เฟิ่งหวงรู้สึกใจสลาย มันไม่อยากจะอยู่กับสตรีที่ฉลาดสู้ตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนี้นางยังไม่รู้จักแม้แต่ธาตุไฟเฟิ่งหวงด้วยซ้ำ!
“เจ้าไข่น้อย บอกข้ามาว่าธาตุไฟเฟิ่งหวงคืออะไร แล้วข้าจะให้ลูกอมเจ้า ดีหรือไม่?” กู้ซีหวงเอ่ยปากต่อรองกับไข่เฟิ่งหวงเพื่อให้ได้ของขวัญที่จะนำมามอบให้หยุนโม่เหิงก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่าสำหรับนางแล้ว
‘ข้าไม่ได้ชื่อไข่น้อย ข้ามีชื่อว่าหวงถู!’
กู้ซีหวงพยักหน้า “อืม เข้าใจแล้ว ฉาฉาน้อย”
หวงถูตอบ ‘ตัดคำว่าน้อยทิ้ง!’
กู้ซีหวงพยายามพูดหว่านล้อม “ฉาฉา เจ้าบอกข้ามาหน่อยเถอะนะ?”
‘ดีมาก! ธาตุไฟเฟิ่งหวงก็คือเปลวไฟบริสุทธิ์ของนกเฟิ่งหวงที่มีมาแต่กำเนิด เจ้าสามารถเรียกใช้มันได้ด้วยพลังจิตของเจ้า’ พูดจบเฟิ่งหวงก็พูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “ลูกอมของข้าล่ะ?”
กู้ซีหวงตอบ “ไว้วันหลังข้าค่อยให้เจ้าแล้วกัน” นางแค่พูดเล่นๆ ไม่คิดว่ามันจะอยากกินลูกอมจริงๆ
ค่ำคืนมืดมิด ในเรือนเซียงซือของกู้ซีหวงก็มีเปลวไฟเท่ากำมือเกิดขึ้น
กู้ซีหวงตื่นเต้น “ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
หวงถู ‘ปัญญาอ่อนจริงๆ’
กู้ซีหวงไม่ได้สนใจมัน แต่กลับหยิบก้อนหินสองก้อนขึ้นมา ก้อนหนึ่งเป็นสีดำ อีกก้อนหนึ่งเป็นสีม่วง
ด้วยความที่มีอัญมณีสองก้อน ดังนั้นกู้ซีหวงจึงเลือกเจียระไนก้อนสีม่วงก่อน
คิดไว้ว่าจะแบ่งก้อนหินสีม่วงออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งให้ท่านป้า อีกส่วนหนึ่งให้กับลูกของกู้ชิงเฉิง อีกส่วนก็ให้กับหยุนมู่หลานและหยุนโม่เหิง
เมื่อตัดสินใจแบ่งหินสีม่วงเป็นสามส่วนแล้วก็ตั้งจิต ทันใดนั้นเปลวไฟก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว ก่อนจะห่อหุ้มรอบหินสีม่วงจากนั้นก็เข้าแผดเผาทันที
ผ่านไปอยู่นาน เปลวไฟจึงมอดไป
ในขณะเดียวกัน เศษหนึ่งส่วนสามของหินสีม่วงที่ถูกเผาก็เกิดเสียงแตกดัง “เคร้ง!” วัตถุเผาไหม้ที่อยู่บนผิวของอัญมณีสีม่วงก็หล่นลงมา เผยให้เห็นรูปเห็นร่างหลังถูกแกะสลักจากเปลวไฟ
นี่คือแหวนอัญมณีม่วง
ความหนาของแหวนดูพอดีและแหวนวงนั้นก็มีลวดลายดอกจื่อเถิงสีม่วงงดงาม ถึงแม้จะสู้ลวดลายนกเฟิ่งหวงบนหน้าผากของนางไม่ได้ แต่ก็เหมือนของจริงมากเช่นเดียวกัน
กู้ซีหวงจับแหวนวงนั้นอย่างอิ่มเอมใจพลางเอ่ยปากว่า “ที่จริงแล้วงานแกะสลักก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยนี่เอง”
หวงถูถึงกับกลอกตา นางนึกว่าใครที่ไหนก็สามารถมีพลังไฟเหมือนนางรึไงกัน?
กู้ซีหวงไม่รู้ว่ามันคิดอะไร จึงจุดไฟต่อและเตรียมหลอมอัญมณีสีม่วง จากนั้นก็เตรียมอัญมณีสีดำให้โม่เหิง เสร็จแล้วค่อยพักผ่อน
เดิมทีหวงถูอยากจะบอกว่านางรีบเร่งไปก็เท่านั้น แต่พอคิดอีกมุมหนึ่งก็ดีที่จะได้ใช้โอกาสนี้รู้ถึงขีดจำกัดของนางด้วย จึงปล่อยให้นางทำไป
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งคืน กู้ซีหวงก็ยังคงควบคุมเปลวไฟเอาไว้ จนสุดท้ายนางก็หลอมอัญมณีสีดำเสร็จก่อนที่จะนางจะหมดความอดทน และเก็บมันเข้าไปในอกของตัวเอง
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว กู้ซีหวงก็สลบไปทันที
หวงถูอุทานและรู้สึกว่านางอดทนได้เยอะกว่าที่มันคิดไว้ สุดท้ายแล้วการกลับมาเกิดของนางก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย มันจึงยอมสละวิญญาณที่กักเก็บเอาไว้มาซ่อมแซมพลังให้นางทันที
กู้ซีหวงตื่นขึ้นมาอีกทีก็เช้าของอีกวันแล้ว และหวงถูก็บอกกับนางทันทีที่ตื่นมาว่ามีเขาอัคนีใกล้เมืองจิ่งเฉิงซึ่งเหมาะสำหรับการฝึกวิทยายุทธเฟิ่งหวง เมื่อมันพูดจบแล้ว ต่อให้กู้ซีหวงตะโกนเรียกมันเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
กู้ซีหวงรู้ว่าการฝึกวิทยายุทธนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงพกพวกอาหารแห้งและชุดสะอาดอีกสองชุดไปด้วย ก่อนจะเตรียมตัวไปกล่าวอำลาท่านป้า
เมื่อกู้ซีหวงเดินมาถึงลานด้านหน้าเรือนของกู้หลิงอวี้ ก็เห็นหลินซื่อเดินออกมาพร้อมสาวใช้
“เซียงซือมาแล้วหรือ?”
“เจ้าค่ะ ท่านลุง” กู้ซีหวงตอบกลับตามมารยาทก่อนจะพูดว่า “ท่านป้าอยู่ข้างในหรือไม่เจ้าคะ?”
หลินซื่อรีบบอกสิ่งที่ตัวเองรู้ให้กู้ซีหวงฟัง “ผ้าไหมที่ส่งไปยังเจียงหนานมีปัญหา ป้าของเจ้าจึงต้องรีบไปจัดการ กว่าจะจัดการเสร็จก็คงหลายชั่วยาม”