ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง
หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จวันนั้น
ตอนบ่ายวันนี้นั้น เป็นชั่วโมงพลศึกษา และเลิกเร็ว ปล่อยให้นักเรียน เข้าชมรมและฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งกีฬากันเอง หลังจากนั้น
ตอนคาบพลศึกษานั้น ชั่วโมงแรกก็เรียนทฤษฏี การเล่นกีฬาและเรื่องกฏการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ แล้วก็พากันวิ่งรอบสนามสองรอบ แล้วสอนเล่นกีฬาบางประเภท แล้วทำกิจกรรมทางกีฬาร่วมกัน แล้วครูก็ปล่อยให้นักเรียน เล่นกีฬาที่ตัวเองชอบ
การเรียนพลศึกษาภาคบ่ายนั้น ไม่ได้เรียนเฉพาะห้อง 5 แต่ยังมี ห้อง 6 และห้อง 4 ด้วย แชร์สนามด้วยกัน แต่เรียนกันคนละมุม
ในระหว่างนั้น ข่าวที่หม่ากั๋วหมิง ท้าลู่เสว่ฉีแข่งวิ่ง ก็แพร่กระจายไปพอสมควร ในตอนพักเที่ยง ถึงแม้จะไม่รู้กันไปทั่วชั้น ม.6 แต่ห้อง 5 นั้นก็รู้กันทั้งห้อง และเพราะมันพึ่งจบคาบพลศึกษาไป สำหรับนักเรียนห้องอื่นๆ ที่พอรู้เรื่อง ทุกคนจึงยังไม่ไปไหน ยังคงรอดูการแข่งขัน
หากจะว่ากันตามตรง ทั้งสองคนไม่ได้มีเพื่อนสนิท เป็นแค่เพื่อนร่วมห้อง อีกทั้งลู่เสว่ฉีก็พึ่งย้ายโรงเรียนมาตอน ม.6 จึงมีเพื่อนน้อย ส่วนหม่ากั๋วหมิงนั้น แต่ก่อนอยู่ห้อง 1 แล้วพออยู่ ม.6 กลับมาอยู่ห้อง 5 จึงไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยเช่นกัน ส่วนเหตุผลของครูนั้นก็คือ ต้องการให้ห้อง 5 มีนักเรียนที่เรียนเก่งเพื่อดึงเกรดของห้อง 5 ให้สูงขึ้น ไม่งั้น ห้อง 5 คงไม่มีใครสามารถต่อมหาลัยได้เป็นแน่
การแข่งวันนี้ แม้แต่ครู ก็ยังมาเป็นกรรมการ เป็นเรื่องดีที่นักเรียนจะมีการแข่งขันกันทางกีฬา เมื่อมีข้อพิพาท และการแข่งขันระหว่างผู้ชายและผู้หญิง ก็มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ยังได้ยินว่าในสมัยโบราณนั้น ยังมีการประลองเลือกคู่อีกด้วย การแข่งวิ่งกันในครั้งนี้ เพื่อท้าดวล ว่าชนะจะขอเธอเป็นแฟน จะถือว่าเป็นการประลองเลือกคู่ได้หรือเปล่า
"จะวิ่งแข่ง 100 เมตร รอบเดียวหรือชนะ 2 ใน 3"
หม่ากั๋วหมิงถามลู่เสว่ฉี ระหว่างที่กำลังเตรียมตัว ในจุดสตาร์ท
ถึงแม้ลู่เสว่ฉี จะไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก แต่ในครั้งนี้ เหมือนว่าจะเป็นการแข่งขัน ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายโดยไม่รู้ตัว บรรดาเพื่อนผู้หญิงในห้อง จึงพากันมาให้กำลังเธอ อันที่จริงแล้วนี่เป็นการแข่งโชว์ตัวครั้งแรกของลู่เสว่ฉี ตั้งแต่ย้ายโรงเรียนมา และก็ไม่มีใครรู้ความแข็งแกร่งของเธอ ว่าเธอนั้นวิ่งได้เร็วแค่ไหน
"อย่าว่าฉันไม่ให้โอกาสนาย แข่ง 2 ใน 3 เป็นยังไง"
"ย่อมได้"
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ก็บอกครูประจำชั้นและครูพลศึกษา ที่ตอนนี้ทำตัวเป็นกรรมการตัดสิน และปล่อยตัว
ใช้เวลาไม่นานหลังจากวอร์มร่างกาย และทุกคนก็เข้าประจำที่ นักเรียนหญิง ก็คงต้องเซียร์ลู่เสว่ฉี ส่วนนักเรียนชาย ส่วนใหญ่ก็ยังคงเซียร์ลู่เสว่ฉี และยังมีอีกส่วนหนึ่ง ยังนับถือความกล้าบ้าบิ่นของหม่ากั๋วหมิง ถึงกับกล้าท้าว่า หากเขาแพ้ เขาจะยอมเป็นเบ๊ หากเธอแพ้ เธอจะต้องยอมเป็นแฟนของเขา
