เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก
เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก
Chapter 2
-3-
หลังจากที่ผมเคาะประตูอยู่นานแต่เบรฟก็ยังคงไม่ออกมาเปิดประตู และไม่ตอบผม ผมจึงตัดสินใจที่จะเปิดประตูเข้าไปดูด้านในห้องเพราะเมื่อลองบิดกลอนดูแล้ว เหมือนว่ามันจะไม่ได้ล็อกอยู่
ภายในห้องนั้นแต่งในสไตล์ที่แตกต่างจากห้องผมอย่างเห็นได้ชัด ห้องผมนั้นทั้งการตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ นั้นเป็นสไตล์วิคตอเรีย แต่ห้องของเบรฟนั้นกลับถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น แต่เฟอร์นิเจอร์ส่วนมากนั้นถูกจัดวางเอาไว้ในจุดเดียวกัน
ผมเริ่มมองไปรอบห้องแต่ก็ไม่เจอตัวของเบรฟ จนกระทั่งผมเดินมาที่เตียงนอนก็พบกับเขาที่นอนคว่ำอยู่บนพรมสีดำที่พื้นห้องข้างเตียง ในตอนแรกผมก็คิดว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แต่สายตาของผมก็ได้เหลือบไปเห็นถังออกซิเจนที่อยู่ใต้เตียงเสียก่อน ซึ่งมันได้ตอบคำถามภายในหัวของผมได้อย่างพอดิบพอดี ผมนั่งคุกเข่าลงไปดูเขาที่นอนนิ่งไป โดยผมทำได้แต่ภาวนาและหวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร
ผมจับตัวเบรฟให้นอนหงายแล้วเริ่มเช็กร่างกายของเขา ชีพจรของเขายังคงปกติดี แผ่นอกกระเพื่อมเหมือนกับแค่หลับไปเฉยๆ เท่านั้น เมื่อรู้ดังนั้นผมก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง
หลังจากผมได้รู้แล้วว่าเบรฟปลอดภัยได้ไม่นานนัก อินทัชและภูผาก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่ตกอกตกใจ
"หมอเรนครับ..น้องเขา.." ภูผาพูดขึ้นแบบอ้ำๆอึ้งๆ คงเป็นเพราะมองเห็นเบรฟที่นอนอยู่ที่พื้นนั่นเอง
"เบรฟปลอดภัยดีครับ เขาแค่หลับไป" ผมชิงพูดก่อนที่เขาจะคาดเดาอะไรมาก่อน
"หลับ? แล้วควันพิษล่ะครับ" ภูผาถามผมด้วยสีหน้าที่มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด ซึ่งผมเองก็ยังคงไม่แน่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ถ้าเป็นควันพิษอย่างที่คุณกันต์บอกจริงๆ เบรฟคงจะตายไปแล้ว
"ผมเองก็ไม่รู้ครับ..คงต้องรอให้เขาตื่นขึ้นมาก่อน" ผมตอบเขากลับไปตามตรง โดยมีอินทัชพูดเสริมขึ้นมาต่อ
"ดีแล้วครับที่ไม่เป็นอะไร อย่างน้อยก็มั่นใจได้แล้วว่าพวกเราปลอดภัยกันดีจากควันพิษนั่น"
"แต่อิน..เหมือนเกมมาสเตอร์จะไม่ใช่คนพูดเรื่องควันพิษรึเปล่า" ภูผาพูดขึ้นมาสมทบกับความคิดของอินทัชทันที
"คุณจะบอกว่า..คุณกันต์โกหกเรื่องควันพิษเหรอครับ" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะพยายามหาผู้ต้องสงสัยกันอยู่
"เอาตามตรงผมก็ค่อนข้างจะสงสัยเขาอยู่แล้วครับ" อินทัชพูดตอบผมพร้อมกับพูดเหตุผลที่เขาสันนิษฐานเสริมมาด้วย
"ถึงผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องนักสืบมากนัก แต่จากที่เคยดูในหนัง นักสืบน่าจะมองเห็นสิ่งผิดปกติจากศพได้โดยไม่ต้องพึ่งแพทย์รีเปล่าครับ"
"อีกอย่างนะครับๆ สภาพศพเป็นแบบนั้นทำไมถึงยังให้น้องสาวตัวเล็กๆ เข้ามาดูด้วยล่ะครับ" ภูผาพูดเสริมขึ้นต่อจากอินทัช
"ก็ถูกของพวกคุณนะครับ.." ถึงคุณกันต์จะดูน่าไว้ใจมากขนาดไหน แต่ก็ต้องขอยอมรับว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นถูกต้อง จะมีพี่ชายที่ไหนอยากให้น้องสาวของตัวเองได้เห็นภาพพวกนั้นกัน อีกอย่างถึงเขาจะบอกว่าตัวเองเป็นนักสืบแต่น้องสาวของเขาจะนิ่งได้ถึงขนาดนั้นกับสภาพของเรนะงั้นเหรอ..
