ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
หลังจากเล่นบาส หม่ากั๋วหมิงก็กลับมาที่บ้าน
เขาปั่นจักรยานด้วยความเร็วปกติ
จักรยานนี้ไม่มีไฟ ก็ได้แต่อาศัยไฟจากเสาไฟฟ้าข้างทาง ที่สว่างแบบห่างๆ เพราะฉนั้นต้องติดไฟฉายไว้ที่แฮนหน้าจักรยาน แต่เมื่อมองดีๆแล้ว ไม่นานสายตาก็ชินกับความมืด เขาจึงไม่จำเป็นต้องเปิดไฟฉาย
เพื่อนนักเรียนคนอื่นๆนั้นส่วนใหญ่อยู่ในตัวเมือง มีแต่เขานี่แหละ อยู่ชานเมือง เพราะฉนั้นจึงกลับบ้านคนเดียว
หมู่บ้านรุ่งอรุณ เมืองรุ่งอรุณ เป็นบ้านนอก ชายขอบ และในหมู่บ้านของหม่ากั๋วหมิง ก็พึ่งมีไฟฟ้าใช้ไม่กี่ปีก่อน ถนนก็ยังเป็นถนนลูกรัง หรือถนนดินแดง ยังไม่ลาดยาง หรือเทคอนกรีต มีหลุมมีบ่อพอสมควร
ไฟส่องสว่างตามถนน ก็หมดประมาณ ห้ากิโลเมตรแรก ส่วนห้ากิโลเมตรหลัง ต้องปั่นจักรยานกลับแบบมืดๆ หม่ากั๋วหมิง ลองไม่เปิดไฟฉาย แล้วเมื่อสายตาเริ่มชิน เขาก็ค่อยๆปั่นไป ไม่นานก็ถึงตีนดอย แล้วแบกจักรยาน ขึ้นดอยเข้าบ้านไป
ในบ้านมีเสียงหัวเราะของน้องสาวและมารดา คาดว่าคงมีเรื่องยินดี และหม่ากั๋วหมิงเองก็คาดหวังอยู่ไม่น้อย
"กลับมาแล้วครับ…"
"กลับมาแล้วเหรอ มาๆ เข้ามา ดูสิว่าพ่อซื้ออะไรมาให้" หม่าจือฉุน รีบมาฉุดมือของพี่ชายเข้าบ้าน
บิดา มารดา ก็พากันหัวเราะชอบใจ ที่พี่น้องสนิทกันดี
ยามนั้น จางซินอวี่ ก็หน้าแดงวูบหนึ่ง วันนี้สามีของเธอได้ซื้อทองให้เธอไม่น้อย จนเธอสามารถเปิดใช้งาน ลูกบอลทองของเธอได้เป็นผลสำเร็จ ทั้งยังมีทองเหลือสำหรับเติมพลังให้มันอีกด้วย แต่นั่นก็ถึงกับใช้ทองคำถึงห้าสิบตำลึง ซึ่งเป็นเงินไม่น้อย โชคดีที่วันนี้ขายโสมได้เงินสามสิบล้านหยวน จึงไม่นับว่าสิ้นเปลือง เพียงแต่การได้้เงินและใช้เงิน จำนวนมากในครั้งนี้ อาจจะไปต้องตาของโจรเข้า แล้วจะกลายเป็นปัญหาในภายหลัง แต่หม่ากั๋วเทาก็ระวังตัวพอสมควร จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร…
วันนี้หม่ากั๋วเทา แพกโสมป่าอย่างดี แล้วนำไปขายในตัวจังหวัด พอเข้าไปในตัวอำเภอ เขายังไม่ตะหนี่ที่จะนั่งแท๊กซี่เพื่อเข้าตัวจังหวัดโดยเฉพาะ เพื่อความรวดเร็ว เพียงแต่ว่าก็ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง กว่าจะถึงตัวจังหวัดอยู่ดี
เขาไปพบเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ และขายโสมให้เขาในร้านสมุนไพรที่เชื่อถือได้ และได้เงินมา 5 ล้านหยวนกับโสมป่าต้นแรก ส่วนอีกต้นนั้น เขาฝากให้เพื่อน นำไปประมูล โดยเขาจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ ส่วนโสมอีกต้นนั้น เขาก็ได้นำไปขายอีกร้าน ได้เงินมา 5 ล้านหยวนด้วยเช่นกัน
ความจริงแล้วหากขายได้ 1 ล้านหยวนก็ยังนับว่าได้ราคาดีแล้ว เพราะปกติแล้ว โสมภูเขาทั่วไป จะอยู่หลักแสนเท่านั้น หากมีอายุประมาณ 10 ปีก็จะได้ 5-8 แสนหยวน และเกินมานิดหน่อย พอได้มากกว่าล้านหยวนนิดหน่อย ก็ถือโชคดีแล้ว
แต่โสมของเขานั้น มีอายุ 100 ปี ทั้งยังหัวใหญ่ เหมือนกับหัวไซเท้า รูปร่างคล้ายคน รูปร่างของโสมชัดเจน มีหัวมีแขนมีขามีนกเขา ขายได้ 5 ล้าน ก็ยังนับว่าถูกแล้ว อย่าลืมว่า โสม 100 ปี หากถูกใช้โดยหมอเทวดา สามารถชุบชีวิตคนตายได้เลย
และเมื่อทำการขายเสร็จสิ้น เขาก็ไปห้างสรรพสินค้าแถวนั้น ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมาย ทั้งโทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ เตาไฟฟ้า เตาแก๊ช หม้อหุงข้าว เตารีด และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆที่ใช้ในบ้าน ที่ยังไม่มีในบ้าน กลับมาบ้าน ส่วนที่มีอยู่แล้วก็เปลี่ยนใหม่หมด โดยยกให้เพื่อนบ้านไป
