ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ที่โรงเรียนวันนี้
ลู่เสว่ฉีดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย อาจจะเพราะมีเรื่องที่บ้าน หรืออาจจะเป็นเพราะ เป็นวันนั้นของเดือน หรือเปล่า ก็ไม่อาจทราบได้ เพราะงั้นหม่ากั๋วหมิงจึงไม่ได้เหย่แม่เสือสาวคนนี้ ในวันนี้
ดูเหมือนว่า จะไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า ใครเป็นแฟนใคร อีกต่อไป หากทั้งสองคน ไม่มีใครพูดเล่น หรือมีคนผิดคำพูด หรือคิดเป็นอื่น นั่นก็แสดงว่าทั้งสอง ต่างก็ยอมรับ ว่าทั้งสองต่างก็เป็นแฟนกัน ส่วนเรื่องหลังจากนั้น ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจ หรืออย่างน้อยๆ ตอนนี้ ทั้งสองก็รู้สึกว่า อีกฝ่ายเป็นเพื่อน ไม่ใช่แค่เป็นแค่เพื่อนร่วมห้องอีกต่อไป
หากจะว่าไปแล้ว นี่เป็นปีสุดท้ายของมัธยมปลาย คิดซะว่าเป็นความทรงจำในวัยหนุ่มสาวก็แล้วกัน เมื่อเข้ามหาลัยแล้ว ต่างคนต่างไป เรื่องหลังจากนั้น ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องหลังจากนั้น
"เอ่อ นายจะลงฟุตบอลด้วยได้หรือเปล่า" ลู่เสว่ฉี เอ่ยถามออกมา ระหว่างที่หม่ากั๋วหมิงกำลังใช้ความคิด
"มันแข่งวันเดียวกันหรือเปล่า"
"มันแข่งสามวันเหมือนกัน แต่ว่าครูน่าจะจัดเวลาไม่ให้ชนกัน"
"อืม ลงด้วยก็ได้"
หม่ากั๋วหมิงเข้าใจว่าวันนั้นคนในห้องก็เห็นแล้วว่าเมื่อวาน เขาวิ่งเร็วแค่ไหน และกำลังขาก็คงแข็งแรงมาก หัวหน้าทีมฟุตบอล จึงอยากให้เขาลงแข่งฟุตบอลด้วย เรื่องนี้ไม่มีปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว หากเล่นบาสเสร็จ ก็ลงฟุตบอลต่อเลย อาจจะเหนื่อยหน่อยก็เป็นไร แต่คงจะดีไม่น้อย หากมีการเล่นลงเงินกัน
"ว่าแต่ ห้องที่ชนะจะได้อะไร"
ลู่เสว่ฉีหน้าแดงเล็กน้อย เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
"หัวหน้าห้อง เธอลองคุยกับหัวหน้าห้องคนอื่นดูไหม ให้ลงขันกันห้องละ 400 หยวน มี 6 ห้องก็ 2,400 หยวน ใครชนะก็เอาไปเลย แล้วให้ห้องที่ชนะเอาไปแบ่งกัน" หม่ากั๋วหมิงแสดงความคิดเห็น
"แล้ว 400 หยวนนี่เอามาจากไหน" ซือฮัวเจ๋อ ที่เป็นกัปตันทีมฟุตบอล เอ่ยออกมา เขานั่งอยู่ไม่ไกล และคำที่ทั้งสองคุยกัน คนอื่นๆก็ได้ยินเป็นธรรมดา ถ้าให้ความสนใจ ความจริงแล้วกิจกรรมกีฬาแบบนี้ ก็จัดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนรู้จักกันมากขึ้นในห้อง เพราะปกติแล้ว ทั้งหม่ากั๋วหมิงและซือฮัวเจ๋อ จะไม่ค่อยได้คุยกันเลย
"ก็แต่ละห้องมี 40 คน ลงขันกันคนละ 10 หยวน ต่อหนึ่งรายการ ใหญ่ๆ อย่างบาส ก็ 10 หยวน และฟุตบอล ก็ 10 หยวน ก็เท่ากับรายการละ 400 หยวน แต่ถ้าเราชนะบาส เราก็จะได้คนละ 60 หยวน และหากชนะฟุตบอลด้วย ก็ได้อีกคนละ 60 หยวน รางวัลมีแด่ผู้ชนะเท่านั้น ที่สอง ที่สาม จะไม่ได้อะไรเลย"
"แล้วถ้าใครไม่มี 20 หยวนล่ะ"
"ก็ไม่ต้องลง ให้เพื่อนคนที่มีลงขันแทนได้ แต่ถ้าตอนแบ่งเงิน สำหรับคนที่ไม่ได้ลง ก็ไม่ได้รับส่วนแบ่ง"
"แบบนี้เขาเรียกการพนันหรือเปล่า โรงเรียนห้ามเล่นการพนันนะ" นักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้อง ที่นั่งใกล้ๆก็เอ่ยออกมาบ้าง
"ฮึ ไม่ใช่การพนันนะ นี่เรียกว่าลงขันนี่แหละ ก็เหมือนแข่งฟุตบอล ในแต่ละสโมสร ก็ให้เงินสนับสนุนลีก พอแข่งลีกจบ ลีกก็ให้เงินทีมผู้ชนะ ผู้ชนะรวย ผู้แพ้ไม่ได้อะไรเลย เลยต้องไปขอเงินสปอนเซ่อร์ต่อ"
"เหมือนเราเล่นบาสสนามเอกชนไง แล้วลงเงินกัน ไม่เพียงผู้แพ้จะจ่ายค่าสนาม แต่ยังต้องจ่ายให้ฝ่ายชนะด้วย มันจะได้เป็นแรงจูงใจให้เล่นกันอย่างเต็มที่ เมื่อชนะแล้วก็เอาไปเลี้ยงฉลองกัน คนแพ้จะได้กระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น"
"จริงหรือหลอก"
"จริงจริ๊ง"
"พวกนายคิดว่าไง อย่างนี้ทั้งนักกีฬาและเพื่อนร่วมห้องก็เป็นหนึ่งเดียวกัน"
"มันก็แค่การพนัน ที่พูดให้ฟังดูดีเฉยๆไม่ใช่เหรอ"
"หากชนะ 20 หยวนก็ดูจะน้อยเกินไป แต่ถ้าหากแพ้ 20 หยวนก็เป็นเงินไม่น้อย"
"ไม่เยอะหรอกแค่ 20 หยวน สำหรับเพื่อนคนที่มีก็สามารถลงขันแทนได้"
"ไหนๆก็ไหนๆแล้ว 50 หยวนไปเลยไหม"
"คนละ 100 หยวนไปเลย"
"เยอะไปแล้ว"
ในตอนนี้ ภายในห้องก็พากันวิพากย์วิจารณ์กันใหญ่ ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สุดท้ายแล้วหัวหน้าห้องก็เลยต้องออกโรง
"ทุกคนคิดว่ายังไง"
"พวกเรามาโหวตกันไหม"