Your Wishlist

โปรแกรมเมอร์ธรรมดา (งูจงอางไฟทมิฬ)

Author: เพื่อนคนหนึ่ง

ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง

จำนวนตอน :

งูจงอางไฟทมิฬ

  • 21/05/2565

หลังจากจัดการกับอาหารเช้าและเก็บเต็นท์ เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

 

ทุกคนก็พากันเดินทางมาที่จุดที่ขุดต้นเหอโสว่อู

 

ในตอนแรกนั้น หม่ากั๋วเทาและหม่ากั๋วหมิง ก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย หากมันเป็นสมุนไพรจิตวิญญาณ ที่อยู่มานานหลายพันปี มันอาจจะวิ่งหนีไปในตอนกลางคืนก็เป็นไปได้ กระทั่งก่อนมาตั้งเต็นท์นอน หม่ากั๋วเทายังได้มัดไว้ด้วยด้ายแดงจำนวนมาก

 

ความจริงแล้วหากมันจะหนีจริงๆ ด้ายแดงพวกนั้น คงไม่สามารถเหนี่ยวรั้งมันเอาไว้ได้อยู่แล้ว แต่หม่ากั๋วเทาก็มัดเอาไว้เพื่อความสบายใจ

 

แต่ในตอนนั้นเอง ก่อนเดินเข้าไปใกล้ในระยะห้าเมตร หม่ากั๋วเทาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ยกแขนขึ้นมา เป็นสัญญาณไม่ให้ทุกคนเดินต่อ ทั้งยังส่งสัญญาณให้ทุกคนค่อยๆถอยออกมา

 

ในตอนนั้นเอง งูที่แผ่แม่เบี้ยคล้ายงูจงอาง ก็ปรากฏตัวออกมา ยกชูคอขึ้น แต่แม่เบี้ยของมันนั้นใหญ่เกือบสองเมตรได้ ตัวมันใหญ่พอๆกับโอ่งน้ำ และลำตัวสีดำสนิทมีเกล็ดคล้ายมังกร ยาวไปด้านหลังหลายสิบเมตร จนไม่รู้ว่าตัวมันยาวมากแค่ไหน

 

ไม่รู้ว่างูตัวนี้ เป็นสัตว์ป่าหรือสัตว์อสูรเฝ้าทรัพย์ หรือมันก็มาเพื่อเหอโสว่อูด้วยเหมือนกัน เขาก็ไม่อาจทราบได้

 

ในตอนนี้ มีทั้งเด็กทั้งผู้หญิงมาด้วย หม่ากั๋วเทาก็รู้สึกไม่มั่นใจจริงๆ ว่าจะป้องกันทุกคนเอาไว้ได้

 

ทันใดนั้น เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง จะเป็นยังไงหากเก็บภรรยาและลูกสาวเข้าไปในมิติของเขา เพื่อให้พวกเธอปลอดภัย แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้ทดลอง จะเป็นยังไงหากเข้าไปได้เฉพาะคนที่หยดเลือดใส่มันเท่านั้น

 

แต่ทันใดนั่นเอง ระหว่างที่เขากำลังคิดคำนวนอยู่นั้น ก็ปรากฏลูกบอลสีแดงเลือดนก ของหม่ากั๋วหมิง หมุนติ้วด้วยความเร็วสูง พุ่งทะยานออกไป ด้วยความเร็วสูง เกิดเสียงดังตูมใหญ่ เป็นเสียงของลูกบอลหยกสีแดงเพลิง กระทบกับเกล็ดงูตัวนั้น จนงูตัวนั้น กระเด็นถอยไปเล็กน้อย ทำให้ตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง นานมาแล้วที่ไม่มีใครทำอะไรมันได้ นี่มันจำศีลมานาน จนผู้คนหลงลืมไปแล้วเหรอว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน เมื่อลูกบอลหยกแดงเพลิงบินกลับมา รอบตัวหม่ากั๋วหมิง มันก็หมุนกลับไป พุ่งเข้าโจมตีงูยักษ์ทมิฬอีกครั้ง ตรงจุดเจ็ดนิ้วที่เป็นจุดอ่อนของมัน

 

หม่ากั๋วเทา ก็ไม่ได้ชงักหรือตกใจนาน แม้ว่าเขาจะมีธนู อยู่ในมือ แต่ก็รู้ว่า งูตัวนี้ ไม่สามารถฆ่าได้ด้วยวิธีการธรรมดาได้ เขาก็เรียกเอา ก้อนหยกเขียวของตัวเองออกมา สั่งให้มันเข้าจู่โจมด้วยเช่นกัน ด้วยเน้นไปที่ศีรษะของมัน

 

จางซินอวี่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก้าวขาไม่ออก หม่าจือฉุนก็หวาดกลัวจนกรีดร้อง กอดมารดาเอาไว้ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น แต่ทันใดนั้น เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เรียกเอาก้อนหยกดำของตัวเองออกมา สั่งให้มันจู่โจมงูด้วยเช่นกัน

 

คำสั่งจู่โจมของหม่าจือฉุนนี้ คล้ายไม่ได้เฉพาะเจาะจง หรือควบคุมมันโดยตรง เพียงสั่งให้มันจู่โจมช่วยพ่อและพี่ชายของเธอ ร่วมกับหยกก้อนอื่นๆเท่านั้น ซึ่งมันก็ทำงานของมันเองอัตโนมัติ คล้ายมันมีจิตวิญญาณของตัวเองด้วยเช่นกัน เธอก็ไม่คิดว่าทำแบบนี้ก็ได้ด้วย และดูเหมือนว่าการให้มันโจมตีศัตรูอย่างอิสระ มันจะทำได้ดีกว่าที่เธอควบคุมมันโดยตรง

 

งูตัวนั้น มันไม่ได้หวาดกลัวหรือตกใจอะไร แม้ถูกรุมโจมตี มันยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้ ทั้งยังฉกลงมาที่หม่ากั๋วหมิง ที่ดูเหมือนเป็นอันตรายต่อตัวมันที่สุด แต่เขานั้นกระโดดหลบได้ทัน แล้วยังล่อให้งูติดตามเขาไป ให้ออกห่างจากมารดาและน้องสาวของเขา วิ่งไปยัง อีกทิศทางหนึ่ง

 

เมื่อเลือดลมสูบฉีด เลือดลมพุ่งพล่าน อดีนารีนพุ่งสูงขึ้นด้วยความตื่นเต็น จึงดูเหมือนว่า ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่ง และว่องไวกว่าเดิม จนสามารถกระโดดหลบการโจมตีของงูได้ อย่างไม่ยากเย็นอะไร เพียงแต่ต้องล้มลุกคุกคลานอยู่บ้าง อย่างไรเสียเขาก็เป็นเกมเมอร์ ที่เล่นเกมผจญภัยมามาก และเก่งพอๆกับการเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่สร้างเกมผจญภัยออกมา เรื่องการต่อสู้กับสัตว์อสูร ในเกม เขาเคยต่อสู้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จึงไม่ได้ตื่นเต้นจนเกินไป ยังสามารถควบคุมตัวเอง และเข้าใจสถานการณ์ได้ จึงจู่โจมทันที เปิดก่อนได้เปรียบ

 

เมื่อกระโดนหลบได้แล้ว ก็สั่งให้ลูกบอลเพลิง จู่โจมจุดตายของมันอีกหลายครั้ง ลูกบอลเพลิงที่ยิงออกไป มันไม่ใช่แค่ร้อนแรงเหมือนดังเปลวไฟ มันยังหมุดติ้วรอบตัวเองด้วยความเร็วสูง แล้วพุ่งชนด้วยความเร็วสูงด้วยเช่นกัน อานุภาพของมันจึงนับได้ว่ารุนแรงไม่น้อย มันไม่ต่างอันใดกับกระสุนปืนใหญ่เลย

 

ด้วยความพยายามครั้งที่ห้า ลูกบอลเพลิงก็สามารถเจาะทะลุจุดตายของมันได้

 

เสียงตูมดังสนั่น ลูกบอลหยกดำ ของหม่าจือฉุน ก็พุ่งเข้าชนศีรษะของงูพอดี จนหัวทิ่มลง

 

หม่ากั๋วเทาเห็นสบโอกาส เขาถือดาบตั้งท่าเตรียมเอาไว้อยู่นานแล้ว กระโดดเข้าใส่ แล้วฟันฉับลงไป เสียงดังเพล๊ง คล้ายเสียงดาบฟันถูกเหล็ก ศีรษะของมันไม่ได้ขาดอย่างที่คิดเอาไว้ แต่หม่ากั๋วเทา ก็ไม่ได้ยืนโง่รอให้งูสวนกลับ เขากระโดนหลบไปด้านข้างทันที เพราะอสูรงูทมิฬยังคงไม่สิ้นฤทธิ์

 

ในตอนนั้นเอง ตรงจุดที่ลูกบอลหยกเพลิงของหม่ากั๋วหมิงพุ่งทะลุเข้าไป มันก็ปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมา แต่ลูกบอลหยกเพลิง ก็แดงฉานเหมือนเหล็กหลอมเหลว คาดว่าอุณหภูมิของมันคงจะสูงกว่า 1,500 องศา

 

อสูรงูทมิฬดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวดทรมาน ฟาดหัวฟาดหาง ทั้งศีรษะของมัน หางของมันก็ฟาดมั่วไปทั่ว โดยเน้นไปที่หม่ากั๋วหมิง หากข้าตายเจ้าก็ต้องม้วย ต้องลงนรกไปด้วยกัน โชคดีที่ทุกคนอยู่ห่างพอสมควร จึงรอดพ้นลูกหลงอย่างหวุดหวิด

 

หลังจากที่มันหมุนบิดตัวอยู่หลายรอบ ในรอบสุดท้าย มันก็หมุนช้าลง แล้วแน่นิ่งไป

 

หม่ากั๋วหมิงนั้น กระโดนหลบหลังต้นไม้ใหญ่แถวนั้นพอดี จึงรอดพ้นไปได้

 

เมื่อแน่ใจว่ามันตาย หม่ากั๋วหมิงก็เรียกให้ก้อนหยกสีเลือดบินกลับมา ตอนนี้น่าจะเรียกมันว่า ลูกบอลหยกเพลิงมากกว่า เพราะมันร้อนแรงเหมือนเหล็กหลอมไฟ ด้วยอำนาจการทำลายล้างของมันนี้ น่าจะมีความรุนแรงพอๆกับกระสุนปืนใหญ่ คือต้องรู้ว่าดาบยังฟันมันไม่เข้า เพราะฉนั้นหากลูกบอลเพลิงยิงเข้า ย่อมไม่ใช่การโจมตีแบบธรรมดา และเป็นที่สังเกตอยู่ว่า แม้ดูเหมือนว่ามันจะคล้ายเหล็กหลอมเหลว แต่หม่ากั๋วหมิง เมื่อถือมันอยู่ เขาก็แค่รู้สึกอุ่นๆเท่านั้น

 

เขาไม่รู้ว่า ตอนนี้เขามีภูมิต้านทานไฟมากกว่าคนปกติธรรมดา หรือว่าไฟของลูกบอลหยกเพลิง ที่ร้อนแรงนี้ ไม่สามารถทำอะไรเขาได้กันแน่ คงต้องรอการพิสูจน์กันอีกที

 

หม่ากั๋วเทาได้เดินกลับไปที่ภรรยาและลูกสาว เมื่อตรวจสอบดูพวกเธอแล้วไม่ได้เป็นอะไร เพียงแค่ตกใจเล็กน้อย เขาก็สบายใจ จึงพาทั้งสองไปที่ปลอดภัยแถวนั้นก่อน นั่งลงใต้ร่มไม้ พักผ่อนให้ใจสงบ

 

หม่ากั๋วหมิงสำรวจร่างของงูยักษ์

 

หากเป็นในนิยายแนวเทพเซียน งูยักษ์แบบนี้ มันน่าจะเป็นสัตว์อสูร และปกติสัตว์อสูร มักจะมีแก่นพลังตรงศีรษะของมัน แต่ปัญหาคือศีรษะของมันนั้นเต็มไปด้วยพิษ เขาจึงเดินมาอีกด้านแล้วใช้มีดเดินป่าฟันลงไป ปรากฏว่าฟันไม่เข้า ดูเหมือนว่าเกล็ดของมันจะแข็งมาก หม่ากั๋วหมิงจำต้องเรียกเอาลูกบอลหยกเพลิงออกมา เพื่อให้มันเปิดทาง ตรงจุดศีรษะของมัน เมื่อเจาะทะลุได้แล้ว เขาก็ใช้มีดเดินป่า เขี่ยๆหาลูกแก้วในศีรษะมัน ต้องใช้เวลาพอสมควร จึงได้หาเจอ มันเป็นลูกแก้วผลึก ที่ใหญ่พอๆกับลูกแก้วทั่วไป หากไม่บอกว่าเป็นลูกแก้วก่อนพลัง คงต้องคิดว่ามันเป็นเพียงลูกแก้วธรรมดา หม่ากั๋วหมิงจึงเช็ดๆ แล้วใส่กระเป๋าไว้ก่อน

 