แต่ของทุกอย่างพวกนั้น จะมาส่งและติดตั้งวันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้นั้น เขาได้ซื้อคอมพิวเตอร์ กีตาร์ คีย์บอร์ด จักรยานใหม่ และทองคำกลับมาก่อน นอกเหนือจากนั้น เขายังได้ซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ มาด้วยสี่เครื่อง เพื่อเอาไว้ติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น
…
เมื่อหม่าจือฉุน ฉุดกระชากแขนพี่ชายไปไม่ไกล ก็พบกับของมากมาย เป็นคอมพิวเตอร์สองเครื่อง และมือถือสองเครื่อง ที่บิดาซื้อมาอย่างละสองอัน คงเพราะไม่อยากให้น้อยหน้ากัน เพียงแต่ว่าที่บ้านนั้นใช้ไฟพ่วงมาจากบ้านอื่น และสายไฟก็ไม่ได้ใหญ่มาก ตอนนี้มีคอมพิวเตอร์แล้ว แต่ก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะต้องให้บิดาเดินเรื่อง ต่อไฟ1เฟสเข้าบ้านก่อน จะได้ใช้ไฟ 220v ได้อย่างไม่มีปัญหา
คอมพิวเตอร์ที่ได้เป็น ยี่ห้อ HP ที่มี cpu i3-2130 3.40 GHz มีแรม DDR3 4 GB ฮาร์ดดิช 320GB ราคาอยู่ที่ 6,999 หยวน ซึ่งถือว่าเป็นสเปคระดับปานกลางในยุคนี้
ที่น่าตกใจคือโทรศัพท์มือถือ เพราะมันเป็นสมาร์ทโฟน Xiaomi รุ่น MI 2 ราคา 1,999 หยวน ซึ่งถือว่าแพงพอสมควร มันพอๆกับเงินเดือนพนักงานบริษัท หรือเงินเดือนครูได้เลย
ในชาติก่อนโลกก่อน ตอนที่เขาอายุ 18 นั้นอยู่ในปี 2002 ยังใช้โทรศัพท์โนเกีย 6610 กันอยู่เลย
โลกนี้เขาอายุ 18 ปีในปี 2012 จึงมีความแตกต่างกันอยู่เยอะพอสมควร เพียงแต่คนบ้านนอกส่วนใหญ่ยังคงใช้โทรศัพท์แบบธรรมดา เพราะเอาไว้ใช้แค่โทรหากัน
ถึงจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็ต่างกันไม่มาก คลาดเคลื่อนกันเพียงไม่กี่ปี มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากเทคโนโลยีบางอย่าง จะตรงกันกับโลกโน้น
ตัวโทรศัพท์รุ่นที่ได้มา ยังคงเป็น 2G, 3G สามารถถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ อัดเสียง ฟังเพลง เล่นเว็บไซต์ได้ เสียอย่างเดียว ต้องเสียค่าบริการค่าเน็ตรวมกับค่าโทร ไม่ได้คิดแยกกัน ในยุคนี้หากจะเข้าเว็บไซต์ผ่านมือถือ ต้องเสียค่าเน็ต ตามจำนวนการโหลดข้อมูล และไม่เหมาะจะใช้เข้าเว็บนานๆ หากจะใช้เข้าเว็บที่บ้าน คงต้องต่ออินเตอร์เน็ตต่างหากจะดีกว่า
ในเมื่อตอนนี้ได้โทรศัพท์คนละเครื่อง หม่ากั๋วหมิง จึงนำโทรศัพท์ออกมา ตั้งค่าให้กับคนในครอบครัว เมมเบอร์คนในครอบครัวไว้ของโทรศัพท์แต่ละเครื่อง และสอนให้บิดา มารดา ใช้โทรศัพท์…
สำหรับหม่ากั๋วเทากับจางซินอวี่นั้น ไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยีเท่าไหร่ แต่เมื่อลูกชายสอน ก็ใช้เป็นได้ไม่ยาก หม่ากั๋วเทายังได้บอกว่า ได้สมัครเพกเกจ โทรเสริมเน็ตให้ทุกคนด้วย จึงสามารถเข้าเน็ตได้เต็มที่ ให้พวกลูกๆใช้กันได้อย่างสบายใจ หม่ากั๋วหมิงเห็นสบโอกาสจึงบอกให้บิดา ต่อไฟฟ้าเข้าบ้านใหม่ เพราะคอมพิวเตอร์ต้องใช้ไฟเยอะ จะใช้ไฟพ่วงจากบ้านคนอื่นตลอด ก็คงไม่ดีเท่าไหร่ และไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็ให้เขาต่อเน็ตความเร็วสูงที่บ้านให้ด้วย แม้จะเสียเงินเยอะหน่อยก็ไม่เป็นไร ของมันต้องมี
ชาวบ้านแถวนี้ ไม่มีใครใช้เน็ตความเร็วสูง มันจึงต้องเสียค่าติดตั้งไม่น้อย แต่ตอนนี้เมื่อมีเงินแล้วก็ต้องใช้ หม่ากั๋วเทา จึงบอกให้ลูกชาย จดให้เลย เดี่ยวจะจัดการให้ กลายเป็นบิดาสายเปย์
การที่มีเงินก็ดีอย่างนี้เอง ทุกคนก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน…