ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
พอกลับถึงบ้าน อาบน้ำกินข้าวแล้ว หม่ากั๋วหมิงก็ใช้เวลาว่างในการพิมพ์งาน คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ไม่ได้กินไฟจนเกินไป สามารถใช้ไฟบ้านได้ปกติ และตอนนี้ที่บ้านก็มีไฟฟ้า 1 เฟสให้ใช้งานแล้ว
โดยปกติแล้วทุกบ้านก็ใช้ไฟ1เฟสกันอยู่แล้ว เพียงแต่ แต่ก่อนพ่วงสายมาหลายร้อยเมตร ไฟก็เลยไม่แรงเท่าไหร่ เหมือนกับใช้ไฟครึ่งเฟส เพราะแรงดันไฟฟ้าไม่พอ จึงทำได้เพียงใช้เปิดไฟส่องสว่างเท่านั้น
อินเตอร์เน็ตยังไม่เข้าบ้าน คงต้องรออีกวันสองวัน คงพิมพ์นิยายได้ห้าสิบตอนพอดี และสามารถทะยอยลงเว็บ แล้วเปิดให้อ่านฟรีวันละสามตอน
ส่วนเรื่องเพลงนั้นเขาก็มีแผนอยู่ในใจ ตอนนี้ก็มีกีตาร์แล้ว สามารถทำสลับกับการเขียนนิยายได้
สำหรับการเขียนโปรแกรมนั้น หม่ากั๋วหมิง ตัดสินใจเขียนเว็บไซต์ก่อน ในยุคนี้เซฟเวอร์ส่วนใหญ่ซัพพอร์ต PHP และเก็บข้อมูลแบบ MySQL ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ยาก เขาสามารถเขียนเว็บได้เลย เพราะเครื่องมือในการเขียนก็ใช้แค่โปรแกรม editplus ก็ใช้ได้แล้ว และโปรแกรมนี้ยังเปิดให้โหลดฟรีอีกด้วย แต่ว่าบางเซฟเวอร์ก็สามารถใช้ ไพทอน (Python) ได้ หม่ากั๋วหมิงจึงใช้ทั้ง python, php, java ในการเขียนเว็บ
สำหรับ java นั้นใช้สำหรับการแสดงผลหน้าเว็บ ในส่วนของปลั๊กอิน เว็บจะได้โหลดเร็วๆ
เว็บที่หม่ากั๋วหมิงก็คือเว็บแบบเว่ยป๋อ หรือก็คือแบบเฟคบุ๊ค เป็นเว็บเครือข่ายสังคม แต่ในยุคนี้ในโลกนี้ ทั้งสองเว็บนี้ ยังไม่ดังมากนัก โดยเฉพาะเว่ยป๋อ ก็ยังไม่ถือกำเนิด
ไม่ว่าจะยังไง ส่วนสำคัญของเฟคบุ๊คที่สามารถรองรับผู้ใช้มากๆได้ ไม่ได้อยู่ที่การออกแบบเว็บที่วิริสมาหรา หรือระบบที่ดี แต่อยู่ที่เว็บใช้งานง่าย และมีความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นการส่องหน้าโปรไฟล์ของเพื่อน หรือคนที่ติดตาม หรือโพสต์อะไรบางอย่าง มันจะต้องขึ้นปุ๊บปั๊บ โดยไม่ต้องรอ หรือรอก็รอไม่นาน และไม่มีข้อผิดพลาดอะไรระหว่างรอ หรือโพสต์เสร็จแล้วไม่เออเร่อร์ แสดงผลได้ครบถ้วน แค่นี้ก็นับว่าใช้ได้แล้ว
เพราะฉนั้นเซฟเวอร์จะต้องเร็ว แรง และเสถียรมาก ดังนั้นจะต้องออกแบบระบบที่เสถียรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
…
ในตอนที่หม่ากั๋วหมิงลงทุนในเว่ยป๋อในโลกก่อนนั้น ก็เล็งเห็นปัญหาข้อนี้ จึงลงทุนไปกับค่าเซฟเวอร์ ค่าแบรนด์วิธ เดือนหนึ่งๆทุ่มทุนอย่างมหาศาล กว่าจะทำเงินได้ เผาเงินทิ้งไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านหยวน
แต่สำหรับหม่ากั๋วหมิงไม่ได้กะจะทำอะไรที่มันอลังการขนาดนั้น แค่รักษายอดผู้ใช้ 50-100 ล้านคนต่อเดือนได้ ก็ถือว่า ทำสำเร็จแล้ว
เพราะแค่นี้ ก็น่าจะเสียค่าใช้ประมาณ 5-10 ล้านหยวนต่อเดือนด้วยเช่นกัน และสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ คงต้องขอความสนับสนุนจากบิดา
และหากมีผู้ใช้ล้านคนมากขึ้น นั่นก็เท่ากับว่า จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และต้องให้คนใช้ฟรีก่อนจนติด ค่อยหารายได้เข้าเว็บ โดยการขายโฆษณาเหมือนกับเฟคบุ๊ค
แน่นอนว่าการจะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ จะต้องมี datacenter เป็นของตัวเอง หรือฟาร์มเซฟเวอร์เป็นของตัวเอง จะลดค่าใช้จ่ายลง 50%
อย่างไรก็ดี ในตอนนี้เฟคบุ๊คไม่ได้ดังอะไรมาก และรัฐบาลก็บล็อกเว็บต่างประเทศอยู่แล้ว เว็บภายในประเทศยังมีโอกาสพัฒนาอีกเยอะ เพราะไม่งั้นในโลกก่อนเว่ยป๋อก็คงไม่ได้เกิด เพราะเว่ยป๋อในยุคแรกเริ่มนั้น ยังมีข้อผิดพลาดเยอะแยะ อย่างเว็บอืดเป็นเรือเกลือ วันดีคืนดีก็โดนเฮกบัญชีอีกต่างหาก เพราะฉนั้นโอกาสของเขายังมี
