ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
คาบเรียนวันนี้ ครูภาษาอังกฤษก็เอาผลสอบมาให้นักเรียน ที่ได้สอบตอนวันจันทร์
คราวนี้ หม่ากั๋วหมิงทำคะแนนได้ 97/100 คะแนน ทั้งยังถือได้ว่าอยู่อันดับ 3 ของชั้นปี ยังมีคนได้ 98 และ 99 อีกสองคน ที่อยู่ในห้องหนึ่งและห้องสอง และไม่มีใครได้ 100 คะแนนเต็ม แต่ข้อที่ผิดนั้น ก็คงเพราะดุลพินิจของครู ในการตรวจข้อสอบ เหมือนอย่างที่หม่ากั๋วหมิงคิดว่ามันถูกอยู่แล้ว ครูอาจจะบอกว่าผิดก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ดีเขาก็ถือว่าได้ที่หนึ่งของห้องห้า
เมื่อคะแนนออกมา ทุกคนก็ฮือฮาทันที พวกเขารู้มาบ้างว่าหม่ากั๋วหมิงเรียนเก่งตอน ม.5 ทั้งยังได้อยู่ห้อง 1 แต่พอขึ้น ม.6 เขากลับได้มาอยู่ ห้อง 5 และด้วยความสามารถนี้เขาสามารถอยู่ห้อง 1 ได้ด้วยซ้ำ และพอมาอยู่ห้อง 5 แล้วนั้น บางคนจึงรู้สึกถึงความห่างชั้นกันมากเหลือเกิน โดยเฉพาะคนที่ได้อันดับท้ายๆ ได้คะแนนเพียง 37/100 เท่านั้น และนั่นยังเป็นการเดาล้วนๆอีกด้วย เมื่อดูคะแนนของหม่ากั๋วหมิงแล้ว มันใช่ห่างไกลกันเหลือเกิน กระทั่งลู่เสว่ฉีที่เป็นหัวหน้าห้องนั้น ยังได้แค่ 79/100 คะแนน
และคนที่ได้ที่โหล่ที่ได้ 37/100 คะแนน ก็คือเฉินโม่ที่อยู่ในทีมบาสนั่นเอง
พอหลังจากคาบภาษาอังกฤษ ก็มีช่วงพักเบรก สาวๆหลายคนก็พากันเจี้ยวจ๊าว ไม่รู้คุยอะไรกัน แต่ก็มีหลายคนนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ บางคนยังแอบอ่านมังงะ แอบอ่านนิยาย บางคนยังถึงกลับนำขนมที่แอบซ่อนไว้มากินในห้อง
"กั๋วหมิง วันนี้ตอนเย็น เขาจะฝึกซ้อมฟุตบอลกัน" ซือฮัวเจ๋อ ที่เป็นกัปตันทีมฟุตบอลของห้องได้เข้ามาบอกกล่าว
"โอเค" หม่ากั๋วหมิงตอบรับ เขาได้ลงชื่อเล่นฟุตบอลด้วย แต่ยังไม่เคยไปซ้อมเลย ในห้อง 5 นั้นมีผู้ชาย 20 คน ผู้หญิง 20 คน ดังนั้นแล้ว จึงมีเด็กผู้ชายบางคนต้องเล่นบาสและเล่นฟุตบอล และต้องซ้อมสลับกัน ถือเป็นกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันในชั้นปี
ดังนั้น หม่ากั๋วหมิงจึงหันไปที่หยินซินหยา แล้วว่า
"ซินหยา นายเล่นฟุตบอลด้วยหรือเปล่า"
"ฮึ่ ไม่ได้เล่น"
"เช่นนั้น วันนี้นายก็นำคนในทีมบาส ไปฝึกซ้อมกันเองก่อน"
"โอเค เดี่ยวจัดการให้" หยินซินหยาตอบรับ หลายวันมานี้ หยินซินหยาได้ประโยชน์พอสมควร กับแผนการฝึกของหม่ากั๋วหมิง ดังนั้นแล้วเขาจึงยอมรับหม่ากั๋วหมิงให้เป็นกัปตันทีม อีกอย่างหม่ากั๋วหมิงก็เก่งจริง เหมือนนักกีฬามืออาชีพที่สอนมือสมัครเล่นอย่างพวกเขาเล่นกีฬา