หม่ากั๋วเทา ก็สำรวจด้วยความระแวดระวัง ตรงปากและพิษของมัน คือต้องรู้ว่า ลำพังงูจงอางตัวขนาดเท่าแขน เพียงมันสะกิดนิดเดียว ก็ตกตายได้ เพียงใช้เวลาไม่กี่วินาที แล้วงูจงอางตัวที่ใหญ่นับร้อยเท่าตัวนี้ ไม่รู้ว่าพิษของมันจะรุนแรงแค่ไหน แต่หม่ากั๋วเทาก็เป็นพรานป่ามือฉมัง เขาก็สามารถใช้ขวดแก้ว เก็บพิษงู ไว้ได้สองขวด เขียนฉลากไว้ชัดเจน ว่าพิษงูจงอางยักษ์ เขาเก็บมันเข้าไปในพื้นที่มิติ ลูกบอลหยกเขียวของเขาก่อน เพราะกลัวว่า หากเก็บไว้ด้านนอก เขาจะเผลอทำมันแตก

 

หนังของมันนี้ หนาและแข็งแกร่งมาก สามารถนำไปทำเป็นชุดเกราะได้ แม้แต่เขี้ยวของมัน ก็น่าจะนำไปฝนทำเป็นมีดกระดูก ซึ่งมันน่าจะแหลมและคมมากด้วยเช่นกัน เพราะขนาดที่ดาบธรรมดาฟันมันไม่เข้า กระดูกของมันก็ต้องแข็งด้วยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

 

ยามนั้น ตาเฒ่าหม่า ก็ได้ทำการแล่หนังงูออกมา โดยใช้ลูกบอลหยกเขียวของเขาช่วยเบิกทาง จึงสามารถลอกหนังงูออกมาได้ ทางฝั่งของหม่ากั๋วหมิงก็ช่วยบิดาลอกหนังงูด้วยเช่นกัน เมื่อลอกหนังงูได้แล้วนั้น ก็มองดูเนื้อของมัน ทั้งยังเกิดความสงสัย ว่าเนื้อของมันนั้นกินได้ไหม เพราะมันเหมือนเนื้อหมูสามชั้นมาก เพียงแต่ว่า แค่งูจงอางตัวเล็กๆ ก็ไม่สามารถกินเนื้อของมันได้แล้ว นับประสาอะไรกับงูตัวใหญ่

 

แต่ถึงกระนั้น หม่ากั๋วหมิงก็แล่เนื้อของมันออกมา พร้อมทั้งเก็บเลือดของมันเอาไว้ ใส่ถุงใส่ขวดน้ำ เข้าไปในพื้นที่มิติของลูกบอลเพลิง เก็บไว้เฝื่อได้ใช้ กระทั่ง เขายังกินน้ำจนหมดขวด แล้วให้บิดาเก็บพิษงูใส่ขวดให้เขาอีกหนึ่งขวด เก็บไว้ด้วยเหมือนกัน ใครจะรู้ว่ามันอาจจะได้ใช้ประโยชน์ก็เป็นไปได้ โดยหากเจอสัตว์อสูรที่สู้ไม่ไหว ก็โยนเนื้องู หรือพิษงูให้มันกิน มันคงไปไม่รอดแน่

 

แต่จะว่าไปแล้ว โอกาสที่เขาจะได้สู้กับสัตว์อสูร หรือสัตว์ป่าขนาดใหญ่ แบบนี้ คงไม่มีอีกแล้ว เพราะอีกหน่อย เขาก็คงจะไปอยู่ในเมือง เรียนมหาลัย อยู่ในเมืองที่มีความศรีวิลัย สร้างแอป เขียนเกม สร้างโปรแกรมหาเงิน แล้วสร้างธุรกิจในเมือง

 

โอกาสที่เขาจะมาเจออะไรแบบนี้ อีกครั้ง คงหายาก…

 

แต่เมื่อมองไปที่ร่างของงู หม่ากั๋วหมิงก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะเขายังอยากได้กระดูกสันหลังของงูและไขกระดูกงูอีกด้วย แต่หากต้องแล่มัน คงต้องใช้เวลานานมาก เมื่อคิดไปคิดมา เขาจึงว่า

 

"พ่อครับ ผมจะลองนำงูตัวนี้ เข้าไปในพื้นที่มิติดู พอกลับไปแล้ว ผมอยากได้กระดูกของมัน"

 

หม่ากั๋วเทา ไม่รู้ว่าลูกชายจะเอาซากงูไปทำไม แต่ก็พยักหน้ารับ

 

"ลองดู"

 

หม่ากั๋วหมิง ทาบมือลงบนร่างของงู แล้วส่งความต้องการส่งเข้าไปที่ ลูกบอลหยกเพลิง ทันใดนั้น งูตัวใหญ่เบ้อเร้อ ยาวนับสิบเมตร ก็หายวับไป…

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป