ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป
สองวันหลังจากนั้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่าง ได้ถูกส่งถึงและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ และการไฟฟ้าก็ทำงานเร็วมาก เมื่อมีเงินใต้โต๊ะ พวกเขามาขุดและตั้งเสาไฟให้ในวันถัดมาเลย ธรรมดาอยากให้ม้าวิ่ง ก็ต้องให้หญ้าม้าเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือรัฐวิหาหกิจ หากได้รับการกระตุ้น ก็จะทำงานเร็วขึ้น
อินเตอร์เน็ตนั้นก็ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยหลังจากนั้นอีกสองวัน
ชีวิตในโรงเรียนของหม่ากั๋วหมิง ก็ปกติดี การเรียนไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา และยิ่งไม่มีปัญหากับเรื่องการแข่งขันกีฬา เมื่อวานนี้ แม้ว่าเขาจะอยู่ทีมสอง เขาก็สามารถแบกทีม ให้เอาชนะทีมหนึ่ง ที่มีหยินซินหยากับเฉินโม่ได้ แต่ถึงยังไงก็เรียกได้ว่าชนะได้อย่างหวุดหวิดเลยทีเดียว เพราะจุดประสงค์การเล่น ก็คือซักซ้อมการเล่นเป็นทีม หม่ากั๋วหมิง จึงทำตัวเป็นคนจ่ายลูกให้สมาชิกในทีมแทน ปัญหาก็คือสมาชิกในทีมดังค์ไม่ได้ และซู๊ตไกลก็ไม่ค่อยเข้า หม่ากั๋วหมิงก็เลยต้องเก็บแต้มซักหน่อย จะได้ไม่แพ้และเสียค่าสนาม
เย็นวันนี้เป็นคิวใช้สนามบาสของโรงเรียน จึงสามารถซ้อมกันตั้งแต่ชั่วโมงกิจกรรมชมรม มีเวลาอยู่สองชั่วโมง
การเล่นในโรงเรียนนั้น ไม่เหมือนที่สนามเอกชน ที่นั่นมีความเป็นส่วนตัวสูง เฉพาะเพื่อนของคนในทีมที่เข้าไปดู
แต่สนามของโรงเรียนนั้น มีคนจับตาดูอยู่ไม่น้อย ทั้งรุ่นน้อง และเพื่อนนักเรียนในรุ่นเดียวกัน ทั้งคนในชมรมบาสของโรงเรียน รวมทั้ง ม.6 ห้องอื่น ที่ลงแข่งบาสด้วย นอกจากนั้น ยังมีชมรมเซียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน ที่ซ้อมทุกการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นห้องไหนใช้สนาม จะต้องมีพื้นที่ของชมรมนี้ ทำกิจกรรมอยู่ด้านข้าง
นอกจากนั้น ก็ยังมีสาวน้อยวัยละอ่อน เข้ามาชมการแข่ง มีทั้ง ม.4 ม.5 ม.6 ปนกันไป คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ ก็เป็นเพื่อนและน้องๆของคนที่กำลังเล่นบาสอยู่ รวมทั้งหม่าจือฉุนด้วย
วันนี้หม่าจือฉุนไม่ได้เข้าชมรมดนตรี เพราะตัวเองมีคีย์บอร์ดที่บ้านแล้ว สามารถฝึกที่บ้านได้ อีกทั้งในชมรมก็วุ่นวายและเสียงดังเกินไป ไม่ค่อยมีสมาธิ และไม่มีรุ่นพี่ หรืออาจารย์ มาชี้แนะอะไร ต่างคนต่างเล่น และที่เข้าชมรมเพราะจะได้หาเพื่อนที่รักและชอบในสิ่งเดียวกันเท่านั้น เพราะฉนั้นขาดชมรมวันเดียว ก็ไม่ได้ต่างอะไร
หม่ากั๋วหมิงขอเงินทุนสนับสนุนจากบิดา ที่ตอนนี้ร่ำรวยแล้ว ซื้อเสื้อทีมนักกีฬาให้ทีมบาส เขาไม่ได้ให้เพื่อนในห้องออกเงิน เขาขอเป็นสปอนเซอร์เอง โดยซื้อเสื้อนักบาสให้คนละสองชุด รวมยี่สิบชุด มีเบอร์มีหมายเลขทุกคน และมีคนละสองสี โดดเด่นกว่าห้องอื่นพอสมควร อย่างน้อยตอนนี้ก็มองออกว่าใครอยู่ทีมแดง ทีมน้ำเงิน เพราะใส่เสื้อทีมต่างกันชัดเจนในแต่ละทีม
เรื่องเสื้อทีมนั้น ทุกคนไม่มีความคิดเห็น และหากว่าได้เสื้อฟรีสองชุด ทุกคนยิ่งไม่มีความคิดเห็น ยิ่งต้องขอบคุณด้วยซ้ำ และเสื้อก็ซื้อตามขนาดตัวของพวกเขา เท่ากับใส่ได้พอดี ความจริงทุกคนก็เรียนรุ่นเดียวกัน ไซต์เสื้อก็ต่างกันไม่มาก ดังนั้นหม่ากั๋วหมิงก็ซื้อมาสองไซต์ ไซต์ L ไซต์ XL ไซต์ละสิบชุด ก็เลือกใส่กันไป ใครอยากใส่หลอมใส่ฟิตก็ว่ากันไป
ในตอนนี้ทุกคนก็คิดว่าให้หม่ากั๋วหมิงเป็นกัปตันทีม ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป
หลังจากเล่นด้วยกันมาสองวัน ทุกคนก็รู้สึกปรับตัวได้เล็กน้อยบ้างแล้ว แต่วันนี้หม่ากั๋วหมิงแบ่งทีมโดยการ เป่ายิ๊งฉุบ ใครชนะก็อยู่ทีมเอไป ใครแพ้ก็อยู่ทีมบีไป และทุกคนก็มีเสื้อสองสีอยู่แล้ว พอรู้ว่าตัวเองอยู่ทีมไหน ก็เปลี่ยนสีเสื้อเท่านั้นเอง
หลังจากวอร์มร่างกาย วันนี้ชั่วโมงแรก หม่ากั่วหมิงให้แยกกันคนละแป้นคนละฝั่ง ให้ฝึกดังค์ ฝึกซู๊ตลูกเข้าห่วงกันไปก่อน เพราะหากแข่งกันเลย ก็จะไม่ได้อะไรมาก เพราะหลายคนเมื่อเขาส่งลูกให้ ไม่เพียงไม่ส่งต่อ แต่ยังโยนลูกเข้าห่วงไม่ได้อีก ดังนั้น คงต้องฝึกโยนลูกเข้าห่วง ให้แม่นๆซะก่อน
หม่ากั๋วหมิงนั้นเป็นกัปตันทีมเอ ทำหน้าที่ส่งลูกให้ลูกทีม ฝึกซู๊ตลูกเข้าห่วง
ส่วนหยินซินหยากับเฉินโม่นั้น ก็อยู่ทีมบี ช่วยฝึกลูกทีมฝึกซู๊ตลูกด้วยเช่นกัน
ส่วนเทคนิคพิเศษอื่นๆนั้น ก็ค่อยๆฝึกทีละขั้นทีละตอน ตอนนี้ฝึกซู๊ตลูกไปก่อน ขนาดซู๊ตตรงๆ ก็ยังถือว่ายากพอสมควร ยังไม่ค่อยจะเข้ากันเลย
แต่กีฬาทุกอย่าง ไม่ได้อยู่ที่พรสวรรค์อย่างเดียว มันอยู่ที่พรแสวงด้วย คงฝึกท่าเดิมซ้ำๆอยู่นาน กว่าจะคุ้นเคย และถนัด สามารถจับโยนได้เหมือนดั่งเป็นแขนขาของตัวเอง หลังจากฝึกไปนาน หลายคนก็เริ่มที่จะซู๊ตเข้ามากขึ้นแล้ว
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หม่ากั๋วหมิงก็ให้ลูกทีมฝึก เทคนิคพิเศษ โดยหม่ากั๋วหมิงถ่ายทอดพิเศษให้พวกเขา การเลี้ยงลูกไปที่แป้น แล้วดังค์ การเลี้ยงลูกจากมือหนึ่งไปมือหนึ่ง การส่งลูกไปหลบด้านหลัง การหลบหลีก การหลอกล่อ และอื่นๆ
เทคนิคพวกนี้ มันจะต้องมีการฝึก การซ้อม เพื่อให้เกิดการชำนาญ ทุกคนเมื่อได้รับการชี้แนะ ก็รู้สึกฮึกเหิมกันอยู่บ้าง อย่างน้อยๆพวกเขาก็รู้ว่าหม่ากั๋วหมิง เล่นบาสเก่งมาก ถือว่าเขาเป็นเยี่ยงอย่าง และต้องการเป็นอย่างเขา
ดังนั้น หากต้องฝึกหนัก ทุกคนก็ยินยอมที่จะฝึก
ชั่วโมงแรกผ่านไป ทุกคนถึงได้หยุดพัก
หลังจากได้รับการฝึกพิเศษจากหม่ากั๋วหมิง ทุกคนรู้สึกว่า หม่ากั๋วหมิงแข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้ เพราะเทคนิคพวกนี้ แม้บางคนจะรู้อยู่แล้ว แต่ก็มีบางท่า ที่มีเคล็ดลับอะไรบางอย่าง ที่บางคนก็พึ่งรู้เทคนิคของมัน และบางเทคนิคมันก็ไม่ใช่ง่ายเลย อย่างการเลี้ยงลูกกลับหลัง การเลี้ยงลูกซ่อนไว้ด้านหลัง การเลี้ยงลูกสลับมือ เทคนิคพวกนี้ ล้วนถือว่าเป็นเทคนิคพิเศษ การที่จะออกด้วย โดยไม่ถูกแย่งลูกบอลไป มันก็ไม่ง่ายเลย ต้องฝึกบ่อยๆเล่นบ่อยๆและฝึกหนักๆ จึงจะชำนาญ
…
หลังจากพักผ่อนกันพอสมควร ทีนี้ก็เริ่มแข่งกันเป็นทีม ยังมีการจับเวลา นับแต้ม เหมือนการแข่งจริง ไม่ได้เหมือนที่เล่นข้างนอก
เนื่องจากเป่ายิ๊งฉุบกัน ทีมเอของหม่ากั๋วหมิง จึงไม่มีคนเก่งๆในทีม ช่วงแรกจึงปล่อยให้ทีมบีทำคะแนนนำไปก่อน ช่วงที่สองนั้น ทีมเอนั้นก็สามารถทำแต้มได้บ้าง แต่ก็ยังตามอยู่
หลังจากนั้นก็พัก 15 นาที ระหว่างนี้หม่ากั๋วหมิงก็ได้อธิบายถึงจุดอ่อนและข้อบกพร่องของทีม และการแก้ปัญหา การวางกลยุทธ อย่างการสลับตำแหน่งการรับและส่งบอล บางคนยังสงสัยเล็กน้อยถึงขั้นตอนต่างๆ ก็อาศัยช่วงนี้ไขข้อข้องใจ หม่ากั๋วหมิงก็ค่อยๆอธิบายให้ฟังอย่างไม่ย่อท้อ ดูเหมือนตอนนี้เขาจะคล้ายกับกัปตันทีมจริงๆ
ช่วงที่สามหม่ากั่วหมิงพยายามจ่ายลูกให้ลูกทีมซู๊ตลูก อยู่หลายครั้งเหมือนเดิม และเขาก็ซู๊ตเองด้วย จึงสามารถทำแต้มเสมอได้ ส่วนเพื่อนๆในทีมนั้น ก็เล่นดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถรับและส่งลูกบอลได้ และพลาดน้อยลง บางครั้งยังสามารถซู๊ตได้สามแต้ม และบางคนก็ยังกล้าที่จะดังค์ แม้จะพลาดหลายลูก แต่ก็ยังมีลูกที่ได้แต้ม
และเมื่อจบการแข่งขัน ทีมเอถึงได้ชนะได้อย่างหวุดหวิด เพียงสามแต้มเท่านั้น นั่นก็เพราะว่า หม่ากั๋วหมิงเองก็ยิงทำคะแนนด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่อยากให้ทีมแพ้ และไม่ให้ทีมที่แพ้นั้นเสียหน้าจนเกินไป เขาจึงไม่ลงมือเองทั้งหมด ถึงแม้ส่วนใหญ่จะส่งลูกให้คนอื่น แต่เขาก็ต้องทำคะแนนด้วย ไม่งั้น ก็ไม่อาจชนะได้ในตอนท้าย
ทุกคนในทีมเอและทีมบีนั้น ต่างก็เล่นกันเต็มที่ และทุกคนก็รู้ว่า หากทีมเอไม่มีหม่ากั๋วหมิงคอยแบกไว้ ทีมบีคงเอาชนะไปได้ตั้งนานแล้ว และทุกคนก็รู้ถึงจุดประสงค์ของหม่ากั๋วหมิง ที่ให้ทุกคนเป่ายิ้งฉุบกัน นั่นเพราะต้องการฝึกให้ทุกคนสามารถเล่นเป็นตัวจริงได้ทุกคน และ หากมีกัปตันอย่างหม่ากั๋วหมิง อย่าว่าแต่การแข่งกีฬาชั้นปี แม้แต่กีฬาสี พวกเขาก็สามารถเอาชนะได้ทั้งโรงเรียน ส่วนกีฬาโรงเรียนนั้น ทุกคนก็ได้แต่หวังว่าจะได้ติดสอยห้อยตามหม่ากั๋วหมิง เพราะการเอาชนะโรงเรียนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากได้ฝึกทุกวันอย่างนี้ ไม่แน่ว่า อาจจะสามารถเอาชนะทีมประจำโรงเรียนได้ และได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน แข่งระดับอำเภอและจังหวัด…
…
ไม่เพียงแต่คนในทีมเท่านั้น ที่รู้สึกอย่างนี้ แม้แต่นักเรียนในห้องอื่นของมัธยมหก และนักเรียนที่อยู่ชมรมบาสของโรงเรียน ก็ยังรู้สึกว่าหม่ากั๋วหมิง งำประกายไว้ ไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมา แต่กลับพยายามฝึกผู้เล่นในทีมให้แข็งแกร่ง หากฝึกแบบนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าคนกลุ่มนี้อาจจะสามารถเป็นนักกีฬาอาชีพได้…