั๋วหมิงพยักหน้ารับ "หากยิงเข้า รับ 100 หยวนไปเลย หากภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่มีใครยิงเข้า พวกนายต้องวิ่งรอบสนาม 10 รอบ โอเคหรือเปล่า" หม่ากั๋วหมิงบอกออกไปอีกครั้ง หากเป็นเมื่อก่อน ที่เขาไม่ค่อยมีเงิน เขาคงบอกว่า หากใครยิงไม่เข้าต้องเสียหนึ่งหยวนไปแล้ว แต่ตอนนี้เขามีเงินแล้ว จึงไม่คิดเล็กคิดน้อยพวกนั้นอีก
"โอเคจัดไป" การลงพนันครั้งนี้พวกเขาไม่ได้เสียอะไร มากไปกว่าเสียเหงื่อในการออกกำลังกาย แต่หากยิงเข้าได้ ก็จะได้ 100 หยวน ใครบ้างไม่อยากได้เงิน
การเป็นโกล ก็เป็นฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้อีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน ถือเป็นการฝึกประสาทสัมผัส การรับการโจมตีของศัตรู หากสามารถจับทิศทางของลูกบอลที่พุ่งเข้ามา ก็สามารถปัดการโจมตีได้
การฝึกซ้อมนี้ ไม่ได้มีเครื่องมือมากนัก มีแค่ลูกฟุตบอลธรรมดาลูกหนึ่ง ไม่มีกระทั่งกรรมการ ต้องดูไลค์ดูเส้นกันเอาเอง ว่าล้ำหน้าล้ำเส้น หรือผิดกติกากันหรือเปล่า และรวมไปถึง คนเป็นโกล ก็ไม่ได้มีถุงมือไว้รับลูกแต่อย่างใด ใช้มือเปล่ารับลูก
"ตุ๊บ"
"ตุ๊บ"
"ตุ๊บ"
หลายคนที่เตะบอลใส่โกล ก็ถูกหม่ากั๋วหมิงสกัดกั้นเอาไว้ได้หมด ทั้งใช้หมัดต่อยปัดออกจากโกล ใช้มือรับ ใช้มือปัด ใช้ศีรษะโม่ง สรุปแล้วไม่มีใครสามารถยิงทำประตูได้แม้แต่คนเดียว
ตอนนี้หลายคนจึงรู้แล้วว่า หม่ากั๋วหมิงไม่ได้โม้ หลังจากยิงไปคนละสามรอบ ก็ไม่มีใครสามารถทำประตูได้จริงๆ แต่สิ่งนี้กลับทำให้คนในทีมฟุตบอลรู้สึกฮึกเหิมอยู่ไม่น้อย การมีโกลดี ก็เท่ากับว่าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง
"ดี ถ้างั้นวันนี้ เราจะฝึกยิงลูกโทษ" ซือฮัวเจ๋อก็ฮึกเหิม ให้ทุกคนฝึกยิงลูกโทษ หลายคนเมื่อเตะบอลออก คาดหวังว่าจะเข้า แต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง เมื่อหม่ากั๋วหมิงสามารถปัดทิ้งออกไปได้
ทีมฟุตบอลของห้องห้านี้ ค่อนข้างอนาถาเล็กน้อย คนหลายคนมีลูกฟุตบอลลูกเดียว หากหม่ากั๋วหมิงปัดลูกแรงไปหน่อย ลูกบอลก็จะปลิวกระเด็นไปไกล บางครั้งก็กระเด็นไปถึงโกลอีกด้าน ลำบากใครบางคนต้องวิ่งไปเก็บมา
เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มเหนื่อย และอาจจะเบื่อ หม่ากั๋วหมิงจึงบอกให้พวกเขาขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม โดยการฝึกเลี้ยงลูกเข้ามาใกล้แล้ว ยิงทำประตู
ซือฮัวเจ๋อ เห็นด้วย จึงให้ทุกคน ได้ต่อแถวกันเพื่อฝึกเลี้ยงลูกเข้าไปใกล้แล้วยิงทำประตู
แม้จะไม่มีกองหลังที่คอยสกัด แต่ทุกคนก็ไม่สามารถยิงเพื่อทำประตูได้เลย หม่ากั๋วหมิง ใช้มือรับลูกบอลตรงๆ แล้วส่งกลับคืนไป เพื่อไม่ให้ทุกคนวิ่งไกล
หลายคนยังใช้เทคนิคสับขาหลอก ก็ยังไม่สามารถยิงเข้าได้
หลายคนใช้เทคนิคยิงไปอีกทาง แต่คล้ายว่าหม่ากั๋วหมิงจะรู้ทัน และมีมือยืดยาว เพียงขยับเล็กน้อย เหมือนช้าแต่รวดเร็วยิ่ง แม้ยิงไปอีกทาง แต่มันก็ยังกระโดดไปรับเอาไว้ได้
หลายคนรู้สึกหมั่นไส้ ยังเตะอัดหน้า แต่ก็ถูกปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี เหมือนปัดแมลงหวี่แมลงวัน
หลายคนพยายามยิงเข้ามุม ทั้งมุมบนมุมล่าง ก็ยังรับเอาไว้ได้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็ไม่มีใครที่จะได้เงิน 100 หยวนจากหม่ากั๋วหมิงเลยซักคน
และตอนนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าหม่ากั๋วหมิงนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน และมันไม่ได้เกินไปเลย หากเขาจะบอกว่า ไม่มีใครยิงเข้าได้ หากเขาเป็นโกล ทุกคนรู้สึกกดดันเล็กน้อย เหมือนอัดอั๊นไม่มีที่ระบาย ยิงยังไงก็ยิงไม่เข้า ทำให้หลายคนท้อไปเลย การฝึกแบบนี้ ฝึกเพื่อให้เกิดความชำนาญ หรือฝึกเพื่อบั่นทอนกำลังใจกันแน่
แต่การฝึกแบบนี้ก็ทำให้หลายคนยิงแม่นขึ้น ยิงเข้ามุมก็เข้ามุม เพียงแต่ถูกหม่ากั๋วหมิงรับไว้ได้ก่อน และหากยิงบอลได้เร็วกว่านี้ และไม่มีหม่ากั๋วหมิง ก็คงเป็นประตู หลายคนก็รู้สึกคาดหวังไม่น้อย
"เอาล่ะๆ พวกนายไปวิ่งรอบสนาม 10 รอบ"
หลายคนได้ยินก็เริ่มโอดครวญ แต่สัญญาก็คือสัญญา ตอนแรกวิ่งมาจากโรงเรียน 5 กม. ก็ว่าไกลแล้ว แต่วิ่งรอบสนามอีก 10 รอบ และบางคนต้องเดินกลับบ้านอีก ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเดินได้หรือเปล่า
"เอาล่ะ พวกเราไปวิ่งรอบสนาม…"
อย่างไรก็ดี หม่ากั๋วหมิงก็ยังวิ่งไปพร้อมกับเพื่อนๆ และยังคอยผลักดัน ดึงและลากเพื่อน ที่วิ่งไม่ทันเพื่อน ให้วิ่งไปด้วยกัน กว่าจะครบสิบรอบ ก็เล่นซะจนเหนื่อยหอบ หลายคนไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ห้ารอบก็ไม่ไหวแล้ว ยังนอนบนสนามเหมือนตายไปแล้ว คล้ายว่าความอัดอั๊นเมื่อครู่นั้นได้รับการระบายออกทางเหงื่อของพวกเขา
ซือฮัวเจ๋อ ก็เอาน้ำมันมวยมาให้เพื่อนได้นวดน่อง นวดขา บางคนก็ทาที่ท้อง เพราะวิ่งจนจุก
…
สำหรับนักเรียนหญิงนั้น บางคนก็ไปเซียร์นักบาส แต่บางคนก็ยังอยู่เซียร์นักบอล และใช้โอกาสนี้นั่งเสวนากันถึงอนาคต พูดถึงละครในปัจจุบัน และบางคนก็ยังขุดเรื่องเก่าออกมานินทา ระหว่างนั้นก็กินขนมไปด้วย บางคนก็ใช้โอกาสนี้ปั่นจักรยานเล่นกัน บางคนก็ถือโอกาสไปถ่ายรูปคู่กับต้นบ๊วย ต้นท้อ ที่กำลังออกดอกสวยงาม ข้างสนามโรงเรียน
สำหรับคนที่เซียร์ทีมบาสนั้นจะรู้สึกคึกคักกันมากกว่าคนที่อยู่เซียร์ทีมฟุตบอล อยู่เล็กน้อย เพราะอย่างน้อยๆก็มีคนซู๊ตเข้าห่วงและดังก์สวยๆให้ชม ให้รู้สึกตื่นเต้น แต่ฟุตบอลนั้น ไม่มีใครยิงเข้าประตูได้ซักประตูเดียว ทำให้ลุ้นไม่ขึ้นเลยจริงๆ
"นี่หัวหน้าห้อง แฟนเธอนี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว" ซูเหม่ย ที่เป็นเพื่อนนักเรียนในห้องเอ่ยออกมา
ลู่เสว่ฉี รู้สึกภาคภูมิใจอยู่บ้าง จึงว่า "เขาก็เป็นแบบนี้แหละ"
"เธอต้องเอาเขาให้อยู่หมัดนะ คนเก่งๆหล่อๆแบบนี้ มีสาวๆหลายคนกำลังมองตาเป็นมัน" หงส์หย่วน เพื่อนผู้หญิงอีกคน ก็เอ่ยออกมาบ้าง และบรรดาสาวๆที่ว่านั้น ก็รวมตัวเธออยู่ด้วย เธอเริ่มเห็นแววแล้วว่า หม่ากั๋วหมิงนั้นทั้งเรียนเก่งและกีฬาเด่น อีกทั้งดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยากจน บางทีเขาอาจจะสามารถเข้ามหาลัยดีๆ อนาคตอาจจะมีงานดีๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นแฟนเขา เพราะเขามีแฟนแล้ว แต่ก็เป็นเพื่อนร่วมห้องกันมาก่อนตอนมัธยมปลาย เช่นนั้น หากในอนาคตเธอมีปัญหา ก็อาจจะอาศัยฐานะเพื่อนเก่า ขอความช่วยเหลือเขาได้
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สองคนนี้เขารักกันจะตาย" หัวหมิงตั๋ว เพื่อนหญิงอีกคนก็เอ่ยออกมาบ้าง
ลู่เสว่ฉีหน้าแดงเล็กน้อย อมยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ แต่ในใจก็คิดไปว่า หม่ากั๋วหมิงนั้น ทั้งเรียนเก่งและเล่นกีฬาเก่งจริงๆ อนาคตเขาต้องเป็นคนที่โดดเด่นมาก ตัวเธอเองจะกลายเป็นตัวถ่วงของเขาหรือเปล่า…