ในห้องสอบนักเรียนทุกคนที่นั่งประจำที่ของตนเองเรียบร้อยแล้วก็จะมีคุณครูคุมสอบแจกใบข้อสอบและกระดาษคำตอบให้กับนักเรียน
“ ทุกคนเงียบได้แล้ว ตั้งใจทำข้อสอบอย่างเต็มที่ “
“ ค่ะ/ครับ “
จนเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายก็ได้เวลาที่จะต้องเดินทางกลับโรงเรียน
“ เป็นไงบ้างพวกเธอได้มั้ย ฉันว่าปีนี้ข้อสอบยากกว่าทุกปี “
“ ใช่ๆฉันก็ว่ายังงั้นแหละ ไม่รู้ว่าจะได้ที่เท่าไหร่ “
“ นั้นสิ “
“ ซุนเหมี่ยวละพอได้บ้างเปล่า “
ซุนเหมี่ยวที่นั่งที่นั่งฟังเพื่อนๆพูดถึงข้อสอบในวันนี้
“ เฮ้อ!!!ก็คิดว่าพอจะได้แหละแต่ไม่รู้ว่าจะได้กี่ข้อกัน “
เพื่อนๆรวมทั้งจินม่ายก็ให้กำลังใจกันแหละกัน
“ ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย สอบไม่ผ่านก็สอบซ่อมใหม่ได้นิ”
จินม่ายพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนชายอีกคนที่พูดปลอบใจ
“เอางี้ใหมเพื่อเป็นการฉลองที่สอบเสร็จวันนี้เราไปกินหม้อไฟกัน ว่ายังไงไปหรือไม่ไป “ จินม่ายที่ออกความคิดเห็นเพื่อจะได้ปลดปล่อยความกังวล
“ ไปสิ “ เพื่อนตอบพร้อมกัน
“ ว่าแต่เราจะไปกินร้านไหนดี “
ทุกคนก็หันไปมองที่จั่วหรานเพื่อนผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม
“ ไม่ต้องมาฉันเลย ก็บอกว่าไม่ต้องมองฉันแบบนี้ “จากนั้นเพื่อนสาวอีกคนก็หันไปยักคิ้วให้จินม่ายจินม่ายที่เข้าใจถึงความหมาย
“ ก็ที่บ้านนายเปิดร้านหม้อไฟ ไม่มองนายแล้วจะไปมองใครละจริงมั้ย “ ทุกคนต่างพยักหน้าว่าเห็นด้วย
“ ก็ได้เห็นแก่ความเป็นเพื่อนหรอกนะ “
“ เย้!!!@_@“
ที่ร้านหม้อไฟควันหลงใกล้ๆกับโรงเรียนบาซู ทุกคนต่างนั่งรอเนื้อมาเสริฟอย่างใจจดใจจ่อ
“ มาแล้วๆ “
“ว้าว!!! น่ากินทั้งนั้นเลย “
“ กินเยอะๆๆนะขาดเหลือตรงไหนก็บอกจั่วหรานได้ “
แม่ของจั่วหรานที่ยกเนื้อมาให้กับเพื่อนๆของลูกชาย
“ขอบคุณน้ามากค่ะ “
“ อ่ะไม่ต้องเกรงใจกินกันเยอะๆเลยวันนี้ก็เหนื่อยกันมามากแล้วเต็มที่วันนี้น้าเลี้ยงเอง “
“ เถ้าแก่เนื้อเพิ่มจานหนึ่ง “
“ เถ้าแก่เอาเหล้ามาสองขวด “
“ มาแล้วๆๆๆ กรุณารอสักครู่ “ ก่อนที่จะหันไปบอกกับลูกชาย “ ไปตามพ่อแก่ที่อยู่ในครัวออกมาช่วยแม่รับลูกค้าก่อน “
จั่วหรานรีบลุกจากโต๊ะเดินเข้าไปในห้องครัวในทันที
“ พ่อครับแม่ให้ออกไปช่วยดูลูกค้าหน่อย “ พ่อของเขาที่กำลังจัดเรียงเนื้อในชามก็ได้เงยหน้าขึ้นมอง
“ อืม บอกแม่แก่ด้วยอีกเดี๋ยวก็จะไปแล้ว “
จั่วหรานเดินออกมาบอกแม่ของเขากาอนที่จะกลับมานั่งโต๊ะกินหม้อไฟกับเพื่อนๆ
จั่วหรานที่นั่งมองเพื่อนๆที่กำลังทานเนื้อย่างกันอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกภูมิใจ
ในย่านนี้เด็ดสุดก็ร้านหม้อไฟควันหลงร้านของเขาเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มที่จัดว่าเด็ดแล้ววัตถุดิบต่างๆล้วนสดใหม่ทุกวัน ร้านหม้อไฟควันหลงนี้เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของเขา
“ โอ้ย!! ร้อน ร้อน ร้อน “
เสียงของเนื้อที่วางลงบนกะทะสำหรับหม้อไฟนอกจากที่จะมีเสียงของเนื้อที่ตามมาติดๆก็คือกลิ่นหอมของเนื้อที่จะคละคลุ้ง
“ ระวังหน่อยสิแก่ “
ซุนเหมี่ยวยิ้มเจื่อนๆให้จินม่าย มัวแต่ระวังก็กินไม่ทันเด็กพวกนี้สิแต่ละคนกินเอากินเอาไม่พูดไม่จาเลย
แล้วหม้อไฟที่รสชาติดีแบบนี้ในสมัยปัจจุบันช่างหากินยากที่รสชาติอร่อยน้ำจิ้มเด็ดของสดๆแบบนี้จะนั่งกินทีราคามันก็แพง สมัยนี้ก็ร้อยกว่าหยวนเองแต่ในยุคปัจจุบันมีราคาสูงถึงสามร้อยกว่าหยวนต่อคน
“ ก็มันอร่อยนี้ใช่มั้ย “
เมื่อจั่วหรานได้ยินก็ยืดอกอย่างภูมิใจ “ นี้ฉันจะบอกให้นะหัวใจหลักนอกจากน้ำจิ้มรสเด็ดก็ความสดใหม่ของเนื้อและความสะอาดของร้านนี้แหละ “
เพื่อนๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนที่จะไปสนใจกับเนื้อที่ย่างอยู่บนเตา
ซุนเอ้อร์เหนียงที่นั่งดูละครทีวีอยู่ในห้องรับแขกก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูก็รู้ได้ทันทีว่าลูกสาวของเธอนั้นกลับเข้าบ้านแล้วก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกาที่บอกว่าเวลานี้คือหนึ่งทุ่มครึ่ง
“ กลับมาแล้วเหรอ “
“ ค่ะแม่ เหนื่อยมากเลยวันนี้ “
“ แล้วกินอะไรมาหรือยัง “
“ กินมาแล้วค่ะ พวกเราแวะกินหม้อไฟที่ร้านใกล้ๆโรงเรียนค่ะ “
ซุนเหมี่ยวเดินมานั่งลงใกล้ๆกับแม่ของเธอก่อนจะเอนตัวลงหนุนตักจับมือแม่ของเธอมากอดไว้แล้วหลับตาลง
“ โตเป็นสาวแล้วยังจะอ้อนแม่อยู่อีก “ ซุนเอ้อร์เหนียงที่ก้มมองดูลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก
สิบเจ็ดปีแล้วที่เธอทำหน้าที่เป็นทั้งแม่และพ่อให้กับลูกสาวคนเดียวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาอย่างยากลำบากเลือดตาแทบกระเด็นแต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อให้กับโชคชะตา
นั้นก็เพราะว่าเธอได้กำลังใจดีซึ่งก็เป็นลูกสาวของเธอไม่ว่าจะทุกข์จะสุขต่อให้ลำบากกว่านี้เธอก็ไม่ถอยเธอใช้มืออีกข้างลูบผมของลูกสาวด้วยความรักใคร่
“ ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว “
“ ขอหนูนอนต่ออีกหน่อยนะห้านาทีนะคะ “
“ ไม่ได้!!ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้อย่ามาทำเป็นเด็กขี้เกียจ “
“ ก็ได้ค่ะ “ ซุนเหมี่ยวแกล้งทำหน้าแบบเซ็งๆก่อนที่จะจากไปก็ได้แอบหอมแก้มแม่ครั้งหนึ่งแล้วก็วิ่งขึ้นห้องในทันที
“ อุ๊ย!! เด็กคนนี้นิ “ ซุนเอ้อร์เหนียงที่ถูกลูกสาวขโมยหอมแก้มก็นั่งมองดูลูกสาวที่วิ่งขึ้นห้องไปจนลับสายตาด้วยความเอ็นดู
“ เอ้….จำได้ว่าเก็บไว้ในนี้นิหายไปไหนแล้วอ่ะ “
ซุนเหมี่ยวที่เปิดปิดลิ้นชักหาที่มาร์คหน้าตัวใหม่ที่พึ่งจะซื้อมาเมื่อสองสามวันก่อน
“ ทำไงดีละยังไม่ทันได้ใช้เลยแพงด้วยสิ “ ซุนเหมี่ยวนั่งลงบนเตียงนอนของตัวเองอย่างหมดหวังเพราะเธอพึ่งจะซื้อมาด้วยราคาหนึ่งน้อยยี่สิบสามหยวน
ก่อนที่จะลงไปที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าหงอยๆ “ ยังไม่นอนอีกเหรอลูก “ ซุนเอ้อร์เหนียงมองไปที่ลูกสาวเดินลงมาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง
“ แม่ค่ะเห็นที่มาร์คหน้าของหนูบ้างใหมค่ะ “
“ ที่มาร์คหน้า……อ๋อนึกออกแล้วกล่องสีแดงขาวใช่มั้ย “
“ ใช่ใช่ใช่ค่ะแม่ แม่เห็นอยู่ที่ไหนเหรอค่ะ “ ซุนเหมี่ยวรีบเดินมานั่งโซฟาใกล้ๆกับแม่ของตัวเอง
“ ก็เมื่อสองสามวันก่อนแม่เห็นเรานั้นแหละที่ถือกล่องมาร์คหน้าไปแช่ในตู้เย็นไงจำไม่ได้เหรอ “
เมื่อนึกขึ้นมาได้ก็หัวเราะให้กับตัวเองทันทีถึงว่าละทำไมในลิ้นชักที่เธอหาอยู่บนห้องนั้นมีซุปไก่สกัดวางไว้อยู่กล่องหนึ่งแทนที่จะเป็นกล่องมาร์คหน้า
เธอก็ยังงงอยู่ว่าทำไมถึงมาอยู่อะไรตรงนี้
ตอนนี้เธอนึกออกแล้วจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเธอหยิบสลับกัน
“ หนูกะว่าแล้วทำไมในลิ้นชักถึงมีกล่องซุปไก่สกัดแทนที่จะเป็นที่มาร์คหน้า “
ว่าแล้วก็เดินขึ้นห้องไปเอาซุปไก่สกัดนั้นลงมาแช่ตู้เย็นก่อนดีกว่า “ แล้วนั้นจะไปไหนไม่เอาที่มาร์คหน้าแล้วเหรอ “
“ หนูจะขึ้นไปเอาซุปไก่สกัดลงมาแช่ตู้เย็นจ้าแม่ “
เธอที่เดินถือกล่องซุปไก่สกัดลงไปแช่ตู้เย็นแล้วก็หยิบเอาที่มาร์คหน้าออกมา
หลงเข้าใจผิดคิดว่าหายไปไหนซื้อมาราคาแพงด้วยยังไม่ทันจะได้ใช้เลย
“ แม่ลองมาร์คหน้าดูมั้ย ตัวนี้นำเข้าจากประเทศเกาหลีเลยนะเน้นในเรื่องหน้าใสเด้ง “ ซุนเอ้อร์เหนียงมองหน้าซุนเหมี่ยวอย่างสงสัย
“ ราคาแพงมั้ยไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อ…แม่ว่าพักหลังๆมานี้เราเปลี่ยนไปมากนะครั้งก่อนนู้นก็ขนซื้อครีมแล้วก็อะไรนะเสริมเสริมความงามนะนั้นอีก “
“ วิตามินค่ะแม่ก็เงินค่าขนมที่หนูหยอดกระปุกไว้นั้นแหละค่ะ “
“ แม่อยู่นิ่งๆนะหนูจะวางแผ่นมาร์คหน้าให้แล้วนะแม่หลับตาด้วยค่ะ อย่างงั้นแหละเสร็จละเป็นไงบ้างค่ะรู้สึกสบายผิวมั้ย “
พอมาร์คหน้าให้ซุนเอ้อร์เหนียงเสร็จก็ทำให้ตัวเองบ้าง
“ รู้สึกเย็นสบายหน้ามากเลยนะเนี่ย มีกลิ่นหอมอ่อนด้วย “
“ ที่สำคัญผิวสวยด้วยค่ะ “
ที่โรงเรียนบาซูซุนเหมี่ยวที่เดินฮัมเพลงไปตามทางเดินตรงไปห้องเรียนอย่างคนอารมณ์ดี
“ อารมณ์ดีจังเลยนะ ไหนมาเล่าให้ฟังหน่อยซิว่ามีเรื่องดีอะไร “ จินม่ายที่นั่งหยิบหนังสือออกมาวางบนโต๊ะเรียนได้หันมามองซุนเหมี่ยวที่เดินฮัมเพลงเข้ามาในห้องเรียนด้วยใบหน้าที่สดใส
“ ไม่มีอะไรหรอก “
จินม่ายมองหน้าซุนเหมี่ยวอย่างไม่เชื่อสายตา
“ จริงๆ ไม่มีอะไร “
“ แล้วทำไมวันนี้ถึงอารมณ์ดี “
“ ก็แค่คิดถึงแต่เรื่องดีๆก็แค่นั้น “
ซุนเหมี่ยวนั่งลงเก้าอี้แล้วก็หยิบหนังสือออกมาจากกระเป๋าวางบนโต๊ะ