หลายคนที่รู้สึกว่าหม่ากั๋วหมิงกล้าดี จึงเซียร์หม่ากั๋วหมิงอย่างสุดใจ
แต่จะว่าไปแล้ว การแข่งขันระหว่างชายและหญิงนี้ ผู้หญิงจะมีข้อเสียเปรียบอยู่บ้าง เพราะผู้หญิงขาสั้นกว่า เพียงแต่ว่า ลู่เสว่ฉีนั้นสูง 175 ซม. ซึ่งมองดูแล้ว สูงกว่า หม่ากั๋วหมิง 10 ซม. เสียด้วยซ้ำ แถมยังขายาวกว่า ประเด็นนี้จึงตกไป
"ระวัง"
"เตรียมตัว"
"ไป"
ครูพลศึกษามีอยู่สามคน และครูประจำชั้นอีกสามคน ก็คอยติดตามการเรียนพลศึกษาของนักเรียน
ระหว่างนี้ครูหลายคน ก็มาช่วยดำเนินการแข่งขันของนักเรียน ครูพลศึกษาผู้หนึ่ง ได้ตะโกนปล่อยตัว เปิดการแข่งขัน และครูอีกผู้หนึ่ง ก็รออยู่ตรงเส้นชัย
ลู่เสว่ฉี ก็พุ่งทยานออกไปด้วยความเร็ว โดยไม่หันมามองคู่แข่งขัน แต่ทุกคนยังเห็นว่า หม่ากั๋วหมิงนั้นยังไม่ออกตัว เขาปล่อยให้ลู่เสว่ฉี วิ่งนำไปก่อนห้าเมตร แล้วจึงออกตัววิ่งตามไป
เสียงเซียร์ชายและหญิงดังก้องข้างสนาม
"เสว่ฉีสู้ๆ… เสว่ฉีสู้ตาย… เสว่ฉีต้องชนะ… เสว่ฉีสู้ๆ…"
ระยะทาง 100 เมตรนั้น เหมือนไกลแต่ก็ไม่ไกล เหมือนใกล้แต่ก็ไม่ใกล้ และหม่ากั๋วหมิง ก็สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยไปก่อนลู่เสว่ฉี 2 เมตร แถมยังได้สถิติ 12.5 วินาที ส่วน ลู่เสว่ฉีนั้น เข้าเส้นชัยที่ 13.5 วินาที ด้วยความเร็วนี้ ยังถือว่าเร็วพอๆกับนักกีฬามืออาชีพ ได้ด้วยซ้ำ หากฝึกดีๆอาจเข้าทีมชาติได้ และ ลู่เสว่ฉี อาจทำเวลาได้ถึง 11-12 วินาทีก็เป็นไปได้
ตามที่ทราบกันดี คนที่ทำลายสถิติโลกในการวิ่งแข่ง 100 เมตร คือ 9.5 วินาที สำหรับนักกีฬาระดับประเทศ ทีมชาติก็จะทำเวลาได้ประมาณ 11 วินาที หรือ 12 วินาที ถือว่าทำเวลาได้ดีแล้ว
ส่วนลู่เสว่ฉีนั้น ทำเวลาได้ 13.5 วินาที ยังถือว่าเป็นต้นกล้าที่ดี และคนที่เอาชนะเธอได้ ก็ยังน่าตกใจมากกว่า เพราะเขาออกตัวทีหลัง แต่กลับวิ่งเข้าเส้นชัยไปก่อน บวกลบแล้ว น่าจะเร็วกว่าลู่เสว่ฉีสามวินาที
ลู่เสว่ฉีหอบเหนื่อยเล็กน้อย ส่วนรอบด้านข้างสนามหลายคนก็ตกใจ จนลืมหายใจ แต่ก็มีหลายคนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนชาย นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ต่อให้ แต่ก็ยังสามารถเข้าเส้นชัยก่อน มันไม่ได้ต่างจากผู้ใหญ่ที่วิ่งแข่งกับเด็กเลยจริงๆ
ลู่เสว่ฉี รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง และรู้สึกกดดันเล็กน้อย
"พักก่อนหรือเปล่า หรือจะเริ่มอีกรอบ"
การวิ่งร้อยเมตรนั้นไม่ได้ทำให้ลู่เสว่ฉีเหนื่อยมากแต่อย่างใด อย่าลืมว่าเธอต้องวิ่งกลับบ้านทุกวัน หัวใจและปอดจึงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป แต่นั่นถือว่าเป็นการวิ่งมาราธอน ไม่ได้วิ่งโดยใช้ความเร็วช่วงสั้นๆอย่าง วิ่ง 100 เมตร
ลู่เสว่ฉี พักอยู่สามนาที เตรียมความพร้อม ในสภาพที่คิดว่าตัวเองพร้อมที่สุด
…
"ระวัง"
"เตรียมตัว"
"ไป"
เมื่อครูพลศึกษา สั่งปล่อยตัวอีกครั้ง ลู่เสว่ฉีก็วิ่งกระโจนออกไปด้วยความแน่วแน่
