สาวยุค 2020 เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่สวรรค์ยังให้เธอไปอยู่ในร่างของเด็กสาวยุคจีนโบราณที่ท่านแม่ถูกไล่ออกจากบ้านพร้อมหนังสือหย่าและลูกๆ ครอบครัวของเธอจะร่ำรวยได้อย่างไร มาเป็นกำลังใจให้เธอไปพร้อมกัน
สาวยุค 2020 เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่สวรรค์ยังให้เธอไปอยู่ในร่างของเด็กสาวยุคจีนโบราณที่ท่านแม่ถูกไล่ออกจากบ้านพร้อมหนังสือหย่าและลูกๆ ครอบครัวของเธอจะร่ำรวยได้อย่างไร มาเป็นกำลังใจให้เธอไปพร้อมกัน
ยามเซินวันต่อมา หว่าหวาเตรียมเงินค่าแรงสำหรับคนงานเสร็จก็ชวนทุกคนไปดูที่ดินด้วยกัน พอไปถึงคนงานยังไถกลบหน้าดินยังไม่เสร็จ ทุกคนจึงเดินไปใต้ต้นไม้ใหญ่ริมลำธาร
หว่าหวาวางแผนจะปลูกเรือนพักแถวๆ นี้ไว้เป็นที่พักสำหรับคนเฝ้าไร่ เมื่อคนงานทำงานเสร็จแล้วก็เดินมาหา หลังจากหว่าหวาจ่ายเงินให้ทุกคนเสร็จแล้ว ถามพวกเขาว่า
"ข้าอยากหาคนมาปลูกเรือนเล็กๆ ที่นี่ไม่ทราบว่าพวกท่านพอรู้จักใครบ้างหรือไม่"
"พวกเราก็ปลูกเรือนกันได้แม่นางหว่าหวา" ท่านลุงเหยียนพูดขึ้น
"จริงหรือเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย ข้าขอดูแบบก่อนอีกสองวันรบกวนพวกท่านไปหาข้าที่บ้านนะเจ้าคะ"
"ได้ ขอบคุณแม่นางมากที่ให้งานพวกเราทำ อีก 2 วัน พวกเราจะไปหาที่บ้าน วันนี้พวกเราขอตัวก่อน" คราวนี้ท่านลุงซ่งเป็นคนพูด
ท่านแม่และน้องๆ เดินไปดูที่ดินที่ไถกลบหน้าดินแล้ว หว่าหวาเดินตามไปสมทบแล้วบอกกับทุกคนว่า
"พวกเราจะทำรั้วกันรอบบริเวณที่ดินของเรา แล้วเราจะปลูกถั่วลิสงก่อน ซึ่งมันเป็นพันธุ์พืชที่มีอยู่ในกระเป๋าเป้ที่ท่านเทพให้มาเจ้าค่ะ" ทุกคนพยักหน้า แล้วน้องเล็กก็ถามขึ้นมา
"พี่ใหญ่แล้วเจ้าถั่วลิสงนี่เอามาทำอาหารได้หรือไม่"
"มันเอามาทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น กินเป็นอาหาร เป็นกลับแกล้ม เมื่อเราปลูกได้ผลผลิตแล้วพี่จะทำให้เจ้ากิน" หว่าหวาตอบ แล้วพูดว่า
"ท่านแม่เจ้าคะ พวกเราแวะไปบ้านท่านลุงฝางดูตะกร้าที่ให้เขาทำให้กันเถิดเจ้าค่ะ"
"งั้นเราไปกันเลยเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน" ท่านแม่พูดแล้วออกเดินนำไป ทุกคนจึงเดินออกจากที่ดินไป
ถึงบ้านท่านลุงฝางหลังจากกล่าวทักทายถามไถ่เรื่องผู้เฒ่าฝางแล้ว ซึ่งอาการดีขึ้นมากแล้ว หว่าหวารับตะกร้าที่สานเสร็จแล้วมาดูยิ้มอย่างพอใจ แล้วพูดว่า "ท่านลุงฝาง ท่านทำได้ถูกใจข้ามากเลยเจ้าค่ะ วันนี้พวกเราจะเอากลับไป 5 ใบก่อน ที่เหลือค่อยมาเอาวันหลังนะเจ้าคะ"
เมื่อถึงบ้านท่านแม่ก็เข้าครัวทำอาหาร หลังอาหารเย็นหว่าหวาบอกทุกคนว่า พรุ่งนี้ตนกับน้องรองจะเข้าเมืองไปหาสถานที่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว
คืนนั้นหว่าหวาเขียนแผนต่างๆ ที่คิดได้ไว้ลงในไดอารี่ แล้วจึงนอนหลับไปด้วยความเพลีย
วันรุ่งขึ้นหว่าหวาเอาเงินติดตัวไปจำนวนหนึ่ง หลังกินอาหารเช้าแล้วจึงเดินไปบ้านท่านลุงหวังกับน้องรอง เพื่อเดินทางเข้าเมืองไปกับเกวียนของท่านลุงหวัง
สองพี่น้องเดินไปตามทาง เดินสำรวจร้านรวงไปเรื่อยๆ เดินมาได้สักพักก็สังเกตเห็นร้านขายอาหารร้านหนึ่ง เป็นร้านที่มี 2 ชั้น แต่ไม่เห็นมีลูกค้าในร้านจึงชวนน้องรองเดินเข้าไป
พนักงานเข้ามาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส หว่าหวาจึงพูดว่า
"ขออาหารแนะนำของร้านมา 3 อย่าง แล้วข้าว 2 ถ้วย" หลังจากพนักงานเกินไปแล้วก็มีชายวัยกลางคนอายุประมาณ 35-40 ปี เดินเข้ามาหา
"แม่นางและคุณชาย ขอบคุณที่มาอุดหนุนร้านเรา ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้พวกท่านเป็นลูกค้าโต๊ะแรกของเรา" เถ้าแก่มองดูหว่าหวาและต้าหลี่ แอบชื่นชมในความน่ารักสดใสของหว่าหวาและรู้สึกถูกชะตาด้วย
หว่าหวากับน้องรองมองหน้ากัน แล้วหว่าหวาจึงพููดขึ้นว่า "เชิญเถ้าแก่นั่งก่อนเจ้าค่ะ เกิดอะไรขึ้นกับร้านของท่านหรือเจ้าคะ"
เถ้าแก่นั่งลงแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้ร้านเราก็ขายได้ตามปกติ แต่พอร้านอาหารเปิดใหม่ตรงมุมถนนเปิด ก็ดึงลูกค้าไปหมด ด้วยว่าร้านเราขายอาหารราคาไม่แพงกำไรจึงไม่มากแค่พอเลี้ยงครอบครัวและลูกน้องได้ แต่ถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้พวกเราก็คงต้องปิดร้านเป็นแน่"
หว่าหวาจึงพูดว่า "ข้าชื่อจ้าวหว่าหวา นี่น้องชายข้า จ้าวต้าหลี่ พวกเรากำลังมองหาสถานที่เพื่อเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่พอดี ในเมื่อกิจการของท่านลุงเถ้าแก่อาจจะต้องปิดตัวลง ท่านคิดอย่างไรหากพวกเราจะขอซื้อร้านต่อจากท่าน แล้วจ้างท่านเป็นผู้จัดการ ส่วนพนักงานก็ให้ทำงานเหมือนเดิม" พูดจบพนักงานก็ยกอาหารเข้ามาพอดี เมื่อวางอาหารแล้วก็เดินไป
"เจ้าจะซื้อร้านข้า แล้วยังจะจ้างข้าทำงานต่อด้วยหรือ?"
"ท่านลุงเถ้าแก่ไม่พอใจหรือเจ้าคะ" หว่าหวาถาม
"ไม่ ไม่ ไม่ใช่ไม่พอใจ รู้สึกยินดีด้วยซ้ำไป ข้ากับภรรยาไม่มีลูก ญาติพี่น้องข้าก็ไม่มี จึงดีใจมากที่ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากพูดกับเจ้า พ่อแม่ของเจ้าจะว่าอย่างไรถ้าหากข้าอยากรับเจ้าเป็นบุตรบุญธรรม เพราะข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้ามาก ถ้าพวกเขาอนุญาต ร้านนี้ก็จะเป็นของเจ้าโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินให้ข้า" แล้วจึงเรียกพนักงานให้ไปตามนายหญิงมา
หว่าหวากับน้องรองมองหน้ากัน สักครู่ภรรยาเถ้าแก่ก็เดินมา เป็นหญิงวัยกลางคนเช่นกัน หน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เถ้าแก่เล่าเรื่องที่คุยกับหว่าหวาให้ภรรยาฟัง
"จริงหรือเจ้าคะท่านพี่" แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่หว่าหวา จับให้หว่าหวาลูกขึ้นยืน มองหว่าหวาที่หน้าตาสวยงามพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า "ท่านพี่ ท่านตาถึงจริงๆ ข้ารู้สึกชอบเด็กคนนี้มาก ถ้าพ่อแม่ของนางตกลงพวกเราก็จะมีลูกสาวแล้ว"
หว่าหวายิ้มและขอบคุณเถ้าแก่และภรรยา บอกว่าจะไปถามท่านแม่ก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องรับบุตรบุญธรรมกัน จากนั้นก็แนะนำให้ทั้งสองปิดประกาศหน้าร้านว่า พรุ่งนี้จะแจกอาหาร ฟรี เป็นเวลา 1 ชั่วยามตอนยามอู่ (11.00-12.59) เพื่อปิดปรับปรุงร้าน 15 วัน โดยนำวัตถุดิบที่มีอยู่มาทำไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ก่อนกลับหว่าหวาบอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะพาท่านแม่มาหาพวกเขาก่อนยามอู่ (11.00-12.59)
สองพี่น้องเดินออกจากร้านแล้วน้องเล็กจึงถามว่า "พี่ใหญ่ หากท่านไปเป็นบุตรบุญธรรมของถ้าแก่แล้วพวกเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกหรือ"
"เราก็ยังอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม แต่อาจมีบางช่วงที่พี่อาจจะไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมบ้าง"
น้องเล็กพยักหน้า พอเดินผ่านร้านขนมหว่าหวานึกถึงน้องๆ จึงแวะซื้อขนมไปฝากทุกคน หลังออกจากร้านสองพี่น้องก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ แล้วก็มีคนมายืนขวางทาง
"แม่นางน้อยจะไปไหนหรือ ให้พี่ไปส่งไหม" ชายหนุ่ม นามเหลียวฟงลูกชายคนเล็กของนายอำเภอที่มีคนติดตาม 2 คน พูดขึ้น
"ต้องขอโทษคุณชายด้วย ข้าเป็นลูกคนโตไม่มีพี่ชายหรือพี่สาว ท่านคงทักคนผิดแล้ว โปรดหลีกทางให้พวกเราด้วย" หว่าหวาตอบออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"ฮ่าฮ่าฮ่า แม่นางคนสวยเจ้าช่างมีอารมย์ขันยิ่งนัก ข้าเพียงอยากให้เจ้าไปกินข้าวเป็นเพื่อนข้าเป็นเวลา 1 ชั่วยาม เจ้าเห็นเป็นเช่นไร"
"ข้าไม่ได้ว่างมากขนาดนั้น คงต้องขอตัว"
"เจ้ากล้าปฏิเสธข้าหรือ"
"ใช่" หว่าหวาพูดพร้อมกับจะเดินหลบแต่ลูกชายนายอำเภอกลับยื่นแขนไปดักไว้
หว่าหวาจึงผลักแขนเขาแล้วหมุนตัวใช้ศอกตีไปที่หลัง
"โอย เจ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ ... พวกเจ้าจับนางให้ข้า" ลูกชายนายอำเภอสั่งคนของตน
ทั้งสองคนเข้ามาหมายจะจับหาว่าหวา แต่กลับโดนหว่าหวาถีบที่ท้องหงายหลังลงไปนอนที่พื้น 1 คน ส่วนอีกคนหว่าหวาใช้มือกันแขนที่ยื่นมาแล้วต่อยเสยคาง และเตะรวบไปที่ขาทำให้ล้มก้นกระแทกพื้น
"พี่ใหญ่ท่านเป็นอะไรบ้างหรือไม่" น้องรองที่ยืนดูอยู่รีบเข้ามาถาม หลังจากที่เห็นหว่าหวาจัดการทั้ง 3 คนแล้ว
"ไม่เป็นไร น้องรอง"
"คุณชาย ท่านคงไม่ต้องการให้ข้าไปเป็นเพื่อนกินข้าวอีกแล้ว ใช่หรือไม่? " หว่าหวาพูดกับลูกชายนายอำเภอ ไม่มีใครได้สังเกตว่าระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น บุรุษที่อยู่ในรถม้าคันหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งเขาคือ ซ่งหลินเปียว บุตรชายเจ้าของสำนักคุ้มภัยของตระกูลซ่ง
หว่าหวาพูดจบก็ทำท่าสะบัดมือข้างที่ออกหมัดแล้วจูงน้องรองเดินจากไป ส่วนลูกชายนายอำเภอพอตั้งสติได้ก็จะตามหว่าหวาไป ในขณะที่รถม้าของซ่งหลินเปียวมาถึงพอดี เขาจึงเปิดม่านแล้วถามว่า
"คุณชายเหลียว จะรีบไปรังแกใครอีกหรือ? "
บุตรชายนายอำเภอ คุณชายเหลียวฟง เมื่อหันไปตามเสียง จึงเห็นว่าเป็นซ่งหลินเปียว คุณชายแห่งสำนักคุ้มภัย จึงตอบว่า
"เอ่อ ไม่ได้รีบไปไหนคุณชายซ่ง คือ...ยังไงข้าต้องขอตัวก่อน" คุณชายเหลียวฟงตอบ แล้วหันไปบอกคนติดตามให้ลุกขึ้น
ซ่งหลินเปียวยกยิ้มเล็กน้อยแล้วปิดม่าน รถม้าก็วิ่งไปต่อ นึกถึงวิธีการป้องกันตัวของเด็กสาวเมื่อครู่ก็ให้นึกสนใจขึ้นมา
ทางด้านหว่าหวาชวนน้องรองเดินไปดูแหล่งขายเกวียน เพราะคิดแล้วว่าในอนาคตต้องเดินทางเข้าเมืองบ่อย จากนั้นก็เดินไปตลาดซื้อของให้ท่านแม่ทำอาหาร แล้วก็แวะร้านขายผ้า เลือกซื้อผ้าให้ท่านแม่เย็บกางเกงให้ใส่ และผ้าสำหรับเย็บกระเป๋าใส่เงิน
จากนั้นทัังสองก็เดินไปร้านขายเครื่องเรือน หว่าหวามองหากล่องไม้เพื่อจะเอาไว้ใส่เงิน เมื่อได้ของตามที่ต้องการแล้วจึงเดินกลับไปที่ลานจอดเกวียน รอเวลากลับบ้าน
ขอบคุณท่านที่ติดตามนะคะ