เมื่อทั้งสองคนพยุงกันเดินจนมาถึงหน้าลานทำพิธี หยุนโม่เหิงยังคงหน้าแดงก่ำ ในขณะที่หยุนมู่หลานและหยุนโม่เจิงก็จ้องกู้ซีหวงด้วยแววตาที่น่ากลัว ราวกับว่าจะถือมีดเข้าไปแทงนางอย่างไรอย่างนั้น
หยุนโม่เหิงทำหน้าตาใสซื่อ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านแม่และพี่สาวของตนถึงมองเซียงซือของเขาด้วยสายตาเช่นนั้น “ท่านแม่ ท่านพี่ ทำไมถึงมองด้วยสายตาแบบนั้นเล่า?”
กู้ซีหวงกลับเป็นคนตอบคำถามนี้แทน “พวกท่านคงเห็นว่าเราสองเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกกระมัง”
หยุนมู่หลานถึงกับเงียบไป
หลับตาพูดจามั่วซั่วแบบนี้ก็ได้หรือ?
หยุนโม่เจิงก็เงียบเช่นกัน
น้องสะใภ้ผู้นี้นับวันยิ่งหน้าไม่อายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
“เซียงซือแกล้งข้าอีกแล้ว” หยุนโม่เหิงเห็นแม่และพี่สาวไม่ได้แสดงท่าทีอะไรและไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ เขาจึงรู้สึกเขินอายมากกว่าเดิม
กู้ซีหวงเห็นเขาอายจนแก้มแดงจึงไม่ได้แกล้งต่อ และหันกลับมาคุยเรื่องอื่นกับเขาแทน ทั้งสองพูดคุยกันพลางเดินเข้าไปในงานเลี้ยงและสองแม่ลูกตระกูลหยุนก็ถูกเมินไปโดยปริยาย
งานเลี้ยงอยู่ในห้องโถงทางทิศเหนือของจวนแม่ทัพ และขณะนี้ก็ใกล้จะถึงฤกษ์แล้ว แขกทุกคนต่างก็มารวมกันอยู่ในห้องโถง
แขกในห้องโถงกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง บ้างก็พูดคุยเรื่อยเปื่อย บ้างก็พูดตัดพ้อชีวิต บ้างก็นินทาดูถูกคนอื่น
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่ามีเด็กบ้านใดตะโกนเสียงดังลั่น “ว้าว พี่สาวพี่ชายที่แต่งงานกันวันนี้ช่างหล่อเหลาและงดงามยิ่งนัก!”
สายตาของทุกคนต่างพากันมองไปยังประตู ก็เห็นบุรุษและสตรีที่สวมชุดแดงเดินเข้ามา แววตาดังวิหคของหญิงสาวเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ส่วนชายหนุ่มนั้นไม่รู้ว่าได้ยินนางพูดว่าอะไรถึงได้ทำหน้าเช่นนั้น
ภาพนี้ ช่างเหมือนภาพของคู่บ่าวสาวที่ทำให้ผู้อื่นอิจฉาตาร้อน
เมื่อเพ่งดูให้ดี ถึงได้รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร “สตรีนางนั้นไม่ใช่กู้ซีหวง คุณหนูตระกูลกู้หรอกหรือ?”
คนที่พูดคือคุณชายสกุลหลิน เดิมทีเขาไม่มีสิทธิ์ได้รับบัตรเชิญจากจวนแม่ทัพ แต่ที่เขามางานเลี้ยงในวันนี้ได้ก็เพราะอาศัยอภิสิทธิ์จากหลิวชิงเหยา
เมื่อก่อนกู้ซีหวงตัวติดกับหลิวชิงเหยาตลอดเวลา แน่นอนว่าคุณชายสกุลหลินต้องคุ้นเคยและมองออกทันทีอยู่แล้วว่านางเป็นใคร
ในเมื่อรู้แล้วว่าสตรีในชุดแดงเป็นใคร ทว่าบุรุษในชุดแดงนั่นคือใครกันเล่า? ไม่กี่วันก่อนคุณหนูกู้ยังทำให้คุณชายรองหยุนอับอายขายหน้าเพราะคุณชายหลิวอยู่เลย แต่คนที่ควงด้วยวันนี้กลับไม่ใช่คุณชายหลิว ซึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าบุรุษแปลกหน้าผู้นี้คือใคร?
ทุกคนต่างพากันคาดเดาไปต่างๆ นาๆ ก่อนที่หยุนมู่หลานที่เดินตามหลังหนุ่มสาวทั้งสองจะพูดขึ้นว่า “เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเกิดอายุครบสิบห้าปีของโม่เหิงบุตรชายของข้า ก่อนอื่นข้าต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลามาร่วมงานในวันนี้ รวมถึงรอจนถึงพิธีสวมกวาน บัดนี้ขอเชิญทุกท่านร่วมดื่มด้วยกันเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองด้วยกันอีกครั้ง” เมื่อสิ้นเสียงของนาง ทุกคนก็ยกแก้วสุราในมือขึ้นดื่ม
“บุรุษชุดแดงคนนั้นคือคุณชายรองตระกูลหยุนหรอกหรือ?”
คนรอบข้างพากันตะลึง “ดูแล้วพวกเขาสองคนก็ดูเหมาะสมกันดีนะ ก่อนหน้าข้าไม่ได้มองให้ดี พอมองดูแล้วกลับรู้สึกว่าเขาหน้าตาคล้ายฮูหยินหยุนมาก คงเป็นบุตรชายคนรองของนางแน่นอน”
“น่าเสียดาย หากหน้าตาไม่ดูหน่อมแน้มไปหน่อย เขาคงจะเป็นหนุ่มรูปงามอันดับต้นๆ ของเมืองจิ่งเฉิงเชียวล่ะ” สตรีที่อยู่ทางด้านข้างกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวังขณะถือแก้วสุราไว้ในมือ
“นั่นน่ะสิ”
เด็กที่ตะโกนในตอนแรกได้ยินพวกนางพูดคุยกัน ก็กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะพูดด้วยความไร้เดียงสา “พี่สาวที่เดินข้างๆพี่ชายคงชอบเขามากๆ เลยเนอะ อีกอย่างพี่ชายก็หล่อด้วย ทำไมถึงบอกว่าเขาไม่หล่อด้วยล่ะ?”
จากนั้นทุกคนไม่รู้จะตอบคำถามของเด็กที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้อย่างไรดี