ถึงจะเป็นอย่างนั้น ในตอนนี้ เวลานี้ ถือเป็นยุคแรกเริ่มของเฟคบุ๊คเหมือนกัน เฟคบุ๊คก็ยังให้บริการแค่โพสต์ข้อความและโพสต์รูปภาพ ยังไม่มีกระทั่งภาพ gif หรือไม่ปล่อยให้ผู้ใช้อัพโหลดวีดีโอ เพราะของพวกนี้เปลืองแบรนด์วิธและพื้นที่เก็บข้อมูล แต่สามารถแปะลิงค์จากยูทูปได้
จะเป็นยังไงหากเขาสร้างแอปแบบติ๊กต๊อก ให้อัพคลิปสั้น อัพวีดีโอ และทำเป็นเว็บเครือข่ายสังคม ในโลกนี้ แล้วรวมกับเว็บเครือข่ายสังคม สร้างเป็นแอปโมเม้นท์ขึ้นมา
พอคิดแล้วก็รู้สึกตื่นเต้น การเขียนแอปพวกนี้ ก็ไม่ได้ยากอะไร ที่ยากคือ การลงทุนและค่าใช้จ่าย ค่าเซฟเวอร์ ค่าแบรนด์วิธ อย่าลืมว่าในโลกโน้น ติ๊กต๊อกก็ใช้เงินสามพันล้านต่อเดือน สำหรับค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าเซฟเวอร์และค่าแบรนด์วิธ และนั่นยังใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการทำเซฟเวอร์ ที่ราคาถูกมากแล้ว อย่างเทคโนโลยี คราวด์เซฟเวอร์ ส่วนในโลกนี้ยังไม่มี คราวด์เซฟเวอร์ แต่เป็นโฮสติ้งที่ใช้ฮาร์ดดิชธรรมดา อาจต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่า
นอกเสียจากว่า เขาจะต้องสร้างมันขึ้นมาเอง ทุกอย่าง…
ส่วนเรื่องเงินทุนนั้น หม่ากั๋วหมิงวางแผนที่จะเขียนโปรแกรมแอนตี้ไวรัส และล้างไฟล์ขยะในโปรแกรมเดียวขึ้นมา มีสองฟั่งชั่นให้ใช้งานในโปรแกรมเดียว ในจีนในตอนนี้ ยังไม่มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสเป็นของตัวเอง ยังซื้อของต่างประเทศมาใช้ และมันก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากมาย หากเขาเขียนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสขึ้นมาซักโปรแกรมที่นี่ และในโปรแกรมมีแต่ภาษาจีนที่อ่านเข้าใจง่าย และมีภาษาอังกฤษเป็นภาษารองให้เลือกใช้ คนจีนก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้น และอะไรที่เป็นของผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะเทคโนโลยี คนก็จะรู้สึกดีมากกว่า และเต็มใจที่จะใช้งานเพื่อส่งเสริม
อย่างน้อยที่สุดคนกลุ่มหนึ่ง ก็สนับสนุนของในประเทศ ลองคิดง่ายๆ คนพันกว่าล้านคน แค่10%ที่ส่งเสริมของในประเทศ ก็มีอย่างน้อยๆ 100 ล้านคนแล้ว แค่นี้ก็นับว่ามหาศาลแล้ว
และหม่ากั๋วหมิงก็ยังมั่นใจในการเขียนโปรแกรมแอนตี้ไวรัสของเขาพอสมควร เพราะเขาก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ไวรัสคอมพิวเตอร์ระบาดมาก่อนหลายรอบในโลกก่อน สามารถเขียนโปรแกรมกำจัดไวรัสล่วงหน้าได้ เหมือนคนที่มีวัคซีนก่อนที่ไวรัสจะแพร่ระบาด ย่อมสามารถรับมือได้ง่ายกว่า
หากทำดีๆ โปรแกรมเล็กๆนี้ ก็อาจจะทำเงินได้ตลอด และอาจกลายเป็นโปรแกรมสามัญประจำเครื่อง ที่ทุกเครื่องต้องลงโปรแกรมนี้ อนาคตยังสามารถต่อยอดได้ โดยการทำเป็นแอปในมือถือ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนที่ผลิตออกมาหลังจากนี้ จะมีปัญหาในเรื่องไฟล์ขยะ โปรแกรมนี้ ก็จะช่วยล้างไฟล์ขยะ ในอนาคตมันก็จะกลายเป็นแอปสามัญประจำมือถือทุกเครื่องด้วยเช่นกัน
โปรแกรมนี้เขาจะเปิดให้ใช้ฟรี โหลดฟรี อัพเดตฟรี ส่วนที่มาของรายได้ ก็จากโดเนทและโฆษณา และยังสามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บเครือข่ายสังคมของเขาได้อีกด้วย ต้องทำให้โลกรู้จักเราก่อน เราถึงจะมีสิทธิออกเสียง และชี้นำผู้คนได้
เมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว แผนนี้น่าจะพอเป็นไปได้ กว่าการเขียนนิยายและขายเพลง เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรกเสียอีก เพราะอย่างน้อยๆเขาก็สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ได้ก๊อปนิยาย หรือก๊อปเพลงจากโลกเก่ามาหากิน เหมือนกับนิยายเรื่องอื่น ที่ตัวเองย้อนเวลาไปในยุคเก่า และแต่งความลับในหอแดงหากินแทบทุกคน…