สาวยุค 2020 เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่สวรรค์ยังให้เธอไปอยู่ในร่างของเด็กสาวยุคจีนโบราณที่ท่านแม่ถูกไล่ออกจากบ้านพร้อมหนังสือหย่าและลูกๆ ครอบครัวของเธอจะร่ำรวยได้อย่างไร มาเป็นกำลังใจให้เธอไปพร้อมกัน
สาวยุค 2020 เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่สวรรค์ยังให้เธอไปอยู่ในร่างของเด็กสาวยุคจีนโบราณที่ท่านแม่ถูกไล่ออกจากบ้านพร้อมหนังสือหย่าและลูกๆ ครอบครัวของเธอจะร่ำรวยได้อย่างไร มาเป็นกำลังใจให้เธอไปพร้อมกัน
"เดี๋ยวก่อนนะ ข้าว่าพวกท่านเข้าประเด็นเลยดีกว่า ที่ต้องการพบข้าด้วยเหตุอันใดกันแน่ ไม่ต้องพูดจาอ้อมค้อม อ้อมโลกแบบนี้" หว่าหวาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
"ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะพูดเอง ในเมื่อเจ้าเกิดในตระกูลหลิวของเรา เจ้าต้องตอบแทนบุญคุณ พวกเราไม่ขออะไรมากเพียงแค่ร้านฟู่ซิงนี้เท่านั้น" ฮูหยินพูดขึ้นมา
หว่าหวาไม่คิดว่าคนพวกนี้จะกล้าขออะไรที่มากเกินไปขนาดนี้ จึงเหวอไปแป๊บนึง
"อืมมมม ไม่รู้ว่าพวกท่านใช้ตรรกะอะไรมากำหนด ว่าข้าต้องทดแทนบุญคุณตระกูลหลิวด้วยการยกร้านฟู่ซิงนี้ให้กับพวกท่านกัน"
"ทำไม...จะต้องใช้ตัก ตัก อะไรของเจ้า ลูกมีหน้าที่ต้องทดแทนบุญคุณบิดาอยู่แล้วในเมื่อข้าเป็นบิดาของเจ้า ก็สามารถสั่งให้เจ้าทดแทนบุญคุณได้ อีกอย่างเจ้าเป็นผู้หญิงจะดูแลร้านนี้ได้อย่างไร สู้ให้พวกเราตระกูลหลิวดูแลไม่ดีกว่าหรือ" พ่อของหว่าหวาพูดขึ้นมา
"ได้หรือไม่ได้ ผู้หญิงอย่างข้าก็ดูแลร้านฟู่ซิงมาจนทุกวันนี้ พวกท่านจำข้อความในหนังสือหย่าที่เขียนให้ท่านแม่ของข้าไม่ได้แล้วหรือ หากจำไม่ได้ข้าจะพูดให้ฟังอีกครั้ง ในหนังสือหย่าเขียนไว้ว่าหลังจากหย่าแล้วพวกเราทั้ง 5 คนไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลหลิวอีก ข้ายังจำมันได้ดีถึงแม้ว่าท่านแม่ของข้าจะขอร้องท่าน...ใต้เท้าหลิวมี่อิงให้สงสารนางและลูกๆ ด้วย แต่พวกท่านทำอย่างไรกับพวกเราจำได้ไหม พวกท่านให้บ่าวโยนพวกเราออกจากบ้านซึ่งมีแต่เสื้อผ้าที่ใส่ติดตัว พร้อมกับเงิน 2 ตำลึงเงิน" หว่าหวาพูดเพียงเท่านี้แล้วก็หยุดพูด มองหน้าพวกเขาทั้ง 3 คน
"แต่อย่างไรกฎหมายของแคว้นหลี่เรา บุตรมีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณบิดามารดา การที่เจ้าต้องตอบแทนท่านพ่อของเจ้าก็ถูกต้องแล้ว" ฮูหยินกล่าวขึ้น
"พวกท่านนี้ช่างน่าไม่อายเสียจริง คิดจะมาชุบมือเปิบเอาของของคนอื่นเขาง่ายๆ เสียใจด้วยข้าไม่มีทางตอบแทนบุญคุณท่านด้วยวิธีนี้เด็ดขาด หากยังดื้อดึงที่จะเอาก็เชิญพวกท่านไปฟ้องร้องเอาเอง"
"เจ้าแน่ใจหรือว่าจะให้ท่านพ่อไปฟ้องร้องที่ศาล ท่านพ่อเป็นใคร แล้วเจ้าเป็นใคร คิดว่าศาลเขาจะฟังใครมากกว่ากัน" มี่ฮวาพูดขึ้นมาบ้าง
"ข้าคิดว่าศาลเขาคงฟังทั้งสองฝ่าย คงไม่ฟังแค่ฝ่ายเดียวหรอก" หว่าหวาตอบออกไป
"ดี ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เราไปศาลด้วยกันเลย" ผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้น