"พูดแล้วก็มีอีกเรื่องนึงนะครับ.." อินทัชพูดเกริ่นแล้วพูดต่อทันที "ถ้าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน..พวกเขาก็ต้องยืนยันให้กันอยู่แล้วนี่ครับ"
"คุณจะบอกว่าน้องเขามีเอี่ยวด้วยเหรอครับ?" ผมเอ่ยถามออกไปอย่างไม่อยากเชื่อ เด็กสาวในวัยมัธยมหน้าตาน่ารักสะอาดสะอ้านคนนั้นจะมาเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ
"ก็แค่อาจจะครับ..คุณหมอก็น่าจะเห็นแล้วว่าหนูน้อยคนนั้นไม่ได้ตกอกตกใจอะไรกับสภาพนั้นของเรนะด้วยซ้ำไป"
"นึกว่าผมคิดไปแค่คนเดียวซะอีกนะครับ" ภูผาพูดเสริมไปในทางเดียวกัน "เมื่อเช้าผมเดินมาเห็นคุณไอวี่พยายามเคาะห้องของเรนะแล้วก็เห็นพร้อมกันเลยครับ..คุณไอวี่ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ยังแทบจะล้มลงไปกับพื้นเลย"
"โอ๊ย.." ขณะที่พวกเรามัวแต่คุยกันอยู่นั้น ดูเหมือนว่าเบรฟเองก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว เขาค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพลางกุมหัวของตัวเองไปด้วย ผมที่ไม่ทันรู้ตัวก็เผลอโผกอดเจ้าตัวไปเสียแล้วด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง
"พี่เรน?" เขาเรียกผมด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าจนทำให้ผมได้สติกลับคืนมาและคลายกอดออกจากเขาทันที
"โทษทีนะ.." ผมได้แต่พูดพลางลูบที่ท้ายทอยแบบเขินๆ นี่คงเป็นไม่กี่ครั้งที่ผมจะเผลอหลุดทำอะไรแบบนี้กับคนอื่น
"ไม่เป็นไรครับ..แล้วทำไมพี่เข้ามาในห้องผมได้?" เขาถามผมออกมาด้วยสีหน้าและแววตาที่สงสัยเล็กน้อย
"ก็เราไม่ได้ล็อกห้องนี่"
"แต่ผมจำได้ว่าล็อกแล้วนะครับ.."
"แต่พี่ก็เปิดเข้ามาปกติเลยนะ.." ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความงงงวยของพวกเรา อินทัชก็เอ่ยถามขึ้นมา
"แล้วทำไมถึงลงไปนอนอยู่ที่พื้นได้ล่ะ"
"ผมเพิ่งหาถังออกซิเจนเจอน่ะครับ มันอยู่ใต้เตียง" เบรฟพูดพลางชี้ไปที่ใต้เตียง อินทัชและภูผาจึงก้มลงไปมองตามแล้วพบกับถังออกซิเจนนั่นจริงๆ
"แต่ไม่รู้ทำไม..ผมรู้สึกมึนหัวนิดหน่อยแล้วก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ พอรู้สึกตัวอีกทีก็เจอพี่เรนกับพวกคุณแล้วครับ"
"แล้วเรื่องควันพิษล่ะ" ภูผาถามออกมาด้วยความสงสัย
"หรือมันจะไม่ใช่ควันพิษครับ?" หลังจากผมเอ่ยคำถามนั้นออกไปได้ไม่นานเสียงเกมมาสเตอร์ก็ดังออกมาจากลำโพงที่อยู่ตรงมุมห้อง
"แหมๆ สมกับเป็นคุณหมอเลยนะครับ" เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยียวน พร้อมกับการปรากฏตัวบนจอโทรทัศน์ในห้อง
"ถ้าเป็นควันพิษจริงแล้วพวกคุณดันหาถังออกซิเจนกันไม่เจอก็คงตายกันเป็นใบไม้ร่วงเลยน่ะสิ"
"คุณน่ะ..สนุกนักรึไง" อินทัชเอ่ยถามเสียงเรียบ
"สนุกสิ! ได้เห็นลูกคนใหญ่คนโตอย่างพวกคุณวิ่งวุ่นหาถังออกซิเจนที่ไม่จำเป็นในห้องน่ะสนุกจะตายไป"
"คุณภูผา..ธุรกิจบ้านคุณทำเกี่ยวกับอุปกรณ์ทำเอฟเฟคประกอบฉากภาพยนตร์ด้วยไม่ใช่เหรอครับ"
"ไม่รู้สึกคุ้นกับควันพวกนี้บ้างเหรอ"
"Haze*?" ภูผาเอ่ยออกมาไม่ดังนักแต่ก็พอทำให้คนรอบๆ ตัวได้ยินอยู่บ้าง
"คืออะไร" อินทัชถามภูผากลับไปด้วยความสงสัย แต่คนที่ตอบกลับไม่ใช่ภูผาแต่เป็นเกมมาสเตอร์
"เครื่องสร้างควันไงครับ ไปเรียนเมืองนอกมาเรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้รีไง"
"ผมไม่ได้เรียนสายนี้มาสักหน่อย!" อินทัชเถียงเกมมาสเตอร์กลับไปอย่างเหลืออด
"แล้วทำไมผมถึงหลับไปได้ล่ะ" เบรฟหันไปถามเกมมาสเตอร์ที่อยู่ในจอโทรทัศน์
"เด็กน้อย..นายนี่โชคร้ายจังนะ ห้องนายดันเป็นไม่กี่ห้องที่ผมซ่อนถังออกซิเจนเอาไว้ที่ใต้เตียง"
"แล้วมันเกี่ยวกันยังไงครับ.." เบรฟถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
"นายโดนยาสลบที่ถูกผมปล่อยออกมาพร้อมควันนั่นเต็มๆ เลยน่ะสิ" หลังจากที่เกมมาสเตอร์พูดจบเขาก็หายออกไปจากจอแล้วปรากฏตัวเลข 9 เอาไว้เหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้กลับมีใบหน้าของคนที่โดนขีดทับใบหน้าขึ้นมาด้วย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ..
