ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าการแข่งวิ่งครั้งนี้ จะมาถึงจุดพีค
การเตรียมตัวนั้นใช้เวลาพอสมควร ในระหว่างนี้ก็ให้ลู่เสว่ฉีพักสิบนาที ครูพลศึกษา ก็ได้ให้น้ำมันมวยให้เธออย่างดี เพื่อกันการบาดเจ็บระหว่างวิ่ง และให้นักกีฬาหญิงช่วยนวดน่อง และดัดตัวยืดเส้นให้เธอด้วย
สำหรับชั่วโมงพลศึกษานั้น ทั้งนักเรียนหญิงและนักเรียนชาย จะเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้น เพราะฉนั้นการนวดน่องนั้นไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด จะเห็นได้ว่า ไม่เพียงลู่เสว่ฉีจะมีขาที่ขาวเท่านั้น แต่ยังยาวอีกด้วย และดูเหมือนว่าเธอจะสูงกว่าหม่ากั๋วหมิงอยู่หนึ่งช่วงศีรษะ หากไม่เป็นเพราะกรรมพันธุ์จากพ่อและแม่ที่สูงอยู่แล้วละก็ ก็คงเพราะเธอได้รับสารอาหารเป็นอย่างดี และอาจมีนักโภชนาการอยู่ที่บ้าน ถึงได้สูงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าหากบำรุงอย่างนี้ต่อไป ก่อนอายุ 20 เธอน่าจะสูงได้ถึง 180 ซม. ซึ่งนับว่าสูงมาก สำหรับผู้หญิงในยุคนี้ ลองนึกภาพ หากเธอสวมส้นสูงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก แต่เมื่อเธอสูงอยู่แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องสวมส้นสูงให้เสียสุขภาพ
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี หากจะมีแฟนที่เรียนเก่ง ทั้งยังสูงและหุ่นดีแบบนี้ ถือได้ว่าสเปคเลย
ส่วนการคบหากันเป็นแฟนจริงๆนั้น คงต้องลองคบหาดูใจกันก่อน ว่านิสัย จะเข้ากันได้หรือเปล่า แต่รักแรกในวัยแรกรุ่นแบบนี้ ก็คงไม่เลวร้ายเกินไป ถือเป็นช่วงเวลาที่ดี
…
"ระวัง"
"เตรียมตัว"
"ไป"
เมื่อครูพลศึกษา สั่งปล่อยตัว เสียงเซียร์ก็ดังกระหึ่ม
"เสว่ฉีสู้ๆ… เสว่ฉีสู้ตาย… เสว่ฉีต้องชนะ… เสว่ฉีสู้ๆ…"
ด้วยเสียงเซียร์ที่ดึงกระหึ่ม เซียร์ลู่เสว่ฉี ข้างสนาม ก็สามารถบ่งบอกได้ว่า ทุกคนคิดว่าเธอถูกรังแก และดูเหมือนเธอจะตกเป็นฝ่ายรอง คนเราก็เป็นอย่างนี้ ชอบเซียร์ตัวรอง โดยเฉพาะตัวรองที่เป็นผู้หญิง ก็จะได้รับความเอ็นดูจากผู้คนเป็นพิเศษ และหากเธอสามารถเอาชนะได้ ทุกคนก็จะรู้สึกอิ่มเอมใจ
"ไป"
เมื่อลู่เสว่ฉี วิ่งไปที่ระยะ 100 เมตรแล้ว ครูพลศึกษา ก็ปล่อยตัวหม่ากั๋วหมิงออกตัวบ้าง อย่างที่นักเรียนทั้งสองได้ตกลงกันเอาไว้
หม่ากั๋วหมิง ก็ไม่ได้ลีลา แต่วิ่งออกไปทันทีหลังถูกปล่อยตัว แต่เขาเร่งสปีดเหมือนกับการวิ่งแข่งร้อยเมตร หลายคนที่เคยวิ่งแข่งพันเมตรมาก่อน ก็รู้สึกว่าหม่ากั๋วหมิง หักโหมเกินไป เพราะหากเร่งสปีดในช่วงแรกมากเกินไป แรงมักจะตกช่วงปลาย ร้อยเมตรสุดท้าย ดูอย่าง ลู่เสว่ฉี เธอใช้เวลาในการวิ่ง 100 เมตรแรก ถึง 20 วินาที
45 วินาทีผ่านไป ตอนนี้หม่ากั๋วหมิงก็วิ่งตามลู่เสว่ฉีทันแล้ว ที่ระยะ 300 เมตร
แต่การแข่งครั้งนี้คือการแข่งมินิมาราธอน เพราะฉนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะวิ่งตีคู่กันไปในระยะกลาง
แต่หม่ากั่วหมิง ก็วิ่งตีคู่ลู่เสว่ฉี ไปจนถึงตอนปลาย ด้วยความเร็วคงที และลมหายใจสม่ำเสมอ เมื่อมองไปที่ลู่เสว่ฉีแล้วนั้น เธอก็มีสายตาที่มุ่งมั่น และไม่ย่อท้อ สภาพร่างกายก็ไม่ได้แย่ ลมหายใจก็สม่ำเสมอ
เมื่อเพ่งพิจารณาดูดีๆ ตั้งแต่ตอนที่หม่ากั๋วหมิงได้ให้ลูกบอลหยกเพลิง ดูดซับแก่นพลังของงูยักษ์ตัวนั้น หลังจากนั้นเมื่อกลับบ้านมานอน ตื่นเช้ามา เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่าง เมื่อเขาตื่นขึ้นเมื่อเช้า เขาสามารถจับสัมผัสรอบกายได้มากกว่าปกติ สามารถได้ยินกระทั่งเสียงของปีกของผึ้งที่บินอยู่ในระยะไกลหลายร้อยเมตร ทั้งสายตายังคมกริบมากกว่าเดิม หากเพ่งดีๆ เหมือนว่าจะสามารถซูมหรือโฟกัสเฉพาะจุดได้ เหมือนถ่ายมาโคร จนไม่จำเป็นต้องใส่แว่นสายตาอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี เช้านี้เขายังใส่แว่นตามาโรงเรียน แต่เป็นแว่นตัดแสงธรรมดา ไม่ใช่แว่นสายตา ซึ่งเป็นแว่นเก่าของหม่ากั๋วหมิง ที่ใส่ตอน มัธยมต้น แต่ตอนที่เขากำลังวิ่งแข่งนี้ ไม่ได้ใส่แว่นตา และพอเหงื่อออกเต็มหัว เมื่อเสยผมขึ้น จึงทำให้หล่อไปอีกแบบ
ในตอนนี้หม่ากั๋วหมิงสามารถได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น ทั้งยังยินเสียงหอบเหนื่อย เสียงลมหายใจของลู่เสว่ฉี ได้อย่างชัดเจน กระทั่งหม่ากั๋วหมิง ยังได้เห็นเม็ดเหงื่อของเธอ คล้ายเป็นภาพซูมและสโลโมชั่น ตรงคอที่งามระหงส์ของนาง มีเหงื่อค่อยๆหยดลงบนหน้า และไหลลงไปในเสื้อ ที่มีเหงื่อออกแล้ว เมื่อมองดูแล้วให้ความรู้สึกว่าเธอเซ็กซี่ดี
ในตอนที่เธอวิ่งอยู่นี้ เธอได้รวบผม แล้วมวยมัดไว้ด้านหลัง ให้ความรู้สึกว่าเป็นอีกลุคหนึ่งของเธอ ที่ดูดีกว่าตอนอยู่ในห้องเรียนเสียอีก
…
ผู้หญิงที่เรียนมัธยมหกด้วยกันจากต่างห้อง วันนี้หลายคนก็มองดูหม่ากั๋วหมิง ด้วยอารมณ์ความรู้สึกแบบแปลกๆด้วยเช่นกัน รู้สึกเหมือนพึ่งค้นพบคนหล่อจากห้องห้าอีกคนหนึ่ง ในวัยนักเรียนแบบนี้ คนเรียนเก่ง ไม่ได้โดดเด่นจนผู้หญิงมองเห็นเป็นคนหล่อ แต่เมื่อเป็นนักกีฬาเก่งๆ คนนั้นจะดูหล่อขึ้นมาทันที
หม่ากั๋วหมิง ไม่ได้กดดันลู่เสว่ฉีมากเกินไป แค่ต่อให้เธอหนึ่งร้อยเมตรแรกนั้น ก็ทำให้เธอรู้สึกพ่ายแพ้มากแล้ว หม่ากั่วหมิง จึงวิ่งเข้าเส้นชัยไปก่อนเธอ แค่สองช่วงตัว ด้วยเวลา 4.1 นาที ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์นักกีฬามืออาชีพ ส่วนลู่เสว่ฉี ก็เข้าเส้นชัยที่ 4.4 นาที ห่างกันแค่ 3 วินาที
แต่ถึงจะบอกอย่างนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดีกว่า หม่ากั๋วหมิงนั้นไว้หน้าเธอ เพราะเขาต่อให้เธอร้อยเมตรแรก ก็เท่ากับ ต่อให้ 20 วินาที
นั่นไม่เท่ากับว่า คนที่จะลงแข่งวิ่ง ทั้งกีฬาชั้นปี และกีฬาสี ได้เจอคู่แข่งมหาประลัยเข้าให้แล้ว
ส่วนบรรดาครูพลศึกษา เหมือนกับได้เจอเพชรในตม ในงานกีฬาระหว่างโรงเรียนประจำปี ปีนี้พวกเขาก็มีหวังแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าเขาจะแผ่วตอนปลายนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ใครหลายคนคิดเอาไว้ หม่ากั๋วหมิงยังแรงดีตั้งแต่ต้นจนจบ ดูเหมือนว่า หากเขาลงแข่งมาราธอน 10,000 เมตร ก็อาจจะได้สถิติใหม่ด้วยก็เป็นไปได้
เมื่อหม่ากั๋วหมิง เข้าเส้นชัยแล้วนั้น ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเซียร์ลู่เสว่ฉี แต่ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจกับชัยชนะของหม่ากั๋วหมิง แม้ไม่ถึงกับต้องจับโยน แต่นักเรียนหญิงหลายคนก็เข้ามาพูดจาแสดงความยินดี จับแขนจับตัว เหมือนดังกับว่ารู้จักกันมานาน
"เพื่อนนักเรียนหญิงทุกท่านครับ ต้องขออภัยด้วย ตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว"
"แหวะ"
"โห"
"ยินดีด้วยนะ"
"ไอ้บ้าเอ้ย"
หลายคน ก็หลายความคิด บ้างร้อง บ้างโห่ บ้างหัวเราะขำขัน
"เพื่อนๆ และคุณครูทุกท่านครับ ขอบคุณที่มาเป็นพยานในความพยายามของผมในครั้งนี้ ตอนนี้ขอเวลาส่วนตัวของเราก่อนนะครับ" หม่ากั๋วหมิง โค้งคาราวะให้กับทุกคน
"โห่"
"ฮิ้ว"
ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้สึกหมั่นไส้อยู่บ้าง แต่ตอนนี้ถือว่าได้บรรลุความสนุนสนานของวันแล้ว ในการมาโรงเรียนแล้ว พวกเขาจึงพากันแยกย้ายกันออกไป เล่นกีฬาของตัวเองด้วยเช่นกัน
หม่ากั๋วหมิง เดินมาที่โต๊ะที่วางกระเป๋านักเรียน เขาหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แต่ยังไม่ได้เช็ดหน้าตัวเอง เดินไปที่ลู่เสว่ฉีที่กำลังนั่งพักอยู่ในลู่วิ่ง เมื่อยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอแล้ว เขาก็นั่งลงข้างเธอ แล้วเหยียดขาออกไป ทำท่าทางเหมือนเหนื่อยมาก
ลู่เสว่ฉีรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง ที่ได้ผ้าเช็ดหน้าจากผู้ชาย แต่ผ้าเช็ดหน้านี้ก็ไม่ได้ผิดปกติอะไร มันสะอาดดี อีกทั้งก่อนหน้านี้ เธอก็รับปากเขาเอาไว้แล้ว ว่าจะยอมเป็นแฟน พอคิดถึงเรื่องนี้ และเพราะพึ่งวิ่งทางไกลมา จึงทำให้แก้มของเธอแดงเรื่อ เช็ดเหงื่อออกจากหน้าด้วยผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
"แล้วเรามาวิ่งด้วยกันอีกนะ" หม่ากั๋วหมิงกล่าว เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกกดดันมากเกินไป อยากให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย
"อือ" ลู่เสว่ฉีก็ตอบรับ
"ที่รักจ๊ะ เช็ดเหงื่อให้เค้าบ้างสิ"
ลู่เสว่ฉีหน้าแดง แล้วโยนผ้าเช็ดหน้าคืนให้หม่ากั๋วหมิง
"เอาไปเช็ดเองเลย" กล่าวจบ เธอก็รีบลุกขึ้น คล้ายสาวน้อยเขินอาย ไม่แม้จะปัดฝุ่นตรงก้น รีบกลับไปที่กระเป๋าของเธอ เดินกลับเข้าไปในอาคารเรียน
แม้จะดูจากด้านหลัง หม่ากั๋วหมิง ก็รู้ว่า ด้านหน้านั้นเธอกำลังเขินและอายอยู่ ทิศทางที่เธอเดินไป ก็เป็นห้องน้ำของโรงยิมสำหรับนักเรียนหญิง ไปอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า
"แล้วเจอกันนะ" หม่ากั๋วหมิง ตะโกนไล่หลังของเธอไป…