เสียงออดที่ส่งเสียงดังนั้นบอกว่าได้เวลาพักกลางวันแล้วเด็กๆก็เริ่มทยอยกันไปที่โรงอาหารของโรงเรียน
ซุนเหมี่ยวและจินม่ายที่ยืนต่อแถวซื้ออาหารกลางวัน
เมืาอได้อาหารครบตามที่ต้องการแล้วทั้งสองก็เดินไปหาโต๊ะนั่งทานข้าว
หวังเฉินชุนที่หันมาเห็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนก็กวักมือเรียกให้มานั่งด้วยกัน
“ เมื่อวานนี้ไปสอบเป็นไงบ้าง “ หลี่เซียนที่ถาม จินม่ายแต่สายตากลับมองไปที่ซุนเหมี่ยว
จินม่ายที่มองตามสายตาของพี่ชายที่มองซุนเหมี่ยวก่อนที่จะหันไปถาม “ พี่เซียนถามฉันเหรอ “
“ ก็ถามทั้งสองคนนั้นแหละว่าเป็นไงบ้างพอจะทำได้มั้ย “ จริงแล้วเขานั้นอยากจะถามซุนเหมี่ยวมากกว่า
“ ทำนะทำได้อยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าจะได้ที่เท่าไหร่ “ จินม่ายที่ทานข้าวไปพลางก็ตอบไปด้วย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าพี่ชายนั้นไม่ได้อยากจะรู้ว่าเขานั้นจะสอบได้หรือเปล่านั้นก็เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเธอนั้นทำได้อยู่แล้ว
แต่ที่เขาห่วงก็คงจะเป็นซุนเหมี่ยวนั้นเอง ด้วยเพราะกลัวเธอจะทำข้อสอบไม่ได้
ทางด้านซุนเหมี่ยวที่นั่งทานข้าวอยู่เงียบก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่เซียนก่อนจะยิ้มให้เล็กน้อย
“ พอทำได้ค่ะรุ่นพี่ แต่ไม่รู้ว่าจะได้กี่คะแนน “
“นี้นายจะถามทำไมยังไงจินม่ายเธอก็ทำได้อยู่แล้ว”หวังเฉิงชุนพูดโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตว่าที่เพื่อนรักนั้นไม่ได้อยากจะถามจินม่าย
แต่เป็นเพื่อนของน้องสาวนั้นเอง
“ นี้เธอชอบดื่มนมเปรี้ยวเหรอเหมือนแกเลยว่ะชอบดื่มนมเปรี้ยวว่ามะ “ หวังเฉิงชุนก็ยังคงพูดไปเรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้างเลย
“ ใช่ค่ะ ยิ่งทานข้าวเสร็จแล้วดื่มนมเปรี้ยวทำให้รู้สึกว่าอิ่มนะค่ะ “ ที่จริงเธอก็ไม่ค่อยชอบนมเปรี้ยวหรอก
แต่ทุกวันนี้เธอจะต้องดื่มทุกครั้งหลังจากทานข้าวอิ่มนั้นก็เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นอดีตแฟนหนุ่มของเธอมักจะซื้อให้ดื่มเป็นประจำจนทำให้เธอติดเป็นนิสัย
และเธอก็รู้มาอีกด้วยว่าหลี่เซียนนั้นก็ชอบดื่มแบบเธอก็ยิ่งทำให้รู้สึกดีว่าอย่างน้อยก็มีอะไรที่คล้ายกัน
หวังเฉิงชุนตบไปที่โต๊ะ “ น้องคงไม่ได้แอบชอบเพื่อนพี่อยู่ใช่มั้ย นี้พี่มีเบอร์โทรของเซียนน้อยเอามั้ยขายให้ถูกๆเลย“
บุคคลที่ถูกพาดพิงถึงเองก็ใจสั่นนิดๆแต่ก็ทำหน้านิ่ง “อย่าไปฟังเพื่อนพี่มันพูดเลยมันก็พูดไปเรื่อยแหละเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะจะต้องไปห้องสมุดต่อ “
แม้ว่าหลี่เซียนจะบอกกับตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับซุนเหมี่ยวมากกว่าน้องสาวก็ตามเถอะ
จากนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นเดินจากไปทันทีโดยปล่อยให้หวังเฉิงชุนนั่งงงกับท่าทีแปลกของเพื่อนที่จริงเขาก็แค่พูดเล่นเพราะว่าเพื่อนเขานั้นฮอตในหมู่สาวๆ
ซุนเหมี่ยวอึ้งไปเลยกับคำถามจู่โจมของหวังเฉิงชุนในตอนนี้ฉันแสดงออกมากขนาดนี้เลยเหรอ เอ้!!ก็ไม่น่าแล้วเขามองออกด้วยเหรอว่าฉันแอบชอบเพื่อนของเขาอยู่
“ ไม่ตลกนะใครเขาถามแบบนี้กันเล่า “ขอไว้เชิงก่อนแล้วกัน
ถึงแม้ว่าตัวเธอเองจะชอบหลี่เซียนมากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ อีกอย่างเธอเองก็ยังอยากจะให้เวลากับตัวเองและเขาด้วย
“ ก็แค่ล้อเล่นนิดเดียวเองทำเป็นจริงจังกันไปได้ “
หวังเฉิงชุนรีบลุกขึ้นเดินตามหลี่เซียน “ เฮ้ย!!รอด้วยจะรีบไปไหนกัน “
“ เฮ้อ!! ไปได้ซะก็ดี ตกใจแทบแย่ “
จินม่ายหันมามองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย “ แกก็ชอบพี่เซียนแล้วทำไมถึง…”
“ ทำไมถึงทำเหมือนไม่สนใจนะเหรอที่จริงฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะเสียใจถ้าจะบอกให้รุ่นพี่รู้ว่าฉันชอบเขาอยู่ ฉันอยากให้รุ่นพี่รู้จักฉันมากกว่านี้และฉันจะทำให้รุ่นพี่เป็นคนที่บอกชอบฉันเอง “
จินม่ายที่มองเห็นถึงความมุ่งมั่นของเพื่อนสาวกับภารกิจพิชิตหัวใจหนุ่มในดวงใจ
“ พูดได้ดี สมแล้วที่เป็นเพื่อนฉัน “
บนทางเดิน “ นี้นายจะรีบไปไหนรอฉันด้วย “ หลี่เซียนก็ได้หยุดเดินในทันที
“ โอ้ย…หยุดก็ไม่บอก “ หวังเฉิงชุนที่เดินตามหลังมาไม่ทันได้มองว่าหลี่เซียนหยุดเดินก็ทำให้เขานั้นชนเข้ากับแผ่นหลังของหลี่เซียน
“ นายคงไม่ได้โกรธฉันอยู่หรอกใช่มั้ย “ หวังเฉิงชุนที่มองหน้าเพื่อนสนิทนั้นเขาก็รู้แล้วว่าว่าโกรธเขาแต่ก็ทำใจดีสู้เสือ
“ ทำไมนายไปถามอะไรแบบนั้นน้องเขาเป็นผู้หญิงยังไงนายก็ควรจะให้เกียรติน้องเขาบ้าง “
“ โอ้ยฉันยังไม่เห็นน้องเขาจะว่าอะไรเลย” หวังเฉิงชุนรีบตัดบทก่อน
หลี่เซียนถึงกับส่ายหัวให้กับเพื่อนที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรบ้างเลยก่อนที่จะเดินไปห้องเรียน
“ อ้าวแล้วนี้นายจะไปไหน “
“ กลับห้องเรียนไง อ่านหนังสือเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็จะต้องไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเดี๋ยวจะอ่านหนังสือไม่ทัน “
“ อย่างนายยังไงก็สอบได้อยู่แล้ว “
หลังโรงเรียนเลิกซุนเหมี่ยวที่เดินกลับออกมาพร้อมกับจินม่ายตรงไปยังลานจอดรถจักรยานจินม่ายเองนั้นมีแม่มารอรับกลับบ้าน
“ บ๊ายบาย เจอกันหลังปีใหม่ “
“ บ๊ายบาย เจอกันหลังปีใหม่จ้า “
ซุนเหมี่ยวที่มัวแต่ยืนโบกมือลากับจินม่ายจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นหลี่เซียนที่กำลังเดินจะไปเอารถจักรยานเหมือนกัน
“ อุ้ย “ ซุนเหมี่ยวหันมาชนเข้าหน้าอกของผู้ชายคนหนึ่ง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนั้นก็ได้อ้าปากค้าง
“ เป็นไรมั้ย พี่ขอโทษนะไม่ทันได้มอง “ หลี่เซียนเมื่อเห็นว่าเป็นซุนเหมี่ยวก็ถามไถ่
เขาที่ยังนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเที่ยงอยู่นั้นก็ได้แก้ตัวให้กับเพื่อนของเขา
“ เมื่อตอนเทื่ยงพี่ต้องขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยแล้วกันที่ถามอะไรแบบนั่น “ ซุนเหมี่ยวเธอมองเขาที่แก้ตัวให้กับเพื่อน
“ ไม่เป็นไรหรอกรุ่นพี่ฉันเองก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดพี่เขามากนัก “
“ ค่อยยังชั่วหน่อย ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษอยู่ดี “
“ แล้วจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า “
ซุนเหมี่ยวส่ายศีรษะจนผมปลิวไสว “ ไม่ค่ะ ว่าตะแวะร้านเครื่องเขียนข้างโรงเรียนก่อน
“ พี่ก็ว่าจะไปเหมือนกัน “ ซุนเหมี่ยวหันมามองหลี่เซียนอย่างสงสัย หรือว่ารุ่นพี่จะตามเธอไปด้วยนะ
“ พอดีดินสอเขียนแบบกับปากกาของพี่หมดพอดีนะก็เลยว่าจะไปซื้อ “
“ รุ่นพี่วาดรูปเป็นด้วยเหรอค่ะ น่าอิจฉาจัง “ ซุนเหมี่ยวที่มองไปข้างหน้า ทำให้หลี่เซียนอ่านความคิดของเธอไม่ออก
“ ทำไมเหรอ “