"เก็ต!?" ภูผาเอ่ยออกมาอย่างตกอกตกใจ
"ว้าาา~ กำลังคุยกันสนุกเลย มีคนเจอศพซะแล้ว" เกมมาสเตอร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เสียดายก่อนจะเงียบหายไปอีกครั้ง
"ทำไมถึงเป็นเก็ตไปได้ล่ะ..ก่อนหน้านี้เขายังคุยกับพวกเราอยู่เลย" ภูผาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย แต่ไม่ทันไรอินทัชก็แทรกขึ้นมา
"พวกเรารีบไปรวมตัวกันก่อนดีกว่าครับ" หลังเขาพูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้อง โดยมีภูผาเดินตามออกไปด้วย
"พวกเราก็ไปกันบ้างเถอะ" ผมพูดพลางยันตัวให้ยืนขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปให้เบรฟจับเหมือนปกติ
"พี่ใจดีจังนะครับ" เขาพูดแซวผมยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาจับแล้วลุกขึ้นมาตามผม
"หมอก็ต้องใจดีกับคนไข้ของตัวเองอยู่แล้ว" ผมพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะเดินนำเขาออกไปจากห้อง
พวกเราออกจากห้องมาแล้วเริ่มเดินหาห้องของคุณเก็ตเพื่อไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ผมไม่รู้ว่าคุณอินทัชกับคุณภูผาเขาจะเดินไปกันไวถึงขนาดนี้ ผมแค่เดินออกมาจากห้องพร้อมเบรฟก็ไม่เจอพวกเขาตามทางเสียแล้ว
"หรือห้องคุณเก็ตจะอยู่คนละชั้นกับพวกเราครับ" เบรฟพูดขึ้นมาหลังจากที่เราเดินอยู่ในโถงทางเดินของโรงแรมมาสักพักแล้วแต่ก็มีเพียงความเงียบที่อยู่รอบตัว
"คงงั้นนะ แต่พวกเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าชั้นไหน.."
"ก่อนหน้านี้..เกลเคยบอกผมว่าห้องพวกเขาอยู่ชั้น3"
"พวกเขาอาจจะอยู่ชั้น3 ก็ได้นะครับ"
"ก็เป็นไปได้นะ.."
ดูจากจำนวนคนแล้วห้องของพวกเราทั้งหมดคงไม่ได้อยู่ในชั้นเดียวกันอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ผมเดินตามทางเดินนี้มาดูเหมือนชั้นนี้จะมีห้องนอนแค่ 6-7 ห้องเท่านั้น ซึ่งคงไม่มีทางที่จะจุคนทั้งหมดเอาไว้ได้ ส่วนชั้นแรกก็มีเพียงห้องล็อบบี้ขนาดใหญ่และห้องโถงกว้างๆ เท่านั้น
"งั้นพวกเราลองขึ้นไปดูกันเถอะครับ"
"อื้ม..ไปกัน"
พวกเราเดินไปที่บันไดเพื่อที่จะขึ้นไปที่ชั้น3 แต่สิ่งที่พวกเราพบกลับเป็นกรงเหล็กที่ขวางทางพวกเราเอาไว้ซะอย่างนั้น
"ก่อนหน้านี้มันไม่ได้ล็อกนี่ครับ" เบรฟพูดออกมาอย่างสงสัย
"พี่ก็จำได้ว่ามันไม่ได้ล็อกเหมือนกัน.."
"เราลองหาทางอื่นกันดูก่อนไหมครับ"
"เหมือนพี่จะเห็นบันไดขึ้นชั้น3จากข้างห้องอาหารอยู่นะ ลองไปทางนั้นก่อนแล้วกัน"
"ครับ"
ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมโรงแรมที่ใหญ่โตและดูหรูหราแบบนี้ถึงไม่สามารถใช้งานลิฟต์ได้ แต่ถ้าให้ผมเดาก็คงเป็นเพราะเกมมาสเตอร์ไม่ต้องการให้เราใช้อีกนั่นแหละ
"พี่เรนครับ.." เบรฟที่เดินนำผมอยู่หยุดเดินกะทันหันจนใบหน้าของผมเกือบจะชนกับแผ่นหลังของเขา
"หืม? หยุดเดินทำไมล่ะ" ผมเบี่ยงตัวออกมายืนข้างเขาแทน
"มัน..ล็อกเหมือนกันครับ" เขาชี้ไปที่กรงเหล็กที่ขวางทางเหมือนกับบันไดอีกฝั่งให้ผมดู
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?"
*Haze เป็นเอฟเฟคควันอย่างหนึ่งซึ่งนิยมใช้ในอาคาร หรือนอกอาคารที่ไม่มีลมพัดหรือที่มีลมพัดน้อยๆ นิยมใช้ในสถานที่ปิด เพื่อสร้างความหนาแน่นของควันให้กระจายเต็มห้องมีลักษณะคล้ายหมอก
To Be Continued