คราวนี้หม่ากั๋วหมิงยังต่อให้เธอถึงสิบเมตร หรือประมาณ 3 วินาที เขาถึงได้ออกตัววิ่งจากจุดสตาร์ท เพื่อทำให้ลู่เสว่ฉียอมจำนนด้วยใจ หม่ากั๋วหมิง พอวิ่งออกไป ก็วิ่งแซงหน้าเธอ และวิ่งเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 11 วินาที ส่วนลู่เสว่ฉี เข้าเส้นชัยที่ 14 วินาที ช้ากว่าเดิมเล็กน้อย และหม่ากั๋วหมิงก็เร็วกว่าเธอ 3 วินาที และนี่ยังเป็นการต่อให้เธอออกตัวก่อน 3 วินาที บวกลบแล้วน่าจะเร็วกว่า 6 วินาที และเพราะเธอเสียจังหวะเล็กน้อย เพราะกังวล ส่วนหม่ากั๋วหมิงนั้น หากเขาจะวิ่งจริงๆ 100 เมตร ใน 10 วินาที ก็น่าจะทำได้ไม่ยาก นี่มันพอๆกับนักกีฬาทีมชาติได้เลย
ไม่เพียงแต่เพื่อนนักเรียนเท่านั้น แม้แต่ครูประจำชั้นและครูพลศึกษา ต่างก็พากันอึ้งกับสถิตินี้ นี่ถือว่าเป็นต้นกล้าอย่างดี ของนักกีฬาทีมชาติ อย่าลืมว่า ทั้งสองคนยังเป็นเด็ก และอีกอย่าง ทั้งสองคนก็ใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดา ไม่ได้ใส่รองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ แต่ยังสามารถทำเวลาได้เร็วขนาดนี้ หากใส่รองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ ไม่รู้ว่าจะทำเวลาได้เร็วขนาดไหน
"เฮ ชนะแล้ว กั๋วหมิงชนะแล้ว"
ทั้งเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชาย ต่างก็พากันเข้ามารุมล้อมหม่ากั๋วหมิง ใครจะคิดเล่าว่า เขาจะวิ่งได้เร็วขนาดนี้
ในความจริงแล้ว หม่ากั๋วหมิงก็ไม่ได้แปลกใจ ในสมรรถภาพของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะเขาออกกำลังกายทุกวัน หลังมาโลกนี้ และร่างกายนี้ก็แข็งแรงอยู่แล้ว แถมยังฝึกโคจรลมปราณตอนเช้า ในตอนหลังยังผูกติดลูกบอลหยกเพลิง ช่วยเสริมพลังจิต อีกทั้งเขาก็เป็นผู้เดินทางจากต่างโลก หากคิดในแง่ของหนังเรื่องเดอะวันของเจทลีที่เคยดู
ตัวเขากลืนกินร่างตัวเองในอีกมิติ เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าเดิม อย่างน้อยๆสองเท่า และหากร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เขาก็ยิ่งต้องแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไปหลายเท่า
นับประสาอะไรกับความต่างทางด้านสรีระ ระหว่างชายและหญิง เขามั่นใจว่า แม้จะวิ่งแข่งอีกหลายรอบ เขาก็สามารถเอาชนะลู่เสว่ฉีได้ทุกรอบ
ลู่เสว่ฉี รู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง
"ว่าไง ยอมหรือยัง"
"หากไม่ยอม นายจะแข่งอีกรอบหรือเปล่า"
"เธอคงยังไม่ยอมแพ้สินะ"
"เอางี้ไหม เรามาวิ่งแข่งมินิมาราธอนกัน 1,000 เมตร"
"และฉันยังจะต่อให้เธอ 100 เมตร"
"หากเธอชนะ ถือว่าก่อนหน้านี้ ไม่มีผล แต่หากฉันชนะ เธอต้องยอมเป็นแฟนฉันแต่โดยดี ตกลงไหม"
"แข่งเลยๆ… แข่งเลยๆ…" เพื่อนนักเรียนในห้อง และเพื่อนนักเรียนห้องอื่น ต่างก็พากันส่งเสียงเซียร์กันอีกครั้ง นี่มันทำให้รู้สึกหวานและขมขื่นอยู่บ้าง หวานที่ผู้ชายพยายามเอาชนะใจ และขมขื่นที่ผู้ชายใช้กำลังเพื่อเอาชนะ แต่มันก็ถือว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง เพราะฉนั้นบรรดาสาวน้อยทั้งหลาย จึงรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย…
ในตอนนี้ แม้แต่นักเรียนห้องอื่น ที่ไม่ได้ให้ความสนใจในตอนแรก ก็เริ่มที่จะเข้ามารุมล้อมและให้ความสนใจบ้างแล้ว…