หยินซินหยาก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน วันนี้เขาไม่ได้จองสนามนอกของเอกชน และไม่ได้คิวสนามในโรงเรียน ยังไม่รู้เลยว่าจะฝึกซ้อมบาสกันยังไง
"เอ่อ กัปตัน วันนี้พวกเราไม่มีสนาม"
เมื่อได้ยิน หม่ากั๋วหมิงก็ครุ่นคิด นี่กลับกลายเป็นปัญหาจริงๆ ตอนนี้นักเรียนมัธยมปลายทั้งอำเภอ หรืออาจจะทั้งจังหวัด กำลังจะมีการแข่งกีฬาภายใน และกีฬาภายนอก จึงค่อนข้างหาสนามได้ยากพอสมควร ครั้งก่อนเขาคิดว่าจะไปยืมสนามของโรงเรียนมัธยมต้น แต่ก็ยังไม่ได้ไปถามเลย
"มีสนามหนึ่ง ของมัธยมต้น ที่ฉันคิดว่ายังว่างอยู่ เพราะไม่เห็นมีใครไปใช้ในตอนเย็น พวกเราไปขอใช้ได้หรือเปล่า" หม่ากั๋วหมิงจึงเอ่ยออกไปตามที่ได้คิดเอาไว้
"ไม่รู้สิ คงต้องลองไปถามดูก่อน"
"เรื่องนี้ฉันช่วยได้นะ"
"หือ"
"เอ่อ พ่อฉันเป็นครูใหญ่โรงเรียนมัธยมต้นรุ่งอรุณ" ซือฮัวเจ๋อกล่าวออกมาอย่างเขินอายอยู่บ้าง
อันที่จริงแล้ว ทั้งโรงเรียนมัธยมต้น และโรงเรียนมัธยมปลาย ต่างก็เป็นโรงเรียนเดียวกัน ชื่อเดียวกัน แต่กลับตั้งอยู่คนละที่ ทั้งยังมีครูและอาจารย์ บริหารแยกจากกันต่างหาก นั่นเพราะมีปัญหาในเรื่องอาคารสถานที่
ในตอนแรกนั้นโรงเรียนมัธยมรุ่งอรุณ ก็อยู่ที่ตำแหน่งโรงเรียนมัธยมต้นรุ่งอรุณในปัจจุบัน แต่เนื่องจากมีนักเรียนมากขึ้นในตอนนั้น จึงสร้างอาคารเรียนใหม่อีกที่หนึ่ง แล้วย้ายมัธยมปลายมาเรียนที่ใหม่ แล้วที่เก่าก็ใช้เรียนเฉพาะระดับประถมไปจนถึงมัธยมต้นแทน
มันจึงคล้ายเป็นโรงเรียนเดียวกันและเป็นคนละโรงเรียน และสำหรับคนทั่วไป ต่างเรียกชื่อแยกกันเช่น โรงเรียนมัธยมต้นรุ่งอรุณ กับโรงเรียนมัธยมปลายรุ่งอรุณ ส่วนชื่อโรงเรียนจริงๆทั้งสองแห่ง ก็ยังเป็นชื่อ โรงเรียนมัธยมรุ่งอรุณเหมือนเดิม สำหรับเรื่องนี้ มีคนเคยหลงทางไปผิดไปถูกหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว และไม่รู้ว่าผู้บริหารโรงเรียนจะเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเมื่อไหร่ คงเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการอะไรซักอย่าง ก็เลยเป็นแบบนี้มาโดยตลอด
"โอ้ว ไม่คิดว่าเราจะมีเพื่อนร่วมชั้นเป็นลูกคนใหญ่คนโต เช่นนั้น นายช่วยบอกพ่อนายได้หรือเปล่า ว่าเราจะขอใช้สนาม และไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอใช้ทั้งสนามฟุตบอลและสนามบาสไปเลย" หม่ากั๋วหมิงกล่าว
