Your Wishlist

โปรแกรมเมอร์ธรรมดา (กลับถึงบ้าน)

Author: เพื่อนคนหนึ่ง

ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง

จำนวนตอน :

กลับถึงบ้าน

  • 21/05/2565

พอกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาค่ำ

 

ต้องปั่นจักรยานกลับมาบ้านเป็นระยะทางสิบกว่ากิโลเมตรจากโรงเรียน และเข็นรถจักรยานขึ้นบนเนินที่เป็นบ้านของหม่ากั๋วหมิงอีกสองกิโลเมตร

 

ด้วยการที่เป็นคนดอย ร่างกายของหม่ากั๋วหมิงและหม่าจือฉุนจึงแข็งแรงกว่าคนพื้นราบพอสมควร เสียอย่างเดียว คือร่างใหม่นี้เตี้ยไปหน่อย ในโลกเก่าก่อนหน้านี้ หม่ากั๋วหมิงสูงถึง 185 ซม. แต่ในโลกนี้ หม่ากั๋วหมิงสูงแค่ 165 ซม. เท่านั้น มีความแตกต่างกันอยู่ 20 ซม. อาจเพราะความเป็นอยู่แตกต่างกัน จึงมีความแตกต่างทางด้านสรีระพอสมควร

 

อย่างไรก็ดี ตอนนี้เขาก็อายุเพียง 18 ปี และยังมีโอกาสพัฒนาอีกสองปี กว่าจะหมดสูง บางทีเขาอาจจะสูงขึ้นอีกซัก 10-15 ซม. เป็นอย่างน้อย หากบำรุงดีๆ

 

ขนาดว่าตัวเองเตี้ยแล้ว หม่าจือฉุนผู้เป็นน้องสาวนั้น ก็เตี้ยกว่าอีก ตอนนี้เธอสูงประมาณ 140 ซม. เท่านั้น แต่เธอยังอายุน้อย ยังมีโอกาสพัฒนาความสูงกว่านี้ หากได้ดื่มนม เสริมแคลเซียมทุกวัน ก็ยังมีโอกาสสูงได้อีก

 

หลังจากที่ปรับตัวให้เข้ากับร่างใหม่ในโลกอื่น หม่ากั๋วหมิงก็ค้นพบว่า เขาแข็งแรงกว่าเดิม ร่างกายนี้แข็งแกร่งกว่าร่างในโลกโน้นเป็นอย่างมาก ไม่เพียงมีกล้ามแขน กล้ามขา กล้ามท้อง แต่ยังสามารถยกน้ำหนักขนาดสิบกิโลกรัมได้อย่างสบายๆ หลายสิบยก

 

ด้านข้างของบ้านนั้น มีลูกตุ้มที่ทำจากปูนซีเมนต์เป็นดัมเบล และบาร์เบล ที่หม่ากั๋วเทาใช้ออกกำลังกาย ดัมเบลมีน้ำหนักสิบกิโลกรัมและยี่สิบกิโลกรัม ส่วนบาร์เบลมีน้ำหนัก ห้าสิบกิโลกรัมและหนึ่งร้อยกิโลกรัม ตอนนี้หม่ากั๋วหมิงก็สามารถยกดัมเบล ขนาดสิบกิโลกรัม ได้สิบยกๆละสิบสองครั้งทุกวัน ในแขนแต่ละข้าง เขาจึงมีมัดกล้ามทั้งไบเซ็ปส์และไตรเซ็ปส์ หากถอดเสื้อออก ก็ดูดีไม่น้อย เตี้ยๆล่ำๆ

 

จึงไม่ต้องแปลกใจ เมื่อพบว่าบิดาของหม่ากั๋วหมิงในโลกนี้ ล่ำกว่าในโลกก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน

 

ในโลกนี้ หม่ากั๋วหมิงเป็นคนเรียนเก่ง แต่ในโลกโน้นเขาเป็นคนเรียนปานกลาง และชอบเล่นกีฬาและออกผจญภัยมากกว่า นั่งหมกตัวในห้องสมุด หลายๆเกมสแตนอโลนที่หม่ากั๋วหมิงทำในช่วงแรกๆ จึงเป็นเกมแนวผจญภัย กระทั่งเกมออนไลน์ที่เป็นแนว mmorpg ที่เล่นออนไลน์ผ่านคอมแนวกำลังภายใน และเกม vrmmo ตัวใหม่ที่ต้องใช้ vr เล่น ก็ยังมีเควสอยู่มากมาย ที่หม่ากั๋วหมิงออกแบบบางเควสเองโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์การผจญภัย และต่อสู้กับสัตว์อสูร

 

หม่ากั๋วหมิงในโลกก่อนหน้านี้ ชอบเล่นกีฬา นั่นเพราะร่างกายของเขาไม่ค่อยแข็งแรง ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ ส่วนหม่ากั๋วหมิงในโลกนี้รักเรียน นั่นก็เพราะว่าร่างกายของเขา แข็งแรงอยู่แล้ว นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า เขาต้องเดินขึ้นเดินลงดอยทุกวัน แถมยังปั่นจักรยานไปโรงเรียนทุกวัน กำลังขาจึงแข็งแกร่ง และออกกำลังกายกับบิดาเสมอ ร่างกายจึงแข็งแรงเป็นธรรมดา พอไปถึงโรงเรียน เขาจึงสนใจการเรียนมากกว่าการเล่นกีฬา

 

อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่เขาเคยเป็นเด็กเรียนนั้น ไม่ได้หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของร่าง แต่หม่ากั๋วหมิงจากอีกโลกที่สิงร่าง ก็ไม่ได้เรียนแย่ เพราะไม่งั้นก็คงเข้ามหาลัยเอ็มไอทีไม่ได้ เพียงแต่ต้องรื้อฟื้นการศึกษาในระดับมัธยมปลายใหม่เล็กน้อยเท่านั้น พอกลับถึงบ้าน เมื่อกินข้าวเย็นและออกกำลังกายกับบิดาเสร็จ ก็อาบน้ำ แล้วนั่งทบทวนบทเรียนและอ่านหนังสือเรียน ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของหม่ากั๋วหมิงอยู่แล้ว

 

การทบทวนบทเรียนก็ไม่ได้ยากอะไร เพราะตอนเป็นคนรวย ก็ได้รับการศึกษาแบบพิเศษ คือได้เรียนพิเศษทุกวิชา และมีครูประจำตัวคอยชี้แนะอย่างใกล้ชิด ดังนั้นเพียงอ่านทบทวนคร่าวๆ ก็เข้าใจ แปดในสิบส่วนแล้ว

 

หม่ากั๋วหมิงใช้เวลาหลังการทบทวนบทเรียน หนึ่งชั่วโมงก่อนนอน นั่งนึกเพลง และเขียนมันลงในสมุด จดเอาไว้ ก่อนที่เขาจะลืม ตอนนี้ก็มีอยู่สี่ห้าเพลง ที่เขาได้จดมันเอาไว้ ในสมุดโน็ต และเขียนมันเพิ่มอย่างน้อยวันละเพลง ที่เขาชอบ

 

สำหรับนิยายนั้น เขาก็จดเอาไว้อยู่หลายเรื่องเหมือนกัน โดยจดโครงร่างเอาไว้คร่าวๆ เป็นพอร์ตเรื่อง เมื่อไปนั่งร้านเน็ต ก็จะสามารถพิมพ์ตามโครงเรื่องได้เลย มันก็จะง่ายขึ้น

 

ร้อยตอนนั้น เท่ากับเล่มแรก ที่เปิดให้อ่านฟรี แต่หม่ากั๋วหมิงจะเขียนสองเล่ม หรือสองร้อยตอน ที่เปิดให้อ่านฟรี ไปเลย แล้วค่อยเปิดขายตอน ตอนที่ 201 ขึ้นไป เพราะนิยายเรื่องนี้มันยาวมาก ประมาณแปดเล่ม หรือประมาณแปดร้อยตอนถึงจะจบเรื่อง ต้องใช้เวลาติดตามอ่านเป็นปีกว่าจะจบ เขาจึงคิดว่าจะเขียนแค่สามเล่ม จบแค่ภาคแรกก่อน รอให้พีคๆกว่านี้ ค่อยปล่อยภาคสอง ภาคสามออกไป

 

ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะส่วนใหญ่นิยายในเว็บนี้ มีประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยตอนเท่านั้น ก็จบเรื่องแล้ว และไม่มีภาคต่อด้วยซ้ำ

 

เมื่อเขาเขียนไปถึงห้าสิบตอน ก็จะเริ่มถยอยปล่อยของออก วันละสามตอน โดยตั้งเวลาเผยแพร่ ให้เผยแพร่อัตโนมัติ ถึงตอนนั้นระบบของเว็บก็จะมองว่า นิยายของเขา มีความเคลื่อนไหวอัพเดตทุกวัน ก็จะขึ้นเป็นนิยายแนะนำ และเมื่อมีการโพสต์นิยายใหม่ มันก็จะขึ้นตรงหน้าแรกของหมวดนิยาย ถือว่าเป็นจุดเรียกแขกเข้ามาอ่าน

 

หม่ากั๋วหมิงเลือกลงนิยายเรื่อง ปิศาจพลิกฟ้า เป็นเรื่องแรก

 

นิยายเรื่องนี้แต่งโดยคนที่ชื่อ เพื่อนคนหนึ่ง ในเว็บ joylada ซึ่งคล้ายๆกับเว็บอ่านนิยายในโลกนี้

 

เรื่องนี้มีผู้ติดตามและยอดวิวไม่มากนัก หลังจากอ่านแล้วเขาก็รู้สึกว่ามันสนุกดี และที่เขายกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า นั่นก็เพราะว่า พล็อตเรื่องนี้ มันค่อนข้างจะคล้ายกับตัวเขาในตอนนี้ คือตัวละครหลัก มีการย้ายร่าง เปลี่ยนร่าง และย้อนเวลาไปต่างโลก

 

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้ถือว่าดังมาก โครงเรื่องหละหลวม ตัวละครบางตัวตรรกะแปลกๆ ตัวประกอบไม่ค่อยเก่ง ตัวละครหญิงหน่อมแน้ม ตัวเอกก็โคตรโกง ตัวร้ายก็โคตรอ่อน เหมือนสามารถใช้สกิลได้เกินเลเวลตัวเอง แต่สำหรับโลกนี้ น่าจะเป็นนิยายที่สามารถเปิดตลาดใหม่ได้ เพราะโลกนี้ไม่มีนิยายแนวนี้ซักเท่าไหร่นัก น่าจะสามารถขายได้ที่นี่ นั่นเพราะพระเอกเทพ และมีเมียหลายคน และกว่าจะได้เมียแต่ละคนก็ต้องฝ่าดงหอกดงดาบเข้าไปกว่าจะได้เมียแต่ละคนก็ไม่ง่าย

 

ถือเป็นประตูและก้าวแรกของนิยายแนวเทพเซียนแบบใหม่ เพราะแต่เดิมที่นี่ มีแต่แบบฮ้องสิน ไซอิ๋ว เปาบุ้นจิ้น เจ้าแม่กวนอิม มังกรหยก ทั้งสามภาค ที่นำมารีเมครอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ จนคนดูคนอ่านเอือมระอา

ในเรื่องนี้ ไม่มีเง็กเซียนฮ้องเต้ ไม่มีเจ้าแม่หวังมู่ เจ้าแม่กวนอิม หรือพระยูไล พวกนั้น แต่เป็นผู้ฝึกตน คนธรรมดา พยายามฝึกตนเป็นเซียน ตามวิถีเต๋า จึงทำให้คนเข้าถึงมากกว่า เพราะคนอ่านก็เป็นคนธรรมดา จึงให้ความใกล้ชิดกับตัวละครพวกนั้น

 

ที่สำคัญนิยายเรื่องนี้ คล้ายๆว่าจะเป็นสุขนิยม พระเอกไปที่ไหน จะต้องมีสาวๆเข้ามาพัวพัน สุดท้ายก็เก็บเข้าฮาเร็ม

 

แนวต่างโลก เกิดใหม่สถานะต่ำต้อย นายน้อยที่ถูกทอดทิ้ง ไม่มีรากวิญญาณ หรือถูกช่วงชิงพลังไป ถูกผู้คนดูถูก ไร้พลังต่อต้าน แล้วพอมีจิตวิญญาณใหม่เข้าสิงร่าง ใช้ตัวตนแทน มันก็ค่อยๆฝึกตน เพิ่มพลัง ตบเกรียน ตบตัวประกอบตายรายวัน พอเจอสาว ก็เก็บเข้าฮาเร็มแบบนี้ ในโลกก่อนหน้านี้ของเขา นิยายแบบนี้ ผู้คนกำลังเอือมระอา และเป็นขาลง ส่วนใหญ่ฮิตนิยายวายไม้ป่าเดียวกัน

