เล่ม 1 ศิษย์ข้า มาฝึกเซียนกัน 12
ตอนที่ 12
หลังจากการทดสอบคัดเลือกศิษย์ มีคนมากกว่าสิบคนยืนอยู่ด้วยกัน ผู้อาวุโสหวงซึ่งเป็นผู้ประกาศผลยืนอยู่บนขอบเวทีเพื่อให้ทุกคนเห็นเขา และมันก็บังเอิญที่ร่างกายของเขาได้บดบังหลิงชิงเซวียนอย่างสมบูรณ์
ขณะถือรายชื่อ เขาหรี่ตาลงและชี้ตรงไปที่เฟิงเจี่ย “เจ้า เดินออกมาข้างหน้า”
เฟิงเจี่ยก้าวไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้นผสมกับความกังวลใจ ที่ผู้อาวุโสเรียกชื่อเขา เป็นเพราะเขาได้รับเลือกใช่หรือไม่?
แต่ประโยคถัดมาของผู้อาวุโสหวงกลับทำให้เขาต้องหน้าซีด
“ยกเว้นเจ้า ทุกคนสามารเข้าร่วมเป็นศิษย์นิกายเฉียนคุนของข้าได้”
ผู้คนหลายร้อยคน ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เขา ราวกับเข็มที่คอยทิ่มแทง ดวงตาของเขาลดต่ำลงด้วยความอับอาย
เขาได้ยินเสียงกระซิบจากคนรอบข้างได้ชัดเจน ไม่มีอะไรเลยนอกจากเรื่องที่น่าอับอายและตลกขบขันของเขาต่อหน้าฝูงชน เขากัดฟันแน่นราวกับมีก้อนหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ในใจ ทำให้เขาหายใจไม่ออก เขารู้สึกเหมือนกำลังจะหน้ามืด แต่ถ้าเขามดสติไปในตอนนี้มันจะยิ่งน่าอายยิ่งกว่าเดิม
สาวน้อยหลิง นางจะเห็นเขาในเวลานี้ไหม? ดีที่สุดที่นางจะไม่เห็นเขาในเวลานี้
“ใครเป็นผู้แนะนำเจ้าเข้ามา? ด้วยพรสวรรค์ที่ดีกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยเช่นนี้ ยังมีคนตาบอดในนิกายเฉียนคุนของข้าอยู่อีกหรือ”
ผู้อาวุโสหวงเกรี้ยวกราดมาก เขาพูดจาต่อว่าด้วยคำพูดที่น่าเกลียดเกี่ยวกับศักยภาพของเฟิงเจี่ย
ภายใต้ความอัปยศอดสูและความกดดันครั้งใหญ่ เฟิงเจี่ยชำเรืองเมองไปที่ฉีหยวนอย่างซึ่งยืนโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนอย่างไม่รู้ตัว แต่เมื่อเห็นนางหลบเลี่ยงไปด้านข้างเพื่อหลบหลีกสายตาของเขา
เป็นเพราะเขาไม่ได้ฝึกฝนให้หนักพอ และเขาเองก็ไม่เต็มใจที่จะสร้างปัญหาให้กับสาวน้อยฉีหยวนเช่นกัน
เฟิงเจี่ยแค่นยิ้มออกมาอย่างขมขื่นในใจของของเขา “ไม่มีใครแนะนำ ข้าอยากมาที่นิกายเฉียนคุนเพื่อทดสอบด้วยตัวของข้าเอง”
“เจ้ากล้าพาตนเองมาที่นิกายเฉียนคุนของข้าด้วยความสามารถเช่นนี้ เจ้าต้องการให้ที่นี้เปะเปื้อนใช่ไหม พวกเจ้ามานี่และโยนเขาออกไป” ผู้อาวุโสหวงพูดอย่างโหดเหี้ยมและก็ไม่มีผู้ใดหยุดพฤติกรรมของเขา
เฟิงเจี่ยได้รับสายตาที่ทำอับอายครั้งแล้วครั้งเล่า จ้องมองมาที่เขาราวกับกำลังดูเรื่องสนุกก็ไม่ปาน “เพราะพวกเจ้ามีพรสวรรค์ที่ดี แต่พวกเจ้ากลับทำพฤติกรรมที่น่าละอายได้อย่างหน้าตาเฉย นี่คือวิถีของสำนักเฉียนคุนอย่างนั้นหรือ?”
ชายคนนี้ถึงกับกล้าพูดตำหนิและด้วยสายตาที่มองมานั้นมันทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ผู้อาวุโสหวงยกมือขึ้นกำลังจะลงมือใช้พลังโจมตี แต่เมื่อพลังวิญญาณกำลังจะปะทะร่างของเฟิงเจี่ย จู่ๆมันก็สลายไปทันทีเพราะมีคนทำลายมันทิ้ง
เส้นผมที่ปิดไปครึ่งใบหน้าของเฟิงเจี่ยปลิวขึ้น และเมื่อเขาเห็นคนที่เดินขึ้นไปหาผู้อาวุโสหวง ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง แต่เพียงครู่หนึ่งใบหน้าของเขาก็ลดต่ำลงทันที
“ทำไมการชุมนุมศิษย์ถึงยังไม่เริ่มอีก?” หลิงชิงเซวียนต้องการกลับไปที่ยอดเขาเซวียนชิง ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเบื่อที่จะอยู่ที่นี่แล้ว
ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างเพรียวบางที่ขอบสนาม นางยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผู้อาวุโสหวง ดวงตาที่เย็นชานั้นชำเรืองมองลงมา และคนที่ถือค้อนไม้จึงรีบตีฆ้องเพื่อเป็นสัญญาณเริ่ม
“เริ่มการชุมนุมศิษย์!”
เนื่องจากการคัดเลือกสิ้นสุดลง พวกเขาจึงถูกพาไปยังอีกด้านหนึ่งของสนาม เหลือเฟิงเจี่ยยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เขามองออกไปที่อื่น
เมื่อมีหลิงชิงเซวียนอยู่ด้วย ผู้อาวุโสหวงก็ไม่สามารถระบายความโกรธของเขาออกมาได้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และกลับไปยังที่นั่งของเขา เขาตัดสินใจแล้วว่าใครก็ตามที่หลิงชิงเซวียนเลือกที่จะรับเป็นศิษย์เขาจะแย่งนางมาให้หมด
ในการชุมนุมศิษย์ ผู้นำนิกายและผู้อาวุโสได้ประกาศต่อหน้าทุกคน ตราบใดที่พวกเขาทำผลงานได้ดีและมีคุณสมบัติสูง พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่ต้องกังวลว่าจะไม่ถูกเลือก
เหล่าผู้สมัคต่างจับจ้องไปที่มู่หลิน ด้วยพรสวรรค์ที่เป็นอัจฉริยะเช่นนี้ เขาก็จะไม่มีคู่แข่งในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน
เวทีที่สูงถูกลดระดับให้ต่ำลงและร่างของประมุขนิกายและผู้อาวุโสก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน พวกเขาแต่ละคนต่างมีรัศมีความเกรงขามที่น่ากลัวทั้งนั้น
เฟิงเจี่ยไม่ได้ตั้งใจที่จะจากไปในเวลานี้ เขามองหญิงสาวที่ยืนอยู่อย่างโด่ดเด่นท่ามกลางเหล่าชายชราอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกที่ซับซ้อนของเขากำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เขาได้ยินที่ผู้คนพูดคุยกันว่า ผู้อาวุโสหลิงเป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจมากที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมดและนางก็ยังไม่มีศิษย์ในนาม บางทีหนึ่งในหลายคนที่เพิ่งผ่านการคัดเลือกอาจจะได้เป็นลูกศิษย์ของนางก็ได้