ซือฮัวเจ๋อ ก็รู้สึกว่าสนามฟุตบอลของโรงเรียนที่นี่นั้น ก็มีคนต่อคิวใช้สนามจนแทบต้องแย่งกันทุกวัน ทั้งสนามเล็กสนามใหญ่ คงจะดีหากสามารถยืมสนามของโรงเรียนมัธยมต้นได้ และที่นั่นก็กว้างขวาง อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนเดียวกัน ก็น่าจะไม่มีปัญหา อีกทั้งเมื่อก่อนโรงเรียนยังเปิดให้ชาวบ้านที่เป็นศิษย์เก่าเข้ามาเล่นได้ แต่ตอนหลังไม่ให้เล่นเพราะมีชาวบ้านทะเลาะชกต่อยกัน ก็เลยปิดเอาไว้ไม่ให้ใครใช้ แต่หากจะขอใช้อีกครั้ง ก็มีเหตุอันสมควร เพราะการแข่งขันกีฬาที่กำลังจะมีขึ้น มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร และผู้ใหญ่ก็น่าจะเห็นด้วย
เขาจึงพยักหน้ารับ
"โอเค ฉันจะลองถามพ่อให้ตอนพักเที่ยง" ซือฮัวเจ๋อกล่าว เขามีโทรศัพท์ แต่ต้องโทรไปตอนพัก เพราะบิดาของเขาอาจจะกำลังยุ่งอยู่ และอีกอย่าง มือถือก็ถูกครูประจำชั้นริบก่อนเข้าเรียน แต่ตอนพักเที่ยง ก็ขอคืนได้
"โอเค งั้นก็ฝากนายด้วย"
…
ภาคบ่ายวันนี้ เรียนเรื่องกวี สมัยซ้ง สมัยถัง ซึ่งน่าเบื่อมาก สุดท้ายยังต้องเขียนเรียงความเป็นการบ้าน ซึ่งการบ้านนี้จะลอกกันก็ไม่ได้ด้วย ต้องเขียนใครเขียนมัน และต้องใช้ปากกาเขียนอีกด้วย ถือเป็นการคัดลายมืออย่างหนึ่ง โชคดีที่ยังพอมีเวลา ส่งอาทิตย์หน้าของคาบวรรณกรรม
ในช่วงพักนั้น หลังจากเรียนวรรณกรรมและบทกวี สาวๆในห้องจึงใช้โอกาสนี้ คุยกันถึงนิยายออนไลน์ ที่เขากำลังฮิตกัน ตอนนี้เขากำลังฮิต นิยายประเภทที่ผู้แต่ง แต่งให้ตัวเอกเป็นเขยแต่งเข้าบ้าน หรือเขยที่ถูกทอดทิ้ง แล้วถูกครอบครัวภรรยาโขกสับ ด่าทอต่างๆนาๆ แม่ยายไม่รัก พ่อตาไม่ถนอม แถมเมียยังไม่ยอมให้นอนด้วย
อยู่นอกบ้านทำงานกระจอก อยู่ในบ้านทำงานเหมือนคนใช้ ถูกใช้งานหนักเหมือนหมาตัวหนึ่งในบ้าน แต่แล้วมีอยู่วันหนึ่ง มันกลับกลายเป็น ทายาทเศรษฐีหมื่นล้าน แล้วหลังจากนั้น ก็ไล่ตบเกรียนหนุ่มๆที่พยายามมาตาบจีบเมียมัน แต่ถึงกระนั้นเป็นพันตอนก็ยังไม่เปิดเผยตัวตนให้ภรรยารู้ ภรรยามันยังคิดว่าสามีเป็นคนไม่เอาไหนอยู่เลย
เรื่องนี้จึงทำให้ผู้อ่านคอยลุ้นคอยเซียร์พระเอก ว่าเมื่อไหร่เขาจะโชว์เทพตบเกรียน และได้นอนกับเมียของมันซักที
ยังมีนิยายอีกประเภทหนึ่ง ที่เกิดอุบัติเหตุโดนรถชนแล้วย้อนอดีตไปเข้าร่างทายาทตระกูลกากๆ แล้วได้สกิลระบบช่วยเหลือ ฝึกวิชาใหม่และไล่ตบเกรียนคนที่เคยทำไม่ดีกับเจ้าของร่างเดิม และสามารถฝึกวิชา จนกลายเป็นคนเทพๆได้ ทั้งที่ในชาติก่อนเป็นแค่ขยะ หรือไม่ก็คนเทพๆ ได้เข้ามาอยู่ในร่างขยะของตระกูล แล้วโชว์พลังเทพๆ ไม่รู้ว่าพระเจ้าในโลกนั้นเมากาวหรือคนแต่งเมากาว หากมันจะเก่งขนาดนั้น อยู่โลกเดิมทำไมเป็นได้แค่ขยะ หรือคนเทพๆในโลกเดิม เมื่อมาอยู่ร่างขยะ ตรรกะของมันจึงบิดเบี้ยวไป ทั้งที่บอกว่ามันอายุหลายพันหลายหมื่นปี แต่ทำไมนิสัยยังเหมือนเด็ก เอะอะอะไรก็ฆ่าล้างตระกูล…
ยังมีสาวๆอีกกลุ่มหนึ่ง คุยกันเรื่องนิยายสายม่วง ที่พระเอกก็เป็นนายเอก ขุดทองขุดดอกเบศมาศกัน และผู้แต่งยังแต่งถึงฉากเลิฟซีนอย่างถึงพริกถึงขิง อ่านแล้วยังติดตา ค้างอยู่ในหัวสมอง บางคนยังต้องฮึ่ยๆ เอาแล้วๆ แล้วพากันหัวเราะคิกคัก…
หม่ากั๋วหมิงแอบเงี่ยหูฟัง รู้สึกว่าเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ ก็สามารถท่องเว็บได้ปกติ บางคนก็อาจจะมีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน หรือไม่ก็หาอ่านในร้านเน็ต ส่วนพวกเด็กผู้ชาย ก็ไม่ได้พูดคุยกันเรื่องเล่นเกมหรือชวนกันไปเล่นเกมแต่อย่างใด เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ ยังพูดคุยกันถึงเรื่องการเล่นกีฬาและการแข่งขันกีฬา นั่นเพราะการสอบเข้ามหาลัยนั้น ยังใช้คะแนนกีฬา เป็นคะแนนเสริมได้อีกด้วย หากเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน เป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งระดับอำเภอ หรือจังหวัด ก็จะได้รับคะแนนเพิ่ม หลายคนก็สามารถเข้ามหาลัยกีฬาได้เลย โดยไม่ต้องสอบ
ส่วนเรื่องเกมนั้นก็มีคนเล่น แต่ไม่ถึงกับเอามาโม้ในโรงเรียนว่าตัวเองมีคะแนนแต้มเท่าไหร่ อยู่ที่อันดับที่เท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กบ้านนอกนั้น ส่วนดีก็เล่นเกมคอมพิวเตอร์ ไม่ค่อยรู้เรื่องเกมคอนโซลอย่าง PlayStation เพราะไม่มีร้านเกม ที่ให้บริการเกม PlayStation แต่ไม่รู้ว่าในห้างสรรพสินค้าจะมีหรือเปล่า คงต้องหาโอกาสไปสำรวจในตัวเมือง
พอคิดไปคิดมา เขาน่าจะเขียนนิยายแหวกแนวซักเรื่องดีหรือเปล่า อย่างสแลมดังก์ที่เป็นนิยายเกี่ยวกับกีฬา ที่ดังมากในญี่ปุ่น จนภายหลังยังได้นำมาสร้างเป็นมังงะและอนิเมะ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อาจบางทีคนแค่รอให้ใครซักคนเขียนมันขึ้นมาอยู่ก็เป็นไปได้ เดี่ยวพอกลับถึงบ้าน เขาจะลองนั่งนึกๆดูว่าจะพอเป็นไปได้หรือเปล่า อาจบางทีอาจจะดีกว่านิยายที่เขาคิดว่าจะลง ก็เป็นไปได้
พอนั่งคิดอะไรเพลินๆ แล้วรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมอง จึงหันมาด้านข้าง ก็พบว่าลู่เสว่ฉีกำลังมองเขาอยู่ หม่ากั๋วหมิงจึงว่า
"เสาร์อาทิตย์นี้เธอว่างหรือเปล่า" หม่ากั๋วหมิง ถามออกไป
"หือ ทำไมเหรอ"
"ไปเที่ยวห้างในเมืองกันไหม"
"ไปที่เขตเหรอ"
"อืม ไปไหม"
ห้างสรรพสินค้าในตัวอำเภอนั้น ขายเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ห้างในตัวจังหวัดนั้น ถึงจะเรียกว่าห้างสรรพสินค้าจริงๆ แถมยังมีหลายห้าง ภายในยังมีเกมให้เล่น โรงหนังให้ดู สนามกีฬาในร่มอย่างสเก็ตน้ำแข็ง แถมยังมีร้านค้าร้านอาหาร มีทุกอย่างขายที่นั่น หากมีตังค์ซื้อ
"กัปตัน พวกเราไปด้วยได้ไหม" เฉินโม่ ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้พอดี ก็ถามออกมา
"คนเขาจะไปแดทกัน พวกนายจะไปเป็นกว้างขวางคอทำไม" หยินซินหยา ที่พึ่งเดินเข้ามาก็เอ่ยออกมาบ้าง
หม่ากั๋วหมิงทั้งไม่ยอมรับและปฏิเสธ จึงหันไปทางลูเสว่ฉี
เธอหน้าแดงเล็กน้อย จึงว่า "รอใกล้วันอีกทีเดี่ยวจะบอกนะ"
"โอเค"
"ถ้างั้นพวกเราไปด้วยได้ไหม" นักเรียนหญิงอีกสามคน ก็เข้ามาพูดกับทุกคนบ้าง ในตอนนี้รู้สึกว่า ทั้งหม่ากั๋วหมิงและลู่เสว่ฉี จะเป็นแกนกลางของห้อง เพราะฉนั้นหลายคนจึงต้องแกะขาสองคนนี้ไว้ ไม่อยากให้ตัวเองตกรถไฟ
หม่ากั๋วหมิงรู้สึกว่าลู่เสว่ฉีจะไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงเท่าไหร่ คงจะดีหากเธอมีเพื่อนเพิ่ม เธอจะได้ไม่เหงา
"ได้สิ"
"เย้ ขอบใจมากกั๋วหมิง"
พอได้ยินแล้วหม่ากั๋วหมิงก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนเข้าใจอะไรได้บางอย่าง เพราะดูเหมือนว่า คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอย่างเขา จะต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่ไม่เป็นไร ยังไงชาติก่อน เขาก็เป็นเพลย์บอยสายเปย์อยู่แล้ว นั่นเพราะเขาเป็นลูกเศรษฐีในโลกก่อน แต่ตอนนี้บิดาในโลกนี้ของเขาก็รวยแล้ว หากเขาจะเป็นเพลย์บอยสายเปย์อีกครั้งในโลกนี้ ก็คงไม่ถือว่าแปลกแต่อย่างใด
ความคิดแรกที่คิดว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งบิดา ดูเหมือนจะไม่ได้แล้ว เพราะเขาพึ่งบิดาจนชินมาตั้งแต่โลกก่อนแล้ว ชาติก่อนนั้น บิดามีลูกชายคนเดียวก็เลยตามใจเขาทุกอย่าง ในโลกนี้แม้มีลูกสาวอีกคน แต่ดูเหมือนว่าบิดาจะยังเป็นคนที่ตามใจลูกพอสมควร ลูกขอเงินไม่มีบ่นหากเขามี เขาก็จะให้ใช้จนเปรม กระทั่งตอนอยู่อเมริกา ยังซื้อรถสปอร์ตให้หม่ากั๋วหมิงขับไปมหาลัย เพราะฉนั้นก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร หากเขาบอกว่า เขาใช้เงินที่บิดาให้มา ไปเปย์สาวหรือเปย์เพื่อนๆเพื่อสร้างบารมีของกัปตันทีมบาส
หมดคาบเรียน พวกเด็กผู้ชายก็แยกย้ายกันไปเล่นกีฬา เด็กผู้หญิงบางคนก็ไปเล่นกีฬาที่ตัวเองลงแข่งด้วยเช่นกัน และหลายคนก็ไม่ได้ทำอะไร แต่ไปนั่งอ่านหนังสือและนั่งดูเพื่อนๆเล่นกีฬาข้างสนาม…
ส่วนนักกีฬาและเพื่อนในห้องนั้น ก็พากันไปที่โรงเรียนมัธยมต้นรุ่งอรุณ ทั้งทีมบอล ทีมบาส และกองเซียร์อีกด้วย เมื่อได้บอกกล่าวแก่ครู่ประจำชั้นเรียบร้อย ทุกคนก็สามารถออกจากโรงเรียนได้ก่อนเวลา ทุกคนจึงพากันแห่ไปที่โรงเรียนมัธยมต้นรุ่งอรุณ…