 

แต่สำหรับโลกนี้ ที่ยังอยู่ล้าหลังกว่าโลกเก่าของเขามาก ยังถือได้ว่าเป็นนิยายแนวใหม่ เช่นนั้นก็น่าจะขายได้

 

 

เนื้อเรื่องมันเริ่มต้น ตรงที่ ตัวพระเอกที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร จมอยู่ใต้ทะเล อยู่นานจนไม่รู้วันเดือนปี แต่อันที่จริงแล้ว มันเป็นจิตวิญญาณของตัวตนทรงพลัง ที่อยู่มานานแล้ว จนนับปีไม่ถ้วน ได้เข้ามาสิงสู่ร่างนั้น

 

นับตั้งแต่จิตวิญญาณไร้นามนั้น ได้เข้าสิงร่างที่จมอยู่ใต้ทะเล ก็พยายามที่จะออกจากใต้ทะเล เขาสามารถดูดพลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิตอื่นได้ เพื่อเพิ่มพลัง อย่างพวกปลาหมึกยักษ์ ที่บังเอิญหนวดขาดตกลงไปแถวนั้นพอดี

 

วันหนึ่งมีการสู้รบกันด้านบนและมีบางคนตกตายลงไป พวกมันยังเป็นผู้ฝึกตนที่เป็นจินตันอีกด้วย

 

จินตันนั้นเป็นผู้ฝึกตนขอบขั้นสูง พวกมันมีจิตวิญญาณสำรอง ที่เรียกว่าจินตัน สามารถย้ายร่างได้ โดยกลืนกินจิตวิญญาณร่างใหม่ ที่พลังอ่อนด้อยกว่า แล้วครอบครองร่างนั้น แต่ใครจะรู้เล่าว่า จินตันผู้นั้นจะถูกร่างไร้นามนั้น กลืนกินแทน เพราะเป็นมันเองที่มีพลังอ่อนด้อยกว่า ทั้งยังถูกมัน สูบพลัง กลืนกินจิตวิญญาณ สุดท้ายยังยืมตัวตนของมัน ใช้ท่องยุทธภพ ป่วนโลกมนุษย์ ตบเกรียนโลกปิศาจ ท่องโลกอสูร ก่อกวนโลกสวรรค์

 

สุดท้ายอสูรหรือปิศาจผู้นั้น ก็ได้โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเลจนได้…

 

 

ในตอนนี้เขาน่าจะเขียนจนจบเล่มแรกได้ภายในเวลาครึ่งเดือน หรือหนึ่งเดือนเป็นอย่างช้า หากคำนวนแล้ว น่าจะประมาณสองถึงสามเดือนหลังจากนี้ ถึงจะเริ่มเปิดขายตอน พอถึงตอนนั้น ก็น่าจะพอมีเงินทุนหมุนเข้ามา ในระหว่างนี้เขาต้องเรียนไปด้วยและพิมพ์นิยายไปด้วย และวางแผนอนาคต และทำตามแผนการณ์ของเขาอย่างเงียบๆ และค่อยเป็นค่อยไป บางที ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา…

 

.....

 

เช้าวันใหม่

 

"มากินข้าวกันได้แล้ว" เสียงมารดาร้องเรียกออกมาจากในครัว

 

หม่ากั๋วหมิง นั้นก็วิ่งลงมาจากบนดอยพอดี 

 

ในตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หม่ากั๋วเทาผู้เป็นบิดา จะเดินขึ้นดอย ไปดูสมุนไพรที่เขาปลูกเอาไว้ ปกติแล้วหม่ากั๋วหมิงจะไม่ได้ตามขึ้นไปด้วย แต่วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หม่ากั๋วหมิงจึงขึ้นเขาไปด้วย 

 

และเขาก็ค้นพบว่า มันใช้เวลาพอๆกับการปั่นจักรยานไปโรงเรียน เพียงแต่ระยะทางสั้นกว่า แต่ใช้เวลาเท่ากัน เพราะต้องขึ้นทางชัน ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงยอดเขา ไปถึงตรงจุดที่หม่ากั๋วเทาปลูกสมุนไพรเอาไว้ มันเป็นโสมป่าชนิดหนึ่ง การปลูกโสมนั้นให้ธรรมชาติดูแล แต่ที่ขึ้นมานั้น เพื่อมาดูว่ามีคนมาขโมยไปหรือเปล่า และทำการซ่อมรั้ว รวมทั้งถอนหญ้าออกจากแปลงปลูก แล้วเก็บหน่อไม้แถวนั้นกลับบ้าน

 

หม่ากั๋วหมิง ค้นพบจุดชมวิวที่ดีจุดหนึ่ง มันสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากมุมนี้ได้ชัดเจน แถมยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกในตอนเช้าได้ด้วย 

 

ในตอนนั้นเอง เขาก็คิดถึงเคล็ดวิชาฝึกตนวิชาหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากอารามเต๋า อารามหนึ่ง ชื่อเคล็ดวิชา แสงสุริยัน เคล็ดวิชานี้ ไม่ได้มีอะไรมากมาย เป็นเคล็ดวิชาในการฝึกฝน การหายใจเอาแสงแรกของพระอาทิตย์เข้าไปในร่างกาย แล้วนำไปรวมอยู่ในจุดตันเถียน จะพูดให้ถูกคือการหายใจเอาอากาศเข้าไป ในช่วงเวลาที่แสงแรกมาถึง หากจะมองในแง่วิทยาศาสตร์ มันน่าจะเกี่ยวกับ อุณหภูมิ แสงแดด และความชื้นในอากาศ ในช่วงแสงแรกมาถึง ยิ่งอากาศบริสุทธิ์ ก็ยิ่งได้รับพลังมากจากธรรมชาติ และสามารถขับสิ่งสกปรกในร่างกายออกมาได้มาก ร่างกายก็จะแข็งแกร่งขึ้นเอง

 

ในโลกก่อนหน้านี้ หม่ากั๋วหมิงมีปัญหาสุขภาพ จึงไปหาหมอสมัยใหม่ในหลายๆประเทศแล้วไม่ได้ผล จึงลองหามองยาจีน และฝังเข็ม ก็ได้ผลพอสมควร ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงกว่าเดิม จากนั้นมา เขาก็สนใจในเรื่องสมุนไพรและการฝังเข็มและจุดชีพจรเป็นพิเศษ รวมทั้งเคล็ดวิชาฝึกตนต่างๆ 

 

หลายปีผ่านไป เขาจึงได้ปลุกชีพนกเขาของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ได้เป็นผลสำเร็จ เพียงแต่ว่า มันเทียบเท่ากับคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น อย่างไรก็ดี กว่ามันจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาก็อายุมากแล้ว มันจึงไม่ได้ฟิตปั๋ง อย่างที่ควรจะเป็น 

 

แต่อย่างน้อยๆ ตอนนั้น เขาก็ได้ฝึกเคล็ดวิชาลมปราณอยู่หลายวิชา และเรียนรู้ที่จะโคจรลมปราณไปตามจุดชีพจรต่างๆเพื่อฝึกตน

 

จะเป็นยังไง หากเขาเริ่มฝึกตนตั้งแต่ต้น ในตอนนี้ ในโลกนี้ ร่างกายของเขาจะแข็งแรง และแข็งแกร่งสมชาย กว่าชาติก่อนหรือเปล่า ดังนั้นเช้านี้ เขาจึงเริ่มทดลองฝึกเคล็ดวิชาแสงสุริยัน อยู่บนดอย

 

พอบิดาของเขาเก็บหน่อไม้เสร็จ เขาก็ฝึกเสร็จพอดี และช่วยบิดาแบกตระกร้าที่บรรทุกหน่อไม้ไว้บนบ่า ลงดอยไป เมื่อถึงตีนดอย ก็เป็นเวลาอาหารเช้าพอดี และจางซินอวี่ ผู้เป็นมารดาและหม่าจือฉุน น้องสาวก็ได้เตรียมอาหารเช้าไว้พร้อมแล้ว…

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป