ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
การเล่นบาสวันนี้ทุกคนสนุกมาก
และในวันนี้เพื่อนในห้องก็มาเซียร์และให้กำลังใจกันหลายคน โดยเฉพาะสาวๆในห้อง
ระหว่างที่เล่น พวกเขาก็หลงลืมรอบด้านไปชั่วคราว แต่พอจบการแข่งขัน ดูเหมือนว่าเพื่อนๆในห้องหลายคนพากันตบมือให้กำลังใจ กันอย่างล้มหลาม ถึงแม้คนที่พ่ายแพ้ ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร ถือว่าแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะทีมที่มีหม่ากั๋วหมิงอยู่นั้น แข็งแกร่งเกินไป และเขาแย่งลูกและจ่ายลูกได้เก่งและแม่นมาก
ส่งลูกไม่มีพลาด ซู๊ตลูกไม่มีพลาด ทั้งยังแย่งลูกจากเขาได้ยาก หากทีมเขาไม่ชนะก็คงยากแล้ว แม้แต่คนเก่งอย่างหยินซินหยากับเฉินโม่ ร่วมมือกัน ยังแย่งลูกจากเขาไม่ได้ แถมยังถูกฉกลูกไปหลายครั้งอย่างงงๆ เขายังโยนลูกกลับหลังเข้าห่วงโชว์ในระยะไกลอีกต่างหาก ลูกสุดท้าย ในตอนนั้น ทุกคนในห้องห้า ต่างก็พากันตบมือเสียงดังกันสนั่นลั่นยิม
นี่มันก็เก่งเกินไป จะให้คนอื่นมีชีวิตอยู่ได้ยังไง
…
วันนี้ลู่เสว่ฉีก็มาเซียร์ด้วยเช่นกัน และไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกว่า มองยังไงหม่ากั๋วหมิงก็น่ามองมากยิ่งขึ้น เหมือนว่าเขาจะหล่อกว่าเดิมด้วยหรือเปล่า หรือว่า การได้เป็นแฟนใครซักคน เราจะรู้สึกว่า เขาดูหล่อขึ้น ลู่เสว่ฉีก็รู้สึกสับสนตัวเองเล็กน้อย…
เมื่อจบการแข่งขัน ลู่เสว่ฉีก็ยื่นน้ำและผ้าเช็ดหน้า ให้ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ในตอนที่เขาเดินมาถึง
"ขอบใจจ๊ะ"
"ฮึ่ย…"
"โห่วว…"
เพื่อนผู้หญิงหลายคนในห้อง ต่างก็พากันแซว
หม่าจือฉุนก็มาชมด้วย และก็พบกับเพื่อน ม.4 จึงนั่งชมด้วยกัน หลายคนไม่ได้รู้จักหม่าจือฉุน แต่พอเห็นหม่าจือฉุนเดินเข้าไปหาหม่ากั๋วหมิงในตอนนี้ ถึงได้รู้ว่าเธอคือน้องสาว ของนักบาสหล่อๆคนนั้น และดูเหมือนว่า หลายคนจะอยากรู้จักเขามากกว่านี้ จึงคิดอยากจะเข้าหาทางน้องสาวของเขา
"พี่ใหญ่เก่งมากเลย หนูอยากเล่นบ้าง"
ความจริงแล้ว บาสหญิงนั้นก็มีเหมือนกันในกีฬาสี แต่กีฬาชั้นปีนั้นไม่มีบาสหญิงและฟุตบอลหญิง คงเพราะผู้หญิงที่เล่นเป็นน้อยไปหน่อย เลยไม่ค่อยมีคนสมัคร
"ตกลง ถ้างั้นว่างๆพี่จะสอนให้"
"เย้" หม่าจือฉุนก็ดีใจ
เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ ม.6 ก็มองน้องสาวของหม่ากั๋วหมิงอย่างสงสัย เพราะเธอตัวเล็กและเตี้ยไปหน่อย ไม่รู้จะเล่นได้หรือเปล่า ขนาดนักเรียนหญิง ม.6 ยังไม่ค่อยมีคนอยากเล่นบาส คงเพราะบาสต้องใช้เวลาในการฝึกซ้อมมากเกินไป หลายคนจึงไม่ค่อยมีเวลา อีกทั้งคนเล่นบาสต้องตัวสูงๆ ไม่งั้นคงดังก์ไม่ถึง
"เสว่ฉีว่างๆเราก็มาเล่นด้วยกันนะ"
ลู่เสว่ฉี เมื่อได้ยิน ก็พยักหน้ารับทีหนึ่ง เธอก็เคยเล่นบาส ตอน ม.4 ม.5 และที่นี่ก็มีชมรมบาสหญิง แต่เธอไม่มีเวลาว่าง และบ้านอยู่ไกลไปหน่อย แต่ได้ยินว่าเทอมสอง จะเลิกเร็ว บ่ายสามก็เลิกแล้ว เธออาจสามารถเล่นบาสได้ เพียงแต่ว่าในช่วงนั้น ก็ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ไม่รู้จะมีเวลาว่างหรือเปล่า
"กลับบ้านกัน…"
หม่ากั๋วหมิงเอ่ย ชักชวนทุกคนกลับบ้าน โบกมือให้คนอื่นๆแยกย้ายกันกลับบ้าน
วันนี้หม่าจือฉุนปั่นจักรยานใหม่มาด้วย ดังนั้นจึงมีจักรยานสองคัน หม่ากั๋วหมิงจึงให้ลู่เสว่ฉีนั่งซ้อนท้ายคันของเขา และปั่นไปส่งหม่าจือฉุนก่อน ลู่เสว่ฉีจะได้รู้จักทางไปบ้านของเขาด้วย
การกลับบ้านนั้น หากไม่เถลไถล ก็สามารถกลับถึงบ้านในห้าโมงเย็น
เมื่อถึงตีนดอย หม่าจือฉุนต้องเดินขึ้นเนินอีก 2 กม. ปกติแล้วในตอนนี้ หม่ากั๋วหมิง จะต้องเข็นหรือแบกจักรยานขึ้นไปด้วย แต่ในตอนนี้มีสองคัน เธอต้องแบกเองหรือเปล่า หม่าจือฉุนจึงหันมามองพี่ชาย
"เสว่ฉี ไปพักกินน้ำที่บ้านเราหรือเปล่า เดี่ยวเราจะแบกจักรยานเข้าบ้านให้น้องก่อน"
ลู่เสว่ฉีรู้สึกอายเล็กน้อย แต่ก็นับว่ามีเหตุผล การจะรอข้างล่างก็กะไรอยู่ จึงได้เดินตามหม่ากั๋วหมิงขึ้นเนินไป โดยจอดจักรยานเก่าไว้ตีนดอย
หม่ากั๋วหมิง แบกจักรยานขึ้นเนินมาบนลานบ้าน แล้วปล่อยให้หม่าจือฉุน เข็นไปเก็บไว้ในโรงจักรยาน
"กลับมาแล้วครับ"
"กลับมาแล้วค๊า…"
"ต้อนรับกลับบ้านจ้า…" จางซินอวี่ ก็ร้องรับจากในบ้าน
"แม่ครับ วันนี้ผมพาเพื่อนมาด้วย"
เมื่อได้ยินดังนั้น จางซินอวี่ ก็โผล่หน้าออกมาจากในครัว
"ตามสบายนะจ๊ะ"
"แม่ครับ นี่ลู่เสว่ฉี หัวหน้าห้อง…"
"และเธอก็ยังเป็นแฟนผมอีกด้วย"
ลู่เสว่ฉี รู้สึกหน้าแดงเล็กน้อย นี่มันจะเร็วเกินไปหรือเปล่า ถึงกลับพาสาวมาแนะนำกับพ่อแม่แล้วเหรอ นี่เธอพึ่งมาบ้านเขาวันแรกเองนะ
จางซินอวี่ หัวเราะคิกคัก เหมือนกับว่าได้เจอลูกสะใภ้ครั้งแรก
"อ๋อเหรอ แม่ไม่รู้ จือฉุนลูก มาดูไฟในครัวแทนแม่หน่อย"
"จ๊ะแม่"
"ไปเร็ว นำน้ำมาให้เพื่อนของลูกกินหน่อย"
"ครับแม่"
ลู่เสว่ฉีรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง
"สวัสดีค่ะคุณป้า วันนี้มาฉุกละหุกไปหน่อย เลยไม่ได้นำของมาขวัญมาด้วย"
"อุ้ยแหม๋ ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้า แค่แวะมาเยี่ยม ป้าก็ดีใจแล้ว ลูกชายป้าไม่ค่อยพาสาวมาบ้านหรอกนะ อิอิอิ"
ลู่เสว่ฉีก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย การมาเยี่ยมบ้านเพื่อนก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่การมาเยี่ยมบ้านเพื่อนแล้วเพื่อนยังบอกว่าเป็นแฟนนี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง เธอจึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง ตกลงว่าเธอมีแฟนแล้วจริงๆใช่ไหม นี่เขาเป็นแฟนเธอจริงๆเหรอ
จางซินอวี่เองก็รู้สึกตั้งตัวไม่ทันอยู่เหมือนกัน อยู่ดีๆลูกชายก็พาสาวเข้าบ้านแล้วบอกว่าเป็นแฟน หรือว่ามันจะไม่เรียนต่อ แล้วหาแฟนแล้วแต่งงาน
"ไหนๆก็มาแล้ว วันนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันหรือเปล่าจ๊ะ"
"วันนี้ไม่ค่อยสดวกคะคุณป้า เพราะต้องกลับไปกินข้าวกับแม่ที่บ้าน"
"อ๋อเหรอจ๊ะ เสียดายจัง วันหลังก็แล้วกันเนอะ แล้วที่บ้านมีใครอยู่บ้างล่ะ"
"มีหนูกับแม่สองคนค่ะ"
"ถ้างั้นเอางี้ไหม พอดีป้าทำซุบไว้ หนูก็เอากลับไปกินกับแม่ที่บ้านด้วย"
"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณป้า"
"ถ้างั้นรอเดี่ยวนะ อยู่คุยกับอาหมิงไปก่อน"
เมื่อเห็นลู่เสว่ฉีเขินจนหน้าแดง หม่ากั๋วหมิงก็อมยิ้มจนแก้มปริ
"ยังจะยิ้มอีก" ลู่เสว่ฉีรู้สึกหมั่นไส้หม่ากั๋วหมิงเล็กน้อย รู้สึกเหมือนตัวเองติดกับยังไงไม่รู้ ที่หลงเข้ามาในบ้านนี้
…
ยังไงเสียก็เป็นครั้งแรก ที่ลู่เสว่ฉีมาบ้าน จึงรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง เธอจึงอยู่ได้ไม่นาน และหม่ากั๋วหมิงก็พาเธอไปส่งบ้าน
เขาต้องปั่นย้อนกลับไป เท่ากับเพิ่มระยะทางอีก 5 กม. แต่ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยใหม่ ทำให้ลู่เสว่ฉีเปิดหูเปิดตากับทิวทรรศใหม่สองข้างทางไม่น้อย เพราะเธอพึ่งเคยมาแถวนี้เป็นครั้งแรก
"ตรงนั้นมีโรงเรียนมัธยมต้นด้วยใช่ไหม"
"ใช่แล้ว"
"โรงเรียนนี้สวยดีเนอะ"
หม่ากั๋วหมิง หันหน้าไปดู โรงเรียนก็ธรรมดา แต่สวยตรงที่มีต้นไม้ ที่ให้ดอกสีชมพู ที่บานสะพรั่งเต็มต้นอยู่หลายต้น จะว่าไปแล้ว มันก็เหมือนดอกซากุระ แต่มันน่าจะเรียกว่าดอกเหมย หรือดอกท้อ
"ไปดูไหม"
"วันหลังเถอะ วันนี้สายมากแล้ว"
"อืม ได้"
ใช้เวลาไม่นาน หม่ากั๋วหมิงก็ปั่นจักรยานมาถึงบ้านของลู่เสว่ฉี และนำปิ่นโตหน้ารถยื่นส่งให้เธอ
"จะเข้าไปข้างในไหม"
"อืม รบกวนด้วยนะ"
"วันนี้เธอรู้สึกมีความสุขมาก ทั้งยังรู้สึกที่ได้เซียร์เขาเล่นบาส อีกทั้งวันนี้ยังได้ไปบ้านเขา ลู่เสว่ฉีก็เหมือนสาวน้อยวัยแรกยิ้มทั่วไป ที่มีความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลง จึงรู้สึกหลากอารมณ์ ไม่รู้สมควรเรียกว่าอะไรดี
อย่างไรก็ดี เธอก็ไม่กล้าแนะนำว่าเขาคือแฟนของเธอ เพียงแนะนำว่าเป็นเพื่อนสนิทในห้อง หม่ากั๋วหมิงก็ไม่ได้อยากทำให้เธอลำบากใจ จึงบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วยเช่นกัน
สำหรับมารดาของเธอก็ไม่ได้คิดมาก เพราะดีแล้วที่ลูกสาวมีเพื่อนสนิท เพราะตั้งแต่ย้ายโรงเรียนมา เธอยังไม่มีเพื่อนเลย ถึงแม้ว่าจะได้รับการโปรโมตจากครูประจำชั้นให้เป็นหัวหน้าห้อง แต่ก็ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทเท่าไหร่ ทั้งที่ตอน ม.4 ม.5 มีเพื่อนอยู่หลายคน…
…
หม่ากั๋วหมิงไม่ได้อยู่นาน เพียงคุยสองสามคำ ดื่มน้ำแก้วหนึ่ง เขาก็ปั่นจักรยานกลับบ้านไป…