"ได้ แล้วแต่ท่านเลย" หว่าหวาก็ไม่ยอมเช่นกัน เมื่อเดินออกมาจากห้องคุณชายเลี่ยงซือยืนอยู่ด้านนอกอยู่แล้ว หลิวมี่อิงเมื่อเห็นคุณชายหลี่เลี่ยงซือจึงทักทาย
"คุณชายเลี่ยงซือ ท่านก็มาเหมือนกันหรือ"
"อืม แม่นางหว่าหวา เกิดอะไรขึ้น ?" คุณชายเลี่ยงซื้อตอบสั้นๆ แล้วหันไปถามหว่าหวา
"ไม่มีอะไรคุณชาย ข้าจะไปที่ว่าการศาล วันนี้ต้องขอโทษคุณชายด้วยข้าคงไม่สะดวกคุยกับคุณชาย"
"ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปที่ว่าการศาลเป็นเพื่อนเจ้า อย่าได้ปฏิเสธเลย"
"ก็ได้ เช่นนั้นข้าขอไปบอกน้องรองกับหลงจู๊ก่อน"
ทุกกิริยาทุกคำพูดของคุณชายเลี่ยงซือ กับหว่าหวาอยู่ในสายตาของหลิวมี่ฮวาตลอด นางมองคุณชายเลี่ยงซือด้วยสายตาเย้ายวน แต่น่าเสียดายที่คุณชายเลี่ยงซือไม่มองนางเลย
-----
ณ ที่ว่าการศาลอำเภอฉางซิน
"หลิวมี่อิง เจ้ามาที่ศาลด้วยเหตุอันใด" หัวหน้าศาลที่นั่งเป็นประธานถามขึ้นมา
"เรียนใต้เท้า ข้าหลิวมี่อิงจะขอให้ศาลสั่งให้ลูกสาวข้าตอบแทนบุญคุณข้าผู้เป็นบิดาขอรับ"
หัวหน้าศาลมองไปยังหว่าหวาที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่าง
"แล้วท่านต้องการให้นางตอบแทนบุญคุณท่านอย่างไร"
"เนื่่องด้วยนางเป็นเจ้าของร้านฟู่ซิง ข้าจึงขอให้นางยกร้านฟู่ซิงให้กับตระกูลหลิวของข้าขอรับ"
หัวหน้าศาลได้ยินชื่อเสียงของร้านฟู่ซิงดี แต่ก็มิเคยรู้มาก่อนว่าเจ้าของร้านนั้นเป็นลูกสาวของใต้เท้าหลิวมี่อิง
"เจ้าบอกชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามา"
"เรียนใต้เท้า ข้าน้อยจ้าวหว่าหวาอดีตเคยเป็นบุตรีของใต้ท้าวหลิวมี่อิง แต่เนื่องด้วยตระกูลหลิวได้มอบหนังสือหย่าให้มารดาของข้า และขับไล่มารดาและลูกๆ 4 คนออกจากตระกูลแล้วเจ้าค่ะ"
"ถึงแม้จะถูกขับไล่ออกไปแล้วแต่ความเป็นลูกยังไงก็ต้องตอบแทนบุญคุณบิดา เจ้ายินยอมที่จะมอบร้านฟู่ซิงให้กับตระกูลหลิวหรือไม่"
"เรียนใต้เท้า ข้าคงไม่สามารถยกร้านฟู่ซิงให้ใครได้เจ้าค่ะ เพราะร้านนี้เป็นชื่อของพ่อแม่บุญธรรมของข้า มิใช่ชื่อของข้าเจ้าค่ะ"
พ่อแม่ลูกตระกูลหลิว ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นี่นางมีพ่อแม่บุญธรรมด้วยหรือถ้าเช่นนั้นการที่จะเอาร้านมาเป็นของตนคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
"เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิวมี่อิงเจ้ายังต้องการให้นางตอบแทนบุญคุณอีกหรือไม่"
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอให้นางจ่ายค่าเลี้ยงดูบิดาเดือนละ 50 ตำลึงเงินขอรับ" ถึงไม่ได้ร้านมาเป็นของตระกูลก็ขอให้ได้เงินทุกเดือนก็ยังดีพ่อของหว่าหวาคิด
เดือนละ 50 ตำลึงเงินไม่ใช่น้อยๆ เลย ใต้เท้าหลิวมี่อิงต้องทำงานกี่เดือนจึงจะได้เงินเท่านี้ ท่านผู้ว่าการศาลคิดในใจ
"เจ้าล่ะ ยินดีจะตอบแทนบุญคุณบิดาของเจ้าตามที่เขาขอมาหรือไม่"
"เรียนใต้เท้า ข้าอยากทราบว่าข้าสามารถจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเพียงครั้งเดียวเพื่อตอบแทนบุญคุณของเขาได้หรือไม่เจ้าคะ"
"หลิวมี่อิง เจ้าจะว่าอย่างไร"
"เอ้อ คือข้าขอคิดก่อนได้หรือไม่ใต้เท้า" ท่านผู้ว่าการศาลได้ฟังจึงเงียบไป
"ได้ขอรับใต้ท้าว"
"ถ้าเช่นนั้น จ้าวหว่าหวาเจ้าจะตอบแทนบุญคุณของพ่อเจ้าด้วยเงินจำนวนเท่าใด" ผู้ว่าการศาลถามหว่าหวา
"เรียนใต้เท้า ข้าจ้าวหว่าหวาและน้องๆ อีก 3 คน ขอตอบแทนบุญคุณของชายผู้นี้ด้วยเงิน 1,000 ตำลึงเงิน และขอใต้เท้าโปรดเขียนหนังสือให้ข้าน้อยด้วยว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าน้อยและน้องๆ อีก 3 คนไม่ได้ติดหนี้บุญคุณหลิวมี่อิงอีกต่อไป และจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ต่อกันอีกเจ้าค่ะ" หว่าหวาคิดแล้วว่าหากยังต้องติดต่อกับตระกูลนี้อีกคงมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่ร่ำไป สู้กัดฟันจ่ายเงินก้อนเดียวให้จบๆ ไปจะดีกว่า
"หลิวมี่อิง เจ้าจะว่าอย่างไรที่นางจะตอบแทนเจ้าเช่นนี้"
"ขอรับ ขอรับ ข้าหลิวมี่อิงยืนดีรับเงิน 1,000 ตำลึงเงินขอรับ" หลิวมี่อิงตอบด้วยความตื่นเต้น ส่วนฮูหยิน และลูกสาวก็ตาโตเมื่อได้ยินว่าจะได้เงินจำนวน 1,000 ตำลึงเงิน
หว่าหวายกยิ้มมุมปากแล้วคิดในใจ "พวกเห็นแก่เงิน 1,000 ตำลึงเงินนี้ แค่ 3-4 วัน ร้านฟู่ซิงก็หาได้มากกว่านี้แล้ว"
หัวหน้าศาลเมื่อได้ยินจึงสั่งให้ผู้ช่วยเขียนหนังสือที่หว่าหวาขอออกมา 3 ฉบับเพื่อให้หลิวมี่อิงกับหว่าหวาคนละฉบับและเก็บไว้ที่ศาลอีก 1 ฉบับ เมื่อหนังสือถูกเขียนเรียบร้อยแล้ว
หว่าหวาหยิบตั๋วแลกเงินออกมา 2 ใบๆ ละ 500 ตำลึงเงิน ยื่นให้เจ้าหน้าที่ศาล และรับหนังสือมาอ่านดูแล้วเก็บใส่แขนเสื้อ เจ้าหน้าที่ศาลรับตั๋วเงินไปแล้วส่งให้กับหลิวมี่อิง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหัวหน้าศาลจึงสั่งเลิกศาล หว่าหวาจึงลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าหัวหน้าศาล "ใต้เท้าโปรดรับไว้เป็นค่าน้ำชาด้วยเจ้าค่ะ" หว่าหวายื่นตั๋วเงิน 20 ตำลึงเงินให้กับหัวหน้าศาล ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธรับตั๋วเงินแล้วยื่นให้ผู้ช่วยเอาไปลงรายการ
"เช่นนั้น ข้าขอลาเจ้าค่ะ" หว่าหวาลาหัวหน้าศาลแล้วเดินออกไปพร้อมกันคุณชายเลี่ยงซือด้วยรอยยิ้ม
"ข้าขอลาเช่นกันท่านลุงเหวิน" คุณชายเลี่ยงซือบอกหัวหน้าศาล
"ข้าก็ขอลาใต้เท้า" หลิวมี่อิงกล่าวแล้วทั้งสามคนก็เดินออกไป
"เอาตั๋วเงินมาให้ข้าเก็บไว้ดีกว่าท่านพี่" ฮูหยินพูดพร้อมกับยื่นมือไปหยิบตั๋วเงินมา
"แม่นางหว่าหวา เจ้ายิ้มอะไรกัน เสียเงินไป 1,000 ตำลึงเงินยังยิ้มได้อีกหรือ ? ข้าล่ะนับถือเจ้าจริงๆ "
"ที่ข้ายิ้มเพราะว่าต่อไปจะไม่มีพวกเห็บหมัดมาคอยกัดกินเลือดข้าอีกต่อไปต่างหากเล่า" หว่าหวาตอบ
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงร้าน น้องรองก็เข้ามาถาม หว่าหวาจึงเล่าให้ฟัง และบอกน้องรองว่า
"ข้าจะเปิดร้านฟู่ซิงอีกหลายสาขาในอำเภอนี้ ไม่เพียงร้านฟู่ซิงเท่านั้น ข้าจะทำธุรกิจอื่นอีกด้วย ให้พวกนั้นอิจฉา"
คุณชายเลี่ยงซือได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจว่าต่อไปต้องคอยช่วยเหลือหว่าหวาไม่ให้ถูกพวกตระกูลหลิวรังควานอีก อย่างน้อยใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจะได้อยู่ใกล้นางก็ยังดี
ขอบคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